วันนี้( 10 พ.ค. 49 )เวลา 14.00 น. ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกฯ ว่า เป็นการกระทำที่เป็นลักษณะของการแก้ตัว และเพื่อประโยชน์ของตนเองมากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมาการเลือกตั้งที่ไม่ถูกต้อง และการต่อต้านการทำงานรัฐบาลทักษิณเกิดขึ้นในทุกระดับสังคม ส่วนข้ออ้างที่บอกว่ากระทำไปเพื่อปกป้องทุกอย่างให้เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตย แท้จริงแล้วประชาธิปไตยได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว ทั้งเรื่องการเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน และสื่อมวลชน บทบาทฝ่ายค้าน ตลอดทั้งการมีส่วนร่วมของเสียงข้างน้อย ที่สำคัญการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหาร ซึ่งกระบวนการทั้งหมดที่กล่าวมาได้ถูกทำลายไปจนหมดสิ้นแล้ว ดังนั้นการส่งหนังสือหรือจดหมายจึงเป็นการอธิบายปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น แต่เป็นการอธิบายที่ไม่ครบถ้วนทุกด้าน
ดร.สุรินทร์ กล่าวต่อว่าอยากถามว่าการกระทำดังกล่าวมีวัตถุประสงค์อะไร ถึงต้องไปทำหนังสือถึง เพราะทางสถานฑูต ก็มีหน้าที่รายงานเรื่องต่างๆอยู่แล้ว พร้อมทั้งสื่อมวลชนก็มีอยู่อย่างกว้างขวาง กับสถานการณ์ดังกล่าวเป็นที่รู้ของสัมคมอยู่แล้ว แต่การกระทำอย่างนี้ของพ.ต.ท.ทักษิณ รักษาการนายกฯ เป็นความพยายามวาดภาพตนเองว่าเป็นนักประชาธิปไตย และต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ทำอยู่จริง เพราะตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านกระบวนการต่างๆ ตรงข้ามกับค่านิยมประชาธิปไตยมาโดยตลอด เพราะนั้นการกระทำดังกล่าวเป็น การแสดงออกให้เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่เรียกว่าหน้าไว้ หลังหรอก ส่วนภาษาอังกฤษเรียกว่า “Hyprohicy.” ซึ่งตรงนี้ทำให้ภาพพจน์ของประเทศไทยเสียหาย และถูกมองในมุมที่เสียหายมากขึ้น
ต่อกรณีที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการเปิดเผยหนังสือฉบับดังกล่าวต่อสาธารณชน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนคิดว่าหากไม่มีอะไร ที่เสียหาย ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลัว ก็ควรจะต้องเปิดเผยต่อ สาธารณชน และเมื่อเรื่องเป็นประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงใจ ก็สมควรจะเปิดเผยให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ เพราะตามที่พยายามอธิบายก็ไม่มีผลประโยชน์ หรือว่าอะไรที่จะกระทบความมั่นคง หรือผลประโยชน์ของรัฐ
“ผมคิดว่าคนไทยมีสิทธิเรียกร้อง และมีสิทธิที่รับรู้ข้อมูลทั้งหลาย ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไป การที่บอกว่าทำไปเพื่อรักษารอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องร้าย และไม่ใช่เรื่องกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ และความั่นคงของประเทศ จึงไม่ควรอืมครึม และสมควรจะต้องเปิดเผยออกมาให้สาธารณชนรับทราบ”รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ก.ค. 2549--จบ--
ดร.สุรินทร์ กล่าวต่อว่าอยากถามว่าการกระทำดังกล่าวมีวัตถุประสงค์อะไร ถึงต้องไปทำหนังสือถึง เพราะทางสถานฑูต ก็มีหน้าที่รายงานเรื่องต่างๆอยู่แล้ว พร้อมทั้งสื่อมวลชนก็มีอยู่อย่างกว้างขวาง กับสถานการณ์ดังกล่าวเป็นที่รู้ของสัมคมอยู่แล้ว แต่การกระทำอย่างนี้ของพ.ต.ท.ทักษิณ รักษาการนายกฯ เป็นความพยายามวาดภาพตนเองว่าเป็นนักประชาธิปไตย และต่อสู้เพื่อปกป้องประชาธิปไตย ซึ่งขัดแย้งกับสิ่งที่ทำอยู่จริง เพราะตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านกระบวนการต่างๆ ตรงข้ามกับค่านิยมประชาธิปไตยมาโดยตลอด เพราะนั้นการกระทำดังกล่าวเป็น การแสดงออกให้เห็นว่าเป็นพฤติกรรมที่เรียกว่าหน้าไว้ หลังหรอก ส่วนภาษาอังกฤษเรียกว่า “Hyprohicy.” ซึ่งตรงนี้ทำให้ภาพพจน์ของประเทศไทยเสียหาย และถูกมองในมุมที่เสียหายมากขึ้น
ต่อกรณีที่หลายฝ่ายออกมาเรียกร้องให้มีการเปิดเผยหนังสือฉบับดังกล่าวต่อสาธารณชน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าตนคิดว่าหากไม่มีอะไร ที่เสียหาย ก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องกลัว ก็ควรจะต้องเปิดเผยต่อ สาธารณชน และเมื่อเรื่องเป็นประเด็นที่สังคมเคลือบแคลงใจ ก็สมควรจะเปิดเผยให้ทุกฝ่ายได้รับทราบ เพราะตามที่พยายามอธิบายก็ไม่มีผลประโยชน์ หรือว่าอะไรที่จะกระทบความมั่นคง หรือผลประโยชน์ของรัฐ
“ผมคิดว่าคนไทยมีสิทธิเรียกร้อง และมีสิทธิที่รับรู้ข้อมูลทั้งหลาย ที่พ.ต.ท.ทักษิณ ทำไป การที่บอกว่าทำไปเพื่อรักษารอบประชาธิปไตย ไม่ใช่เรื่องร้าย และไม่ใช่เรื่องกระทบกระเทือนต่อผลประโยชน์ และความั่นคงของประเทศ จึงไม่ควรอืมครึม และสมควรจะต้องเปิดเผยออกมาให้สาธารณชนรับทราบ”รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ก.ค. 2549--จบ--