อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช ระบุองค์กรปกครองท้องถิ่นได้งบฯไม่ถึงร้อยละ 35 เป็นผลมาจากรัฐบาลชุดแล้วขาดความจริงใจในการกระจายอำนาจ จี้รัฐบาลนี้กำหนดแนวทางถ่ายโอน-อุดหนุนให้ชัด
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากการที่ประชุม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ผ่านการแก้ไข พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2542 มาตรา 30 (4) กำหนดให้รัฐต้องจัดสรรเงินอุดหนุนให้ท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ในปี 2549 นั้น ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลชุดนี้จะต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่สามารถใช้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมายได้ ซึ่งมีแนวทางที่จะแก้ไขได้ก็คือ 1. ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้จากปี 2549 ออกไปก่อน 2. ปรับลดเงินอุดหนุนจากร้อยละ 35 ให้เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
นายเทพไท กล่าวว่า ความเป็นจริงแล้วกฎหมายฉบับนี้ได้ออกมาในสมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้กำหนดแผนการกระจายอำนาจโดยให้เงินอุดหนุนแก่องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ซึ่งได้ออกเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ที่เป็นจริงในทางปฏิบัติ โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถที่จะปฏิบัติให้เป็นจริงได้ และทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้มแข็งมีงบประมาณเพียงพอในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองได้ แต่รัฐบาลชุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นรูปแบบของการกระจายอำนาจ แต่กลับสนับสนุนนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการหรือ CEO ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ มากกว่า ถ้าหากรัฐบาลชุดที่แล้วมีความจริงใจต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็สามารถผลักดันการจัดสรรเงินอุดหนุนให้ท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ในปี 2549 ได้ตามข้อบังคับของกฎหมาย โดยทยอยเพิ่มเงินอุดหนุนในอัตราปีละ 2.5-3 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถทำให้งบอุดหนุนครบ 35 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2549 แต่กลับปล่อยปละละเลยทำให้มีงบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี 2549 เพียง ร้อยละ 25 เท่านั้น และได้นำงบประมาณที่ควรจะอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาเป็นงบกลางของรัฐบาล เพื่อให้นายกฯทักษิณและคณะมีอำนาจสั่งจ่ายแต่เพียงผู้เดียว โดยผ่านโครงการทัวร์นกขมิ้นและโครงการงบผู้ว่า CEO
นายเทพไท กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ได้กำหนดโยบายที่ชัดเจนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการกระจายอำนาจ ถ่ายโอนภารกิจและอุดหนุนงบประมาณเป็นจำนวนเงินและกำหนดปีงบประมาณที่ชัดเจน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองก็จะต้องปรับปรุงแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้ และต้องสรุปบทเรียนของตนเองว่ารัฐบาลชุดไหนบ้างที่มีความจริงใจสนับสนุนการกระจายอำนาจ และรัฐบาลชุดไหนบ้างที่ขัดขวางการกระจายอำนาจ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลและเหตุผลของการตัดสินใจทางการเมืองที่ถูกต้องในอนาคต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย. 2549--จบ--
เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า จากการที่ประชุม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ผ่านการแก้ไข พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ปี พ.ศ. 2542 มาตรา 30 (4) กำหนดให้รัฐต้องจัดสรรเงินอุดหนุนให้ท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ในปี 2549 นั้น ถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งที่รัฐบาลชุดนี้จะต้องแก้ไขให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่สามารถใช้บังคับให้เป็นไปตามกฎหมายได้ ซึ่งมีแนวทางที่จะแก้ไขได้ก็คือ 1. ขยายเวลาบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้จากปี 2549 ออกไปก่อน 2. ปรับลดเงินอุดหนุนจากร้อยละ 35 ให้เป็นไปตามสภาพความเป็นจริงในปัจจุบัน
นายเทพไท กล่าวว่า ความเป็นจริงแล้วกฎหมายฉบับนี้ได้ออกมาในสมัยรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้กำหนดแผนการกระจายอำนาจโดยให้เงินอุดหนุนแก่องค์กรการปกครองส่วนท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ซึ่งได้ออกเป็นกฎหมายเพื่อให้มีผลบังคับใช้ที่เป็นจริงในทางปฏิบัติ โดยพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถที่จะปฏิบัติให้เป็นจริงได้ และทำให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเข้มแข็งมีงบประมาณเพียงพอในการพัฒนาท้องถิ่นของตนเองได้ แต่รัฐบาลชุดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไม่มีนโยบายในการส่งเสริมและสนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่เป็นรูปแบบของการกระจายอำนาจ แต่กลับสนับสนุนนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดแบบบูรณาการหรือ CEO ซึ่งเป็นรูปแบบการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ มากกว่า ถ้าหากรัฐบาลชุดที่แล้วมีความจริงใจต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็สามารถผลักดันการจัดสรรเงินอุดหนุนให้ท้องถิ่นไม่น้อยกว่าร้อยละ 35 ในปี 2549 ได้ตามข้อบังคับของกฎหมาย โดยทยอยเพิ่มเงินอุดหนุนในอัตราปีละ 2.5-3 เปอร์เซ็นต์ ก็สามารถทำให้งบอุดหนุนครบ 35 เปอร์เซ็นต์ได้ในปี 2549 แต่กลับปล่อยปละละเลยทำให้มีงบอุดหนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในปี 2549 เพียง ร้อยละ 25 เท่านั้น และได้นำงบประมาณที่ควรจะอุดหนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมาเป็นงบกลางของรัฐบาล เพื่อให้นายกฯทักษิณและคณะมีอำนาจสั่งจ่ายแต่เพียงผู้เดียว โดยผ่านโครงการทัวร์นกขมิ้นและโครงการงบผู้ว่า CEO
นายเทพไท กล่าวว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลชุดนี้ได้กำหนดโยบายที่ชัดเจนต่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการกระจายอำนาจ ถ่ายโอนภารกิจและอุดหนุนงบประมาณเป็นจำนวนเงินและกำหนดปีงบประมาณที่ชัดเจน เพื่อเป็นขวัญกำลังใจต่อการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเองก็จะต้องปรับปรุงแนวทางการทำงานให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมายฉบับนี้ และต้องสรุปบทเรียนของตนเองว่ารัฐบาลชุดไหนบ้างที่มีความจริงใจสนับสนุนการกระจายอำนาจ และรัฐบาลชุดไหนบ้างที่ขัดขวางการกระจายอำนาจ เพื่อจะได้เป็นข้อมูลและเหตุผลของการตัดสินใจทางการเมืองที่ถูกต้องในอนาคต
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย. 2549--จบ--