วันนี้ ( 10 ก.ค.49) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เกี่ยวกับกรณีที่ พล.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอย้ายโอนคดีมาสอบสวนที่กรุงเทพโดยอ้างเหตุผลเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พรรค ปชป.เห็นว่า ประธานกกต.กำลังสร้างเรื่องให้ดูน่ากลัวเกินความจริง และบอกว่าจะออกมาขอย้ายโอนคดี ในส่วนของพรรค ปชป.เห็นว่า การที่พล.ต.อ.วาสนา จะขอย้ายโอนคดี มาที่กรุงเทพฯ ยังไม่มีเหตุที่เพียงพอ เป็นการสร้างภาพให้ใหญ่โตเกินความเป็นจริง เพราะการกล่าวอ้างว่ากลัวกลุ่มก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทำร้ายถึงชีวิตนั้น ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะประธาน กกต.ไม่ได้มีเรื่องอะไรบาดหมาง ไม่มีเรื่องอะไรขัดแย้ง โดยตรงกับกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงไม่มีความจำเป็นใดๆที่กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบจะมาทำร้าย
“ที่ท่านประธาน กกต.กลัวน่าจะเป็นการกลัวความจริงที่จะเปิดเผยในศาลต่อหน้าคนในท้องถิ่น จ.นครศรีธรรมราชมากกว่า และในความเป็นจริงแล้ว พี่น้องประชาชนในภาคใต้ รวมทั้งที่ จ นครศรีธรรมราช ก็มีจิตใจมีความเป็นธรรมเพียงพอ ที่จะรู้ว่าที่จะไม่ไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง”นายองอาจกล่าว
นายองอาจกล่าว กล่าวต่อว่า ในเมื่อเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.อยู่ในการพิจารณาคดีของศาลแล้ว ตนเชื่อมั่นว่าประชาชนใน จ.นครศรีธรรมราช ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามการพิจารณาของศาลโดยปกติ พล.ต.อ.วาสนา ควรที่จะนำความจริงไปพูดในศาล มากกว่าที่จะมาสร้างเรื่องราวให้ดูน่ากลัว อย่างที่พยายามทำอยู่ในขณะนี้ และที่สำคัญควรจะตรวจสอบตัวเองว่า ถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่ต้องมีความกังวล หรือไปกลัวว่าท้องถิ่นจะเกิดความชิงชัง ถึงกับมีข่าวลับที่จะเอาชีวิต เพราะแค่การจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยไม่ถูกต้องนั้น ที่มีผลถึงต้องฟ้องร้องกัน ไม่น่าจะลอบทำร้ายหรือเอาชีวิตกันจริงๆ
“สิ่งที่ท่านประธาน กกต.ควรจะวิตกกังวลมากกว่าก็คือการที่ กกต.ไปมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน กับผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจนกระทั่งทำให้การเลือกตั้งระดับชาติ เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย” นายองอาจกล่าว
ส่วน กรณีที่แกนนำรัฐบาล ออกมาบอกว่านายไทกรไปมาแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาอาฆาตมาตร้ายต่อพระมหากษัตริย์นั้น รู้กันดีอยู่แล้วว่า นายไทกร เป็นตัวแทนของพรรค ปชป.จึงออกมาแสดงบทบาทเบี่ยงประเด็นไปเรื่อยๆ นายองอาจ กล่าวชี้ แจงว่า ในส่วนของพรรค ปชป. ขอชี้แจงว่า การดำเนินการใดๆของนายไทกร ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ปชป. เพราะนายไทกรไม่ได้เป็นตัวแทนของ พรรคปชป.ตามที่แกนนำของรัฐบาลกล่าวหา การที่นายไทกรจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับใครนั้น ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของนายไทกร ถ้าเห็นว่ามีผู้หนึ่ง ผู้ใดในประเทศนี้กระทำการใดๆที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินคดีใครได้ ไม่
“ควรที่รัฐบาลหรือพรรคไทยรักไทยจะพยายามโยงเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีของนายไทกรให้มาเกี่ยวข้องกับพรรค ปชป. ถ้าพรรค ปชป.จะดำเนินคดีกับใครก็จะกระทำอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา โดยตัวของพรรค ปชป.เอง ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องไปอาศัยตัวแทนให้ดำเนินการในการแจ้งความดำเนินคดีทั้งสิ้น” นายองอาจกล่าว
โฆษกปชป. กล่าวต่อว่า พรรคปชป.คงไม่เหมือนกับคนบางคนในรัฐบาลนี้ ที่ต้องอาศัยตัวแทนหรือนอมินี ซึ่งคนใหญ่คนโตในรัฐบาลนี้ชอบประพฤติปฏิบัติกัน เพราะฉะนั้น จึงขอเรียกร้องให้ คนในรัฐบาลอย่าได้กล่าวใส่ร้ายป้ายสีพรรค ปชป. โดยไม่เป็นความจริง เฉพาะวาจาของหัวหน้าพรรคที่ออกมาพูดเรื่องผู้มีบารมี ก็ทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเกิดวิกฤติเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแกนนำของรัฐบาลและคนอื่นๆ ควรจะสงบปากสงบคำมากกว่าที่จะพยายามใส่ร้ายป้ายสีพรรคปชป.
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ก.ค. 2549--จบ--
“ที่ท่านประธาน กกต.กลัวน่าจะเป็นการกลัวความจริงที่จะเปิดเผยในศาลต่อหน้าคนในท้องถิ่น จ.นครศรีธรรมราชมากกว่า และในความเป็นจริงแล้ว พี่น้องประชาชนในภาคใต้ รวมทั้งที่ จ นครศรีธรรมราช ก็มีจิตใจมีความเป็นธรรมเพียงพอ ที่จะรู้ว่าที่จะไม่ไปทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง”นายองอาจกล่าว
นายองอาจกล่าว กล่าวต่อว่า ในเมื่อเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.อยู่ในการพิจารณาคดีของศาลแล้ว ตนเชื่อมั่นว่าประชาชนใน จ.นครศรีธรรมราช ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามการพิจารณาของศาลโดยปกติ พล.ต.อ.วาสนา ควรที่จะนำความจริงไปพูดในศาล มากกว่าที่จะมาสร้างเรื่องราวให้ดูน่ากลัว อย่างที่พยายามทำอยู่ในขณะนี้ และที่สำคัญควรจะตรวจสอบตัวเองว่า ถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้องก็ไม่ต้องมีความกังวล หรือไปกลัวว่าท้องถิ่นจะเกิดความชิงชัง ถึงกับมีข่าวลับที่จะเอาชีวิต เพราะแค่การจัดการเลือกตั้งท้องถิ่น โดยไม่ถูกต้องนั้น ที่มีผลถึงต้องฟ้องร้องกัน ไม่น่าจะลอบทำร้ายหรือเอาชีวิตกันจริงๆ
“สิ่งที่ท่านประธาน กกต.ควรจะวิตกกังวลมากกว่าก็คือการที่ กกต.ไปมีส่วนร่วมด้วยช่วยกัน กับผู้มีอำนาจในบ้านเมืองจนกระทั่งทำให้การเลือกตั้งระดับชาติ เมื่อวันที่ 2 เมษายนที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งที่เลวร้ายที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย” นายองอาจกล่าว
ส่วน กรณีที่แกนนำรัฐบาล ออกมาบอกว่านายไทกรไปมาแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาอาฆาตมาตร้ายต่อพระมหากษัตริย์นั้น รู้กันดีอยู่แล้วว่า นายไทกร เป็นตัวแทนของพรรค ปชป.จึงออกมาแสดงบทบาทเบี่ยงประเด็นไปเรื่อยๆ นายองอาจ กล่าวชี้ แจงว่า ในส่วนของพรรค ปชป. ขอชี้แจงว่า การดำเนินการใดๆของนายไทกร ไม่เกี่ยวข้องกับพรรค ปชป. เพราะนายไทกรไม่ได้เป็นตัวแทนของ พรรคปชป.ตามที่แกนนำของรัฐบาลกล่าวหา การที่นายไทกรจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับใครนั้น ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของนายไทกร ถ้าเห็นว่ามีผู้หนึ่ง ผู้ใดในประเทศนี้กระทำการใดๆที่เป็นสิ่งผิดกฎหมายก็สามารถดำเนินคดีใครได้ ไม่
“ควรที่รัฐบาลหรือพรรคไทยรักไทยจะพยายามโยงเรื่องการแจ้งความดำเนินคดีของนายไทกรให้มาเกี่ยวข้องกับพรรค ปชป. ถ้าพรรค ปชป.จะดำเนินคดีกับใครก็จะกระทำอย่างเปิดเผย ตรงไปตรงมา โดยตัวของพรรค ปชป.เอง ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องไปอาศัยตัวแทนให้ดำเนินการในการแจ้งความดำเนินคดีทั้งสิ้น” นายองอาจกล่าว
โฆษกปชป. กล่าวต่อว่า พรรคปชป.คงไม่เหมือนกับคนบางคนในรัฐบาลนี้ ที่ต้องอาศัยตัวแทนหรือนอมินี ซึ่งคนใหญ่คนโตในรัฐบาลนี้ชอบประพฤติปฏิบัติกัน เพราะฉะนั้น จึงขอเรียกร้องให้ คนในรัฐบาลอย่าได้กล่าวใส่ร้ายป้ายสีพรรค ปชป. โดยไม่เป็นความจริง เฉพาะวาจาของหัวหน้าพรรคที่ออกมาพูดเรื่องผู้มีบารมี ก็ทำให้ประเทศชาติบ้านเมืองเกิดวิกฤติเพิ่มมากขึ้นอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นแกนนำของรัฐบาลและคนอื่นๆ ควรจะสงบปากสงบคำมากกว่าที่จะพยายามใส่ร้ายป้ายสีพรรคปชป.
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 10 ก.ค. 2549--จบ--