“อลงกรณ์”แฉรัฐบาลทักษิณผลาญงบประมาณผ่านกองทุนนักการเมืองในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีเรียกร้อง”คมช.”สอบสวนโครงการปู้ยี่ปู้ยำภาษีของประชาชน เผยผลการตรวจสอบโครงการปลูกหม่อนเลี้ยงไหมในอำเภออาจสามารถต้นแบบแก้จนพบแต่โรงเรือนร้างและความล้มเหลว
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(๑๗ ธ.ค.)ว่า คมช. รัฐบาลและ สนช.โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๐ ตรวจสอบการใช้จ่ายของกองทุนกระจายการผลิตและการจ้างงานไปสู่ภูมิภาคในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี ๒๕๔๕-๒๕๔๘
สมัยรัฐบาลทักษิณ เนื่องจากตรวจพบว่ามีการอนุมัติโครงการแบบไม่โปร่งใสก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินเป็นการผลาญเงินภาษีของประชาชนแบบอย่างไร้ความรับผิดชอบโดยคณะอนุกรรมการที่มีรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีตามข้อเสนอของ ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่น อบต. เทศบาลและอบจ.ในเขตเลือกตั้งของ ส.ส.สังกัดพรรครัฐบาลเสมือนเป็นกองทุนการเมืองของรัฐบาลทักษิณเช่นเดียวกับการใช้เงินกองสลาก
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ตัวอย่างหนึ่งของการปู้ยี่ปู้ยำภาษีของประชาชนโดยอ้างนโยบายขจัดความยากจนคือ โครงการส่งเสริมราษฎรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมใน ๓ อำเภอของจังหวัดร้อยเอ็ดโดยใช้งบประมาณ ๓๒ ล้านบาทในปี ๒๕๔๕ โดยมีการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไหม ๕๐ โรงพร้อมอุปกรณ์การเลี้ยงและการส่งเสริมราษฎรจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ๕๐ กลุ่มในพื้นที่อำเภออาจสามารถอำเภอธวัชบุรีและกิ่งอำเภอทุ่งเขาหลวง ผลการตรวจสอบพบว่า โรงเรือน ๕๐ โรงใน ๓ อำเภอถูกปล่อยทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไม่ได้ใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับบ่อบาดาลและอุปกรณ์การเลี้ยงไหม ส่วนกลุ่มเกษตรกรสลายไปเกือบหมดเหลือไม่ถึง ๑๕ กลุ่มที่กลับไปเลี้ยงไหมตามบ้านดังที่เคยเลี้ยงก่อนจะเกิดโครงการดังกล่าว
“ในการลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อต้นเดือนธันวาคมได้รับการชี้แจงจาก อบต.และราษฎรว่า มีส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรครัฐบาลในจังหวัดร้อยเอ็ดมาประสานงานและตั้งโครงการผ่าน อบต.และ อบจ.หลังจากนั้นก็มีการเริ่มโครงการได้ไม่กี่เดือนการปลูกหม่อนในแปลงปลูกก็ยุติลงส่วนโรงเรือนก็ไม่ได้ใช้ตั้งแต่นั้นมา นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีโครงการสร้างโรงสาวไหมใกล้กับบริเวณโครงการใน ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรีใช้งบประมาณรัฐบาลผ่านอำเภอธวัชบุรีเกือบ ๑๐ ล้านบาทแต่ไม่สำเร็จพบเพียงโครงสร้างอาคารที่ยังไม่มุงหลังคาและผู้รับเหมาทิ้งงาน น่าสังเกตว่า ศูนย์วิจัยหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดยืนยันว่าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการจัดทำโครงการดังกล่าวเลยจนกระทั่งโรงเรือนสร้างเสร็จแล้วจึงได้รับแจ้งให้ช่วยส่งเสริมราษฎรปลูกหม่อนเท่านั้น จึงมีคำถามว่าทำไมโครงการที่ใช้งบประมาณแผ่นดินกว่า ๔๐ ล้านบาทจึงไม่ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงดำเนินการแต่กลับผ่านนักการเมืองในพื้นที่จนประสบความล้มเหลวในที่สุด”
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้เหมือนยอดของภูเขาน้ำแข็งที่เราตรวจพบและเชื่อว่ายังมีโครงการต่างๆของกองทุนการเมืองในรัฐบาลทักษิณที่มีลักษณะเช่นนี้อีกหลายร้อยล้านบาทจึงขอให้ คมช.รัฐบาลและ สนช.ทำการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อไปเพราะรัฐบาลทักษิณบริหารประเทศผิดพลาดผลาญภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองไม่ใช่มีเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชั่นเท่านั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ธ.ค. 2549--จบ--
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์แถลงวันนี้(๑๗ ธ.ค.)ว่า คมช. รัฐบาลและ สนช.โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี ๒๕๕๐ ตรวจสอบการใช้จ่ายของกองทุนกระจายการผลิตและการจ้างงานไปสู่ภูมิภาคในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างปี ๒๕๔๕-๒๕๔๘
สมัยรัฐบาลทักษิณ เนื่องจากตรวจพบว่ามีการอนุมัติโครงการแบบไม่โปร่งใสก่อให้เกิดความเสียหายต่องบประมาณแผ่นดินเป็นการผลาญเงินภาษีของประชาชนแบบอย่างไร้ความรับผิดชอบโดยคณะอนุกรรมการที่มีรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายจากนายกรัฐมนตรีตามข้อเสนอของ ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อผ่านองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเช่น อบต. เทศบาลและอบจ.ในเขตเลือกตั้งของ ส.ส.สังกัดพรรครัฐบาลเสมือนเป็นกองทุนการเมืองของรัฐบาลทักษิณเช่นเดียวกับการใช้เงินกองสลาก
นายอลงกรณ์กล่าวว่า ตัวอย่างหนึ่งของการปู้ยี่ปู้ยำภาษีของประชาชนโดยอ้างนโยบายขจัดความยากจนคือ โครงการส่งเสริมราษฎรปลูกหม่อนเลี้ยงไหมใน ๓ อำเภอของจังหวัดร้อยเอ็ดโดยใช้งบประมาณ ๓๒ ล้านบาทในปี ๒๕๔๕ โดยมีการสร้างโรงเรือนเลี้ยงไหม ๕๐ โรงพร้อมอุปกรณ์การเลี้ยงและการส่งเสริมราษฎรจัดตั้งกลุ่มเกษตรกรปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ๕๐ กลุ่มในพื้นที่อำเภออาจสามารถอำเภอธวัชบุรีและกิ่งอำเภอทุ่งเขาหลวง ผลการตรวจสอบพบว่า โรงเรือน ๕๐ โรงใน ๓ อำเภอถูกปล่อยทิ้งร้างชำรุดทรุดโทรมไม่ได้ใช้ประโยชน์เช่นเดียวกับบ่อบาดาลและอุปกรณ์การเลี้ยงไหม ส่วนกลุ่มเกษตรกรสลายไปเกือบหมดเหลือไม่ถึง ๑๕ กลุ่มที่กลับไปเลี้ยงไหมตามบ้านดังที่เคยเลี้ยงก่อนจะเกิดโครงการดังกล่าว
“ในการลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดเมื่อต้นเดือนธันวาคมได้รับการชี้แจงจาก อบต.และราษฎรว่า มีส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรครัฐบาลในจังหวัดร้อยเอ็ดมาประสานงานและตั้งโครงการผ่าน อบต.และ อบจ.หลังจากนั้นก็มีการเริ่มโครงการได้ไม่กี่เดือนการปลูกหม่อนในแปลงปลูกก็ยุติลงส่วนโรงเรือนก็ไม่ได้ใช้ตั้งแต่นั้นมา นอกจากนี้ยังปรากฏว่ามีโครงการสร้างโรงสาวไหมใกล้กับบริเวณโครงการใน ต.หนองไผ่ อ.ธวัชบุรีใช้งบประมาณรัฐบาลผ่านอำเภอธวัชบุรีเกือบ ๑๐ ล้านบาทแต่ไม่สำเร็จพบเพียงโครงสร้างอาคารที่ยังไม่มุงหลังคาและผู้รับเหมาทิ้งงาน น่าสังเกตว่า ศูนย์วิจัยหม่อนไหมเฉลิมพระเกียรติของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดร้อยเอ็ดยืนยันว่าไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการจัดทำโครงการดังกล่าวเลยจนกระทั่งโรงเรือนสร้างเสร็จแล้วจึงได้รับแจ้งให้ช่วยส่งเสริมราษฎรปลูกหม่อนเท่านั้น จึงมีคำถามว่าทำไมโครงการที่ใช้งบประมาณแผ่นดินกว่า ๔๐ ล้านบาทจึงไม่ให้หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงดำเนินการแต่กลับผ่านนักการเมืองในพื้นที่จนประสบความล้มเหลวในที่สุด”
รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า โครงการนี้เหมือนยอดของภูเขาน้ำแข็งที่เราตรวจพบและเชื่อว่ายังมีโครงการต่างๆของกองทุนการเมืองในรัฐบาลทักษิณที่มีลักษณะเช่นนี้อีกหลายร้อยล้านบาทจึงขอให้ คมช.รัฐบาลและ สนช.ทำการสอบสวนหาผู้รับผิดชอบต่อไปเพราะรัฐบาลทักษิณบริหารประเทศผิดพลาดผลาญภาษีของประชาชนเพื่อประโยชน์ทางการเมืองไม่ใช่มีเฉพาะการทุจริตคอร์รัปชั่นเท่านั้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 17 ธ.ค. 2549--จบ--