วันนี้(3 มิ.ย.49 )นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ยืนยัน ว่าไม่มีผู้บารมี หรือมีใครอยู่เบื้องหลังให้ลาออกว่า ตนได้พูดไปแล้วว่านายกรัฐมนตรีพูดจาเรื่องนี้ด้วยโมหะจริต และขอให้เรียกสติคืนมาโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะทำให้บ้านเมืองยุ่งยาก เพราะไม่ได้มีใครทำอะไร ที่ไม่ถูกไม่ต้อง แต่นายกรัฐมนตรีมีอารมณ์ไปเอง และตอนนี้อยู่ในช่วงเวลาที่หวาดระแวงคนอื่นไปหมด ดังนั้นนายกรัฐมนตรีต้องมองตัวเองและพิจารณาตัวเองว่าสิ่งที่ดำเนินการมาทั้งหมดถูกต้องหรือไม่ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นเป็นลักษณะของคนที่หวงอำนาจ กังวลกับอำนาจที่ตัวเองมีอยู่และเกิดความไม่มั่นใจว่าจะอยู่ได้หรือไม่ จึงได้เกิดคำพูดเช่นนี้ และเห็นว่าขณะนี้สายไปที่จะมาทำความชัดเจนในเรื่องนี้
“มันสายไปแล้ว เพราะนายกฯทำลับ ๆ ล่อ ๆ มาหลายวันแล้ว คนเสียอารมณ์ เสียความรู้สึกแล้ว ผมว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรีพูดจาอย่างนี้ไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่คนทั้งประเทศเชื่อถือได้ พูดจาคำไหนต้องเป็นคำนั้น พูดอย่างนี้เหมือนส.ส.ลูกพรรค ทำอย่างนี้ไม่ได้”นายสุเทพ กล่าว
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่แกนนำพรรคไทยรักไทยออกมาตอบโต้ว่าการที่นายกรัฐมนตรีพูดถึงคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใครนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นการปกป้องนายกรัฐมนตรีแบบแปลก ๆ ด้วย โดยมีบางคนออกมาบอกว่ากรณีนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยพูดจาทำให้สังคมมีปัญหา เกิดความรู้สึกแตกแยกในบ้านเมือง และเกิดวิกฤตทางความคิดความรู้สึกแล้วยังมาบอกให้พรรคประชาธิปัตย์ช่วยรับผิดชอบ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์แสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับกรณีที่ผลการสำรวจความเห็นของประชาชนในเอแบคโพลล์ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกลับมาจัดรายการ “นายกฯทักษิณ”คุยกับประชาชนว่า สำหรับตนรู้สึกเฉย ๆ เพราะพ.ตท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจ อยากจะพูดคนเดียวทุกวันก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร แต่สิ่งที่ตนติดใจคือ เวลาที่นายกรัฐมนตรีพูดอะไรแล้วควรจะต้องทำอย่างนั้น แต่การพูดอย่างทำอย่างจะทำให้เสียสถาบันนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องการจัดรายการก็ถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่พิสูจน์ว่าการพูดจาและการกระทำของนายกรัฐมนตรีไม่ค่อยอยู่กับล่องกับลอย ดังนั้นตนขอเรียนตรง ๆ ว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีไม่ชอบธรรมที่จะทำหน้าที่ต่อไป และความไม่ชอบธรรมจะค่อย ๆ แสดงออกมาเรื่อย ๆ และคงรั้งไว้ไม่อยู่ ไม่ว่าจะเอาโพลล์อะไรมาช่วยก็เอาไม่อยู่ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ดังนั้นตราบใดที่ยับยั้งจิตใจตัวเองไม่ได้ จะเอาใครมาแก้ หรือแก้เคล็ดอย่างไรก็ไม่ได้ หรือจะไปต่างประเทศอีกกี่หนก็ช่วยไม่ได้
“ผมไม่อยากวิจารณ์งานที่เขาทำที่เขาอ้างว่าเป็นวิชาการ แต่ผมพูดถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนทั่วไปที่พวกเราสัมผัสอยู่นั้น คือการที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดจากลับไปกลับมา พูดว่าจะเลิกแล้ว ไม่ทำแล้ว กลับมาทำใหม่ พูดว่าไม่ทำแล้วกลับมาทำ เชิญคนเขาทะเลาะไปทั่วแล้วบอกว่ามาสมานฉันท์กัน ตัวเองทำการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์กติกาทุกอย่าง ทุกเรื่อง แล้วมาบอกว่าขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ในกรอบกติกา ลักษณะของคำพูดและการกระทำที่ไม่ตรงกันอย่างนี้ทำลายสถานภาพของนายกรัฐมนตรี ทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่ไร้เกียรติยศ เชื่อถือไม่ได้”นายสุเทพ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ก.ค. 2549--จบ--
“มันสายไปแล้ว เพราะนายกฯทำลับ ๆ ล่อ ๆ มาหลายวันแล้ว คนเสียอารมณ์ เสียความรู้สึกแล้ว ผมว่าคนเป็นนายกรัฐมนตรีพูดจาอย่างนี้ไม่ได้ เพราะนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่คนทั้งประเทศเชื่อถือได้ พูดจาคำไหนต้องเป็นคำนั้น พูดอย่างนี้เหมือนส.ส.ลูกพรรค ทำอย่างนี้ไม่ได้”นายสุเทพ กล่าว
เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สำหรับกรณีที่แกนนำพรรคไทยรักไทยออกมาตอบโต้ว่าการที่นายกรัฐมนตรีพูดถึงคนมีบารมีนอกรัฐธรรมนูญไม่ได้เจาะจงว่าเป็นใครนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นการปกป้องนายกรัฐมนตรีแบบแปลก ๆ ด้วย โดยมีบางคนออกมาบอกว่ากรณีนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้องรับผิดชอบ ทั้งที่นายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยพูดจาทำให้สังคมมีปัญหา เกิดความรู้สึกแตกแยกในบ้านเมือง และเกิดวิกฤตทางความคิดความรู้สึกแล้วยังมาบอกให้พรรคประชาธิปัตย์ช่วยรับผิดชอบ ซึ่งหากพรรคประชาธิปัตย์แสดงความรับผิดชอบในเรื่องนี้ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คงไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สำหรับกรณีที่ผลการสำรวจความเห็นของประชาชนในเอแบคโพลล์ระบุว่าประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกลับมาจัดรายการ “นายกฯทักษิณ”คุยกับประชาชนว่า สำหรับตนรู้สึกเฉย ๆ เพราะพ.ตท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี และมีอำนาจ อยากจะพูดคนเดียวทุกวันก็ได้ ไม่เห็นเป็นไร แต่สิ่งที่ตนติดใจคือ เวลาที่นายกรัฐมนตรีพูดอะไรแล้วควรจะต้องทำอย่างนั้น แต่การพูดอย่างทำอย่างจะทำให้เสียสถาบันนายกรัฐมนตรี โดยเฉพาะเรื่องการจัดรายการก็ถือเป็นเหตุการณ์หนึ่งในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่พิสูจน์ว่าการพูดจาและการกระทำของนายกรัฐมนตรีไม่ค่อยอยู่กับล่องกับลอย ดังนั้นตนขอเรียนตรง ๆ ว่าวันนี้นายกรัฐมนตรีไม่ชอบธรรมที่จะทำหน้าที่ต่อไป และความไม่ชอบธรรมจะค่อย ๆ แสดงออกมาเรื่อย ๆ และคงรั้งไว้ไม่อยู่ ไม่ว่าจะเอาโพลล์อะไรมาช่วยก็เอาไม่อยู่ เพราะสิ่งสำคัญที่สุดขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี ดังนั้นตราบใดที่ยับยั้งจิตใจตัวเองไม่ได้ จะเอาใครมาแก้ หรือแก้เคล็ดอย่างไรก็ไม่ได้ หรือจะไปต่างประเทศอีกกี่หนก็ช่วยไม่ได้
“ผมไม่อยากวิจารณ์งานที่เขาทำที่เขาอ้างว่าเป็นวิชาการ แต่ผมพูดถึงความรู้สึกของพี่น้องประชาชนทั่วไปที่พวกเราสัมผัสอยู่นั้น คือการที่ท่านนายกรัฐมนตรีพูดจากลับไปกลับมา พูดว่าจะเลิกแล้ว ไม่ทำแล้ว กลับมาทำใหม่ พูดว่าไม่ทำแล้วกลับมาทำ เชิญคนเขาทะเลาะไปทั่วแล้วบอกว่ามาสมานฉันท์กัน ตัวเองทำการฝ่าฝืนกฎเกณฑ์กติกาทุกอย่าง ทุกเรื่อง แล้วมาบอกว่าขอให้ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองอยู่ในกรอบกติกา ลักษณะของคำพูดและการกระทำที่ไม่ตรงกันอย่างนี้ทำลายสถานภาพของนายกรัฐมนตรี ทำให้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นตำแหน่งที่ไร้เกียรติยศ เชื่อถือไม่ได้”นายสุเทพ กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ก.ค. 2549--จบ--