อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ เป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจอีกอุตสาหกรรมหนึ่งของไทย ซึ่งเป็น
ตัววัดความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของประเทศ และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและ
ความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว อัญมณี อาหาร เกษตร และเฟอร์นิเจอร์
ฯลฯ ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่จึงจำเป็นต้องเน้นการพัฒนาศักยภาพด้านซอฟต์แวร์ของประเทศให้มากขึ้น
ปัจจุบันอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็กมีอยู่
ประมาณ 1,000 บริษัท โดยการผลิตซอฟต์แวร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทบริการ หรือซอฟต์แวร์ตามที่ลูกค้า
สั่ง (Custom-developed Software) แบ่งออกเป็นนำเข้าจากต่างประเทศ 40% และในประเทศ 60% และ
ซอฟต์แวร์ที่เป็นสินค้าทั่วไป (Package or generic software product) แบ่งเป็นนำเข้า 70% และภายใน
ประเทศ 30% โดยมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ดังนี้ คือ 1)System software/utilities 2)Application tool 3)
Middle ware และ 4)Application Solutions
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นซอฟต์แวร์ทางด้านอีอาร์พี (Enterprise
Resource Planning: ERP) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ช่วยในการบริหาร และซอฟต์แวร์ซีอาร์เอ็ม (Customer
Relation Management) เป็นซอฟต์แวร์บริหารลูกค้าสัมพันธ์ สำหรับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ผลิตในไทย ส่วนใหญ่เป็น
ซอฟต์แวร์ระบบบัญชีขนาดเล็ก และซอฟต์แวร์บริหารระบบเช่า เป็นต้น
มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ในไทยมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดย
ตลอดตั้งแต่ปี 2536-ปัจจุบัน แต่ตลาดซอฟต์แวร์ในไทยกว่า 70% ของมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศเป็นการนำเข้า
ซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ ในขณะที่การส่งออกซอฟต์แวร์ของไทยมีน้อยมาก ถ้าพิจารณาเฉพาะมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์
ไทยตั้งแต่ปี 2544-2547 พบว่ามีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยในปี 2545 มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูง
ถึงร้อยละ 24 เทียบกับปี 2544 โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นมูลค่าของซอฟต์แวร์ชนิด Application Solutions มากที่
สุด ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าตลาดมากกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยรวมทั้งหมด ส่วนมูลค่าในปี 2547 คาดว่า
จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 17,934 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19.0% จากปี 2546 (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยตั้งแต่ปี 2544-2547p
หน่วย: ล้านบาท
ชนิดซอฟต์แวร์ 2544 สัดส่วน(%) 2545 สัดส่วน(%) 2546 สัดส่วน(%) 2547p สัดส่วน(%)
System software/utilities 2,415 24 2,350 19 2,704 18 3,200 18
Application tool 1,826 18 2,320 19 3,383 22 4,514 25
Middle ware 513 5 550 4 580 4 630 94
Application Solution 5,387 53 7,310 58 8,419 56 9,590 53
มูลค่ารวม 10,141 100 12,530 100 15,086 100 17,934 100
อัตราการเติบโต (%) 21 24 20 19
ที่มา: สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย / สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย
จากมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยจะเห็นได้ว่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
แต่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของไทยยังคงประสบปัญหามากมาย เช่น ปัญหาด้านขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญ
และได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองรองความสามารถด้านไอที ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ไม่เกิน 3,000 คน ปัญหาด้านเงินลงทุน
เนื่องจากบริษัทซอฟต์แวร์ไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก และธุรกิจซอฟต์แวร์เป็นธุรกิจที่ไม่มีทรัพย์สินจำนวน
มากในการค้ำประกัน ดังนั้นการขอสนับสนุนทางด้านการเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ยังไม่ได้รับการเชื่อถือจาก
สถาบันการเงินที่จะอนุมัติเงินลงทุนให้ เนื่องจากมองว่าบริษัทซอฟต์แวร์ไทยยังไม่มีมาตรฐานการผลิต และปัญหาขาด
การสนับสนุนด้านเงินทุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง
ดังนั้น การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยให้มีศักยภาพ มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และมี
ความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทาง
ภาครัฐจึงได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA เข้ามาทำ
หน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ได้พัฒนาตนเองให้มีศักยภาพสู่ระดับมาตรฐานสากล โดยมี
โครงการและกิจกรรมต่างๆ มากมายในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะ โครงการ ”ซอฟต์แวร์
สำหรับเอสเอ็มอี” หรือ “ซอฟต์แวร์เอื้ออาทร” ซึ่งทางกระทรวงไอซีทีได้ร่วมมือกับ SIPA ในการดำเนินการ โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อจัดหาซอฟต์แวร์ราคาถูกมาสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงแรม ท่อง
เที่ยว ร้านค้าปลีก และผลิตสินค้าโอท็อป เป็นต้น และเป็นการส่งเสริมให้กลุ่มบริษัทซอฟต์แวร์พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อ
จำหน่ายหรือให้เช่าแก่เอสเอ็มอี ในราคาถูก รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกิดบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ขนาดเล็กและขนาด
ย่อมจำนวนมาก ตลอดจนส่งเสริมให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ขยายฐานการผลิตให้กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งได้ทำการเปิด
ตัวโครงการไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 ที่ผ่านมา
โดยซอฟต์แวร์ที่จะทำการพัฒนา และนำมาใช้จะเป็นซอฟต์แวร์ในลักษณะช่วยจัดการด้านการทำรายการ
ทางธุรกิจ (Business Transaction) ด้านการติดต่อกับลูกค้า (Business Communication) และด้านการ
จัดการภายในองค์กร(Business Management) ของบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลาง
โดยตั้งเป้าหมายไว้ภายในปี 2551 จะมีจำนวนเอสเอ็มอีที่ใช้ ICT และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องผ่านเครือ
ข่าย จำนวนไม่ต่ำกว่า 300,000 ราย จำนวนบริษัทที่ร่วมผลิตซอฟต์แวร์สำหรับเอสเอ็มอีมีไม่ต่ำกว่า 500 บริษัท และ
สามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท/ปี และมีการจ้างบุคลากรด้านซอฟต์แวร์ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และมี
บริษัทให้บริการ ASP แก่กลุ่มเอสเอ็มอี ไม่ต่ำกว่า 5 ราย
จะเห็นได้ว่าโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับเอสเอ็มอีไทยทั้งผู้ประกอบ
การในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งจะมีโอกาสได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาจนสามารถเป็นบริษัทที่มี
มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ ส่วนผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอีก็จะมีโอกาสใช้ซอฟต์แวร์
เพื่อไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น ในราคาประหยัดพร้อมบริการที่ดีอีกด้วย หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจเข้า
ร่วมโครงการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ โทร. 02-554-0454
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-
ตัววัดความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีของประเทศ และเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและ
ความสามารถในการแข่งขันให้กับอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การท่องเที่ยว อัญมณี อาหาร เกษตร และเฟอร์นิเจอร์
ฯลฯ ดังนั้นการพัฒนาเศรษฐกิจยุคใหม่จึงจำเป็นต้องเน้นการพัฒนาศักยภาพด้านซอฟต์แวร์ของประเทศให้มากขึ้น
ปัจจุบันอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยยังเป็นอุตสาหกรรมขนาดเล็ก ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดเล็กมีอยู่
ประมาณ 1,000 บริษัท โดยการผลิตซอฟต์แวร์แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ ประเภทบริการ หรือซอฟต์แวร์ตามที่ลูกค้า
สั่ง (Custom-developed Software) แบ่งออกเป็นนำเข้าจากต่างประเทศ 40% และในประเทศ 60% และ
ซอฟต์แวร์ที่เป็นสินค้าทั่วไป (Package or generic software product) แบ่งเป็นนำเข้า 70% และภายใน
ประเทศ 30% โดยมีผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ดังนี้ คือ 1)System software/utilities 2)Application tool 3)
Middle ware และ 4)Application Solutions
ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่นำเข้าจากต่างประเทศส่วนใหญ่เป็นซอฟต์แวร์ทางด้านอีอาร์พี (Enterprise
Resource Planning: ERP) ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ช่วยในการบริหาร และซอฟต์แวร์ซีอาร์เอ็ม (Customer
Relation Management) เป็นซอฟต์แวร์บริหารลูกค้าสัมพันธ์ สำหรับผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ผลิตในไทย ส่วนใหญ่เป็น
ซอฟต์แวร์ระบบบัญชีขนาดเล็ก และซอฟต์แวร์บริหารระบบเช่า เป็นต้น
มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ในไทยมีมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ซึ่งมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดย
ตลอดตั้งแต่ปี 2536-ปัจจุบัน แต่ตลาดซอฟต์แวร์ในไทยกว่า 70% ของมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ในประเทศเป็นการนำเข้า
ซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ ในขณะที่การส่งออกซอฟต์แวร์ของไทยมีน้อยมาก ถ้าพิจารณาเฉพาะมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์
ไทยตั้งแต่ปี 2544-2547 พบว่ามีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด โดยในปี 2545 มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูง
ถึงร้อยละ 24 เทียบกับปี 2544 โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นมูลค่าของซอฟต์แวร์ชนิด Application Solutions มากที่
สุด ซึ่งมีสัดส่วนมูลค่าตลาดมากกว่าร้อยละ 50 ของมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยรวมทั้งหมด ส่วนมูลค่าในปี 2547 คาดว่า
จะมีมูลค่าตลาดประมาณ 17,934 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 19.0% จากปี 2546 (ตารางที่ 1)
ตารางที่ 1 มูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยตั้งแต่ปี 2544-2547p
หน่วย: ล้านบาท
ชนิดซอฟต์แวร์ 2544 สัดส่วน(%) 2545 สัดส่วน(%) 2546 สัดส่วน(%) 2547p สัดส่วน(%)
System software/utilities 2,415 24 2,350 19 2,704 18 3,200 18
Application tool 1,826 18 2,320 19 3,383 22 4,514 25
Middle ware 513 5 550 4 580 4 630 94
Application Solution 5,387 53 7,310 58 8,419 56 9,590 53
มูลค่ารวม 10,141 100 12,530 100 15,086 100 17,934 100
อัตราการเติบโต (%) 21 24 20 19
ที่มา: สมาคมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทย / สมาคมธุรกิจคอมพิวเตอร์ไทย
จากมูลค่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยจะเห็นได้ว่าตลาดซอฟต์แวร์ไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
แต่อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ของไทยยังคงประสบปัญหามากมาย เช่น ปัญหาด้านขาดแคลนบุคลากรที่มีความรู้ความชำนาญ
และได้รับใบประกาศนียบัตรรับรองรองความสามารถด้านไอที ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ไม่เกิน 3,000 คน ปัญหาด้านเงินลงทุน
เนื่องจากบริษัทซอฟต์แวร์ไทยส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการรายเล็ก และธุรกิจซอฟต์แวร์เป็นธุรกิจที่ไม่มีทรัพย์สินจำนวน
มากในการค้ำประกัน ดังนั้นการขอสนับสนุนทางด้านการเงินจากสถาบันการเงินต่างๆ ยังไม่ได้รับการเชื่อถือจาก
สถาบันการเงินที่จะอนุมัติเงินลงทุนให้ เนื่องจากมองว่าบริษัทซอฟต์แวร์ไทยยังไม่มีมาตรฐานการผลิต และปัญหาขาด
การสนับสนุนด้านเงินทุนจากภาครัฐอย่างจริงจัง
ดังนั้น การพัฒนาและส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ไทยให้มีศักยภาพ มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพ และมี
ความปลอดภัยเป็นที่ยอมรับจากทั้งตลาดในและต่างประเทศ จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ทาง
ภาครัฐจึงได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ SIPA เข้ามาทำ
หน้าที่สนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ได้พัฒนาตนเองให้มีศักยภาพสู่ระดับมาตรฐานสากล โดยมี
โครงการและกิจกรรมต่างๆ มากมายในการพัฒนาศักยภาพอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ โดยเฉพาะ โครงการ ”ซอฟต์แวร์
สำหรับเอสเอ็มอี” หรือ “ซอฟต์แวร์เอื้ออาทร” ซึ่งทางกระทรวงไอซีทีได้ร่วมมือกับ SIPA ในการดำเนินการ โดยมี
วัตถุประสงค์เพื่อจัดหาซอฟต์แวร์ราคาถูกมาสนับสนุนกลุ่มธุรกิจเอสเอ็มอีในอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น โรงแรม ท่อง
เที่ยว ร้านค้าปลีก และผลิตสินค้าโอท็อป เป็นต้น และเป็นการส่งเสริมให้กลุ่มบริษัทซอฟต์แวร์พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อ
จำหน่ายหรือให้เช่าแก่เอสเอ็มอี ในราคาถูก รวมทั้งเป็นการส่งเสริมให้เกิดบริษัทพัฒนาซอฟต์แวร์ขนาดเล็กและขนาด
ย่อมจำนวนมาก ตลอดจนส่งเสริมให้นักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ขยายฐานการผลิตให้กว้างขวางมากขึ้น ซึ่งได้ทำการเปิด
ตัวโครงการไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2547 ที่ผ่านมา
โดยซอฟต์แวร์ที่จะทำการพัฒนา และนำมาใช้จะเป็นซอฟต์แวร์ในลักษณะช่วยจัดการด้านการทำรายการ
ทางธุรกิจ (Business Transaction) ด้านการติดต่อกับลูกค้า (Business Communication) และด้านการ
จัดการภายในองค์กร(Business Management) ของบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลาง
โดยตั้งเป้าหมายไว้ภายในปี 2551 จะมีจำนวนเอสเอ็มอีที่ใช้ ICT และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องผ่านเครือ
ข่าย จำนวนไม่ต่ำกว่า 300,000 ราย จำนวนบริษัทที่ร่วมผลิตซอฟต์แวร์สำหรับเอสเอ็มอีมีไม่ต่ำกว่า 500 บริษัท และ
สามารถทำรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท/ปี และมีการจ้างบุคลากรด้านซอฟต์แวร์ไม่ต่ำกว่า 10,000 คน และมี
บริษัทให้บริการ ASP แก่กลุ่มเอสเอ็มอี ไม่ต่ำกว่า 5 ราย
จะเห็นได้ว่าโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่มีประโยชน์อย่างมากสำหรับเอสเอ็มอีไทยทั้งผู้ประกอบ
การในอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ ซึ่งจะมีโอกาสได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาจนสามารถเป็นบริษัทที่มี
มาตรฐาน เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือทั้งในและต่างประเทศ ส่วนผู้ประกอบการกลุ่มเอสเอ็มอีก็จะมีโอกาสใช้ซอฟต์แวร์
เพื่อไปเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานมากขึ้น ในราคาประหยัดพร้อมบริการที่ดีอีกด้วย หากผู้ประกอบการท่านใดสนใจเข้า
ร่วมโครงการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ โทร. 02-554-0454
--กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม--
-พห-