ท่านประธานเชื่อไหมครับ หลังจากที่มีมติให้ไอทีโอไปทำ แล้วเขาไม่อยากทำ ต้องเจรจากันไปกันมากว่าจะตกลงกันได้ใช้เลาประมาณ 4-5 เดือน ซึ่งผมดูแล้วก็เป็นเรื่องแปลก เพราะว่าเดิมบอกเอ็มเจเขาจะทำงานช้า ต้องใช้เวลา 6 เดือน พอมาให้ไอทีโอทำ 4-5 เดือนยังไปไม่ถึงไหนเลยครับ มาตกลงให้เขาทำจริงๆ คือ 2 ก.ค. แล้วไอทีโอ ก็ไปจ้างบริษัทที่เขาจะทำการศึกษาในเรื่องอุปกรณืตรวจวัตถุระเบิด ระบบสายพานชื่อ ชื่อบริษัท เคจ แต่เป็นไอทีโอจ้างนะครับ และเขาก็ดีครับ เขาก็บอกว่าถ้าจะให้เขาทำอยู่ฝ่ายเดียวรัฐก็จะไม่มีหลักประกัน เขาก็บอกว่า เงื่อนไขที่เขารับมาทำก็คือว่า ตัวฝ่ายรัฐบาลหรือว่าสนามบินต้องไปจ้างบริษัทที่ปรึกษาอีกบริษัทหนึ่งมาช่วยตรวจหรือรับรองสิ่งที่บริษัทเคจหรือไอทีโอนำเสนอ
เพราะฉะนั้นจาก ก.พ. — ก.ค. มันเหมือนไม่มีอะไรคืบหน้า เพราะว่ากำลังสาระวนว่าทำอย่างไรจะไปหาคนที่จะมาออกแบบ มาทำเรื่องนี้ สิ่งที่น่าสนใจท่านประธานครับ ว่าในระหว่าง 4 — 5 เดือนนี้เกิดอะไรขึ้น ท่านประธานจำเอกสารที่กระผมอ่านเมื่อสักครู่ได้มั้ยครับ เขาบอกว่าเดือน พ.ค.ช่วงระหว่าง 4 — 5 เดือนนี้ล่ะครับ ที่บ.แพทริออตไปทำสัญญากับ บ.อินวิชั่น และในข้อความเอกสารที่กระผมอ่านไป เขาสรุปเอาไว้ว่าที่มาทำสัญญานี้เพราะคาดคะเนว่าจะมีโอกาสมาทำงานนี้ นี่ฝ่ายสนามบินยังไม่รู้เลยนะครับว่า จะไปจ้างใครออกแบบ แต่ว่าแพททริออตกล้าหาญชาญชัยที่จะทำสัญญาแล้วกับ บ.อินวิชั่น โดยคาดคะเนว่าที่สุดต้องมาซื้อของจากเขา ผ่านเขา และในช่วงนี้เช่นเดียวกันครับ คือในเดือนมิ.ย. 2546 ก็มีบริษัทที่ไปจดทะเบียนในสหรัฐชื่อ บ. System Design &Develop Inc เป็นบริษัทของเนวาด้า ไปจดทะเบียนเมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2546 ภายหลังเปลี่ยนชื่อมาเป็น บ. Quatrotec
เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์ครับ หลังจากที่เดือน ก.ค. ทาง บทม.ไปให้ไอทีโอไปจ้าง บ. Cage ออกแบบ แล้วไอทีโอบอกว่าช่วยไปหาบริษัทที่ปรึกษามารับรองตรวจการออกแบบนี้ ต่อมา บทม. เลือกที่จะจ้างบ. Quatrotec ซึ่งเพิ่งตั้งขึ้นได้ 2 เดือน ที่อ้างว่าบริษัทนี้มีประสบการณ์ 20 กว่าปี ไม่ใช่หรอกครับ เขาตั้งเดือน มิ.ย.ครับ ใบจดทะเบียนอยู่ตรงนี้ครับ ประสบการณ์ที่เขาจะอ้าง เขาจะอ้างว่าเป็นตัวบุคคลในบริษัท ผมก็ไม่ทราบว่าเราจะถือมาตรฐานอะไรครับ คนทำงานอยู่ในบริษัทมีประสบการณ์ก็หยิบมาเป็นประสบการณ์ตัวเอง อย่างนั้นได้หรือไม่ แต่ผมก็พยายามไปดูนะครับว่า บ. Quatrotec เขาเคยได้งานที่อื่นบ้างมั้ย ก็น่าสนใจครับ เขาก็ไปได้งานที่ซานฟรานซิสโกจริงๆ แต่ได้หลังจากที่มาได้ที่ประเทศไทย 2547 เพราะผมมีบันทึกรายงานการประชุมของกรรมการที่รับผิดชอบสนามบินซานฟรานซิสโก เขาไปจ้าง Quatrotec และในบันทึกการประชุมท่านทราบมั้ยครับว่าทำไมเขาจ้าง Quatrotec เขาบอกเขาได้ชื่อ บ. Quatrotec มาจาก บ.อินวิชั่น และเป็นบริษัทเดียวที่ทำข้อเสนอเข้าไปจนได้งานไป
ทั้งหมดที่กระผมกราบเรียนท่านประธานก็คือว่า ในช่วง 4 — 5 เดือนที่ท่านอ้างเปลี่ยนวิธีทั้งหมดนี่ล่ะครับ มันเกิดการสมคบขึ้นทั้งในประเทศ ทั้งต่างประเทศ ตั้งท่าน ตั้งท่าไว้แล้วว่าที่สุดก็ต้องไปซื้ออุปกรณ์ CTX จากบ.อินวิชั่น ผ่าน บ.แพทริออต และแน่นอนครับ หลังจากนี้เมื่อตั้งบริษัท ตกลงกันเรียบร้อยแล้ว เริ่มต้นก็มาทำงานสักระยะ ก็ถึงชงเข้ามาเพื่อที่จะให้อนุมัติ ก.ค. 2546 ปลายเดือนนะครับ ประชุม กทภ. ท่านรัฐมนตรีเองล่ะครับ รายงานต่อที่ประชุมครับว่า มันมีปัญหาเรื่องหนึ่งที่เกิดจากการปรับปรุงเพิ่มเติมสิ่งอำนายความสะดวกต่างๆภายในอาคารผู้โดยสารและอาคารเทียบเครื่องบินให้สามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 30 เป็น 45 ล้านคนต่อปี ทำให้ต้องมีการจัดซื้อ จัดจ้างเพิ่มขึ้น
ปัญหาคืออะไร ท่านทราบมั้ยครับ ที่ท่านรัฐมนตรีรายงาน ผู้ปฏิบัติงานต่างระวังตัวในการจัดซื้อ จัดจ้างจนก่อให้เกิดความล่าช้า เนื่องจากเกรงปัญหาการตรวจสอบความไม่โปร่งใส และระเบียบขั้นตอนต่างๆ เช่น จากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้น ตอนนี้ใครที่สงสัยว่าทำไมเรื่องคุณหญิงจารุวรรณวุ่นวาย ก็เข้าใจนะครับ ที่ทำทั้งหมดนี่เพื่อจะปูทางว่าจัดซื้อ จัดจ้าง จัดหาด้วยวิธีนี้ ผมไม่เรียกวิธีพิเศษนะครับ ผมเรียก "วิธีพิสดาร” และในที่สุดในเดือน ต.ค. วันที่ 15 ก็มีการนำเรื่องนี้เข้าเสนอที่ประชุม กทภ. คณะกรรมการที่ผมบอกว่ามีอำนาจเบ็ดเสร็จนี่ล่ะครับ การประชุมครั้งที่ 4 /2546 วันพุธที่ 15 ต.ค. 2546 15.00 น. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
ที่จริงถ้าดูจากเรื่องที่ผมลำดับให้ท่านประธานเห็นมา การประชุมวันนั้นน่าจะเป็นการอนุมัติในหลักการว่า จะต้องทำโครงการนี้แล้ว เบื้องต้นมีข้อมูล ข้อเท็จจริงอย่างไร วันนั้นท่านนายกฯเป็นประธานนะครับ และก็ท่านรมต.สุริยะอยู่ในที่ประชุม ก็มาถึงระเบียบวาระที่ 4.4 การเพิ่มระบบตรวจสอบอุปกรณ์และงานสาธารณูปโภคสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี ท่านประธานทราบมั้ยครับว่า ใครเป็นคนนำเสนอ ประธานกรรมการ กทภ. ท่านนายกฯนะครับ อนุญาตให้ปลัดกระทรวงคมนาคมและนายธีรวัฒน์ ศรีฉัตราภิมุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ชี้แจงรายละเอียดโครงการการเพิ่มระบบตรวจสอบอุปกรณ์และงานสาธารณูปโภคสำหรับท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อรองรับผู้โดยสาร 45 ล้านคนต่อปี ที่เสนอโดย บทม. ต่อที่ประชุม ปลัดน่ะไม่แปลกหรอกครับ เป็นหน้าที่ แต่ผมสนใจว่าท่านที่ปรึกษารัฐมนตรี ท่านมีหน้าที่อะไรที่ต้องเสนอเรื่องนี้ด้วยตัวเอง
รายงานการประชุมกล่าวต่อไปครับว่า ท่านปลัดและนายธีรวัฒน์ได้ชี้แจงรายละเอียดโครงการที่ บทม.เสนอพร้อมทั้งฉายภาพแบบจำลอง แบบจำลองที่ฉายภาพไปนี่ล่ะครับ ผมเข้าใจว่าล็อคยี่ห้อเรียบร้อยเลยครับ ที่ฉายให้ดู เดี๋ยวจะมีสมาชิกที่เขามาขยายความเรื่องนี้ แต่ว่าบรรยายฉายภาพสรุปได้ว่า จะต้องมีการขยายสนามบินจาก 30 ล้าน เป็น 45 ล้าน และก็จะต้องมีการเพิ่มโครงสร้างต่างๆ และก็เสนอว่าต้องมีการปรับปรุงระบบขนส่งกระเป๋าสัมภาระให้เป็น Single System พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนระบบตรวจสอบความปลอดภัยเป็นแบบ 100% โลว์ แบ็คเกจ In-Lind System วงเงิน 4,500 ล้านบาท ลอยมาเลยครับ 4,500 ล้าน ไอทีโอ ไปจ้าง Cage, Cage ออกแบบ ผู้ขายทั้งนั้นนะครับ ฝ่ายขายทั้งนั้น ฝ่ายซื้อไม่ทันดูอะไรเลย Quatrotec ก็ยังไม่ได้จ้างด้วย แม้จะรู้กันอยู่บ้าง แต่ว่าสรุปตัวเลขมา 4,500 ล้านบาท
บริษัทที่ปรึกษาของโครงการทั้งหมดคือ บ.พีเอ็มซี บันทึกเข้าสู่ที่ประชุมด้วยว่า ตัวเลขนี้ยังไม่มีการตรวจสอบรับรอง แต่ลอยมาเลย 4,500 ล้านบาท พอเสนอเสร็จว่าเป็น 4,500 ล้าน ท่านนายกฯท่านก็ดีครับ ขอแจมด้วยคน ประธาน กทภ. ได้ให้ข้อคิดเห็นเกี่ยวกับระบบเอ็กซเรย์กระเป๋าและสัมภาระที่จะนำมาใช้ตามโครงการว่า สามารถจะให้ข้อมูลรายละเอียดได้เท่ากับเครื่องเอ็กซเรย์ที่ใช้อยู่ในโรงพยาบาล ซึ่งจะสามารถประมวลข้อมูลให้เห็นภาพได้ 3 มิติ ถือได้ว่าเป็นระบบที่ทันสมัยมาก เพราะสามารถบอกวัตถุต้องสงสัยได้โดยอาศัยการวัดความเข้มของแสงเอ็กซเรย์ที่ผ่านวัตถุและรูปร่างอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นยาเสพติด หรือวัตถุระเบิด
สิ่งที่ต้องดำเนินการในการจัดหาระบบ ได้แก่ การซื้อหรือจัดหาระบบที่ทันสมัยล่าสุดมาใช้ เพราะเทคโนโลยีเรื่องนี้มีการเปลี่ยนแปลงรวดเร็วมาก อย่าจัดหาระบบที่กำลังจะล้าสมัยมาใช้ นอกจากนี้จะต้องมีข้อตกลงเรื่องการช่วยปรับปรุงระบบซอฟแวร์ของเครื่องมือให้ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา และการดูแลบำรุงรักษาเครื่องให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่ประชุมก็มีมติเห็นชอบให้ บทม. ไปดำเนินการปรับปรุง ระบบตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสาร 4,500 ล้านบาท ทั้งนี้ให้ดำเนินการจัดหาระบบ เพื่อตรวจสอบกระเป๋าและสัมภาระผู้โดยสารที่เป็นเทคโนโลยีล่าสุด พร้อมทั้งมีเงื่อนไขให้ปรับปรุงระบบซอฟแวร์ของระบบให้ทันสมัยอยู่เสมอ รวมทั้งการบำรุงรักษาตามปกติไว้ด้วย
ที่จริงหลังจากวันนั้นแล้ว จบแล้วล่ะครับ เพราะงบประมาณที่เขาเสนอเข้าไป ท่านประธานครับผมไปดู 4,500ล้าน เขาเสนออย่างไร ตัวเตรื่องตรวจวัตถุระเบิด เขาเสนอไว้ว่าต้องซื้อ 30 เครื่อง เครื่องละ 72 ล้านบาท ผมไม่เสียเวลาท่านประธานหรอกครับ แต่ขอยืนยันสั้นๆเลยว่า ถ้าซื้อ 30 เครื่อง มียี่ห้อเดียว เพราะอีกยี่ห้อหนึ่งต้องใช้จำนวนเครื่องมากกว่านี้ ราคาต่อเครื่องที่บอก 72 ล้านบาท ก็ใกล้เคียงยี่ห้อนี้ที่สุด เพราะฉะนั้นเหมือนกับการอนุมัติหลักการ ไม่ใช่ครับ ไม่ได้อนุมัติในหลักการเลย และต่อมาก็ไม่เป็นที่น่าแปลกใจอะไรเลย รายงานที่เสนอว่าระบบต้องเป็นอย่างนั้น ทั้นสมัยอย่างนี้ คอลเทคก็รายงานทั้นทีครับว่ารายงานรัฐบาลเลยว่าที่จะตรวจกระเป๋าได้ 110 ใบต่อนาที เขาเขียนว่า CTX 9000 ของอินวิชั่นเป็นยี่ห้อเดียวที่จะสามารถทำตามข้อกำหนดนี้ได้ ในรายงานต่อมาบอกอีกว่า CTX 9000 เป็นอุปกรณ์ตรวจระเบิดยีห้อเดียว ที่ได้รับการรับรองจาก จีเอสเอ ที่สามารถตรวจสอบยาเสพติดได้ เพราะกรรมการที่เบ็ดเสร็จของท่าน ที่บอกอนุมัติหลักการไม่ใช่หรอกครับ แต่ว่าอนุมัติไปชัดเจน CTX 9000 จำนวน 4,500 ล้านบาท ต่อไปก็ไปมีมติครม. รองรับวันที่ 11 พ.ย. แล้วหลังจากนั้นบทม.จึงไปเจรจา ทำสัญญากับไอทีโอ น่ารักมากนะครับคือตอนจะไปทำสัญยาอุตส่าไปต่อรองลดราคาเขา 50 ล้าน เขาลดให้ 29 ล้านแล้วก็ทำสัญญากันในวันที่ 25 มีนาคม 2547
ที่กราบเรียนมาทั้งหมดท่านประธานจะเห็นว่า การอนุมัติโครงการจัดซื้ออุปกรณ์ต่างๆตรงนี้ ไม่ปกติเลย รัฐบาลซึ่งเป็นคนซื้อของไม่มีแบบกลางของตนเอง ให้คนขายไปออกให้ ไม่มีคณะกรรมการที่จะมาประเมิน อะไรทั้งสิ้นว่าสมเหตุ สมผลหรือไม่ ไม่มีราคากลาง ทั้งหมดทำตามแนวทางที่เหมือนกับให้ฝ่ายขายไปทำตามใจชอบแล้วระหว่าชุลมุลอยู่ ก็ไปล็อคกันเรียบร้อยทั้งในสหรัฐฯ ทั้งในประเทศประเทศไทย อย่างที่กระผมกราบเรียนว่ามีการทำสัญญาเกิดขึ้น ระหว่างอินวิชั่น กับแพทริออท และมีการไปก่อตั้งบริษัทที่ปรึกษาเพื่อมารับนี้เป็นการเฉพาะด้วย เพราะฉะนั้นตั้งนี้ผมกราบเรียนว่าในประเด็นที่ผมตั้งไว้ ว่าการอนุมัติไม่ชอบมาพากลไหม มีการสมคบไหม ผมคิดว่ามันชัดเจน ว่ามีการสมคบและจะต้องนำมาสู่การซื้ออุปกรณ์นี้
ประเด็นที่ 2 ที่กระผมตั้งขึ้นมาก็คือว่า เมื่อตั้งโครงการอนุมัติวงเงินมาแล้ว มันมีการไปทำส่วนต่างราคาเป็นทอดๆๆ เพื่อให้เกิดกำไร ในทางไม่ถูกต้องหรือไม่ มาดูกันครับราคาต่างๆเป็นอย่างไร ผมขอกราบเรียน เพราะท่านรัฐมนตรีเคยพยายามชี้แจงเรื่องส่วนต่างราคาอธิบายเป็นแผนภูมิ กระผมขอบอกก่อนว่าหากวันนี้ยังชี้แจงโดยแผนภูมินี้ที่ท่านเคยทำ คงจะยากอยู่ครับ เดี่ยวผมจะชี้ให้เห็นว่าทำไมไม่เป็นตามนั้น และถ้าไม่ตรงตามนั้นก็ถามว่าทำไมวันนี้ชี้แจงอย่างนั้น
ท่านประธานครับผมไม่ไปทำให้เกิดความสับสนและท่านรัฐมนตรีกรุณาอย่ามาทำความสับสน ผมจะดูเฉพาะราคาเครื่อง CTX 9000 26 เครื่อง บวกอุปกรณ์ที่ประกอบและบริการที่เกี่ยวข้อง ผมไม่พูดถึงส่วนสายพานครับ ก็มาทำความตกลงกันก่อนว่าข้อเท็จจริงที่2 ฝ่ายยอมรับรงกันคืออย่างนี้ครับ CTX 9000 26 เครื่อง อุปกรณ์ต่างๆ จะมีทั้งหมด 17 รายการ ตามสัญญาที่ปรากฎอยู่ระหว่างไปทีโอ กับบทม. ไอทีโอขายให้บทม.ในราคา 2,608 ล้านบาท ไอทีโอไปซื้อมาจากแพทริออทในราคา 2,003 ล้านบาท และแพทริออทไปซื้อจากอินวิชั่นในราคา 1,432ล้านบาท ตรงนี้ไม่ต้องโต้แย้งกัน เพราะราคาที่บทม.ซื้อจากไอทีโอ ไอทีโอซื้อจากแพทริออท ปรากฎในสัญญาชัดเจนตามที่กระผมกราบเรียน และราคาที่แพทริออทไปซื้อจากอินวิชั่นนั้นก็ตามคำให้การที่ปรากฎในเอกสารของสหรัฐฯว่าเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นจากต้นทาง 1400 ล้าน เพิ่มขึ้นมาเป็น 2600 ล้านต่างกัน 1200 ล้าน ถามว่าจากอุปกรณ์ทั้งหลายที่ออกมาจากอินวิชั่น มาติดตั้งที่สนามบิน ทำอะไรกันมากมาย 1200 ล้านหรือ แต่แ ผนภูมิของท่านพยายามชี้แจงเยอะไปหมดเลย แต่ผมไปตรวจสอบมาแล้ว ผมบอกได้เลยว่ามีการบวกราคาเข้าไปทั้ง 2 ทอด คือไอทีโอก็บวกจากที่ซื้อมาจากแพทริออทและมาขายให้พวกเรา และแพทริออทก็บวกจากที่ซื้อจากอินวิชั่น และมาขายให้ไอทีโอ
ผมเอาส่วนของไอทีโอก่อนนะครับที่ต่างกัน 600 ล้านท่านรัฐมนตรีเคยชี้แจงว่าไอทีโอเขาจะต้องมีค่าใช้จ่าย ภาษีหัก ณ ที่จ่าย โพเจคแอดมิ้นซุปเปอร์วิชั่น ค่าจ้างวิศวกรอิสระ ค่าบริการการค้ำประกัน 2 ปี โอเวอร์เฮทกำไร ที่ผมดู ผมดูอย่างไรครับ ผมดูว่าบทม.ที่ตีมูลค่าลงนามในสัญญาไป2600ล้านได้อะไรบ้างจากไอทีโอ มีทั้งหมด 17 รายการ มูลค่า2608 ล้านบาท
และผมไปดูว่าไอทีโอไปทำสัญญากับแพทริออทในราคา 2003 ล้าน ซึ่งต่างกัน 600 ล้านเขาซื้ออะไร น่า อัศจรรย์ก็คือเขาซื้อ 17 รายการ ถ้อยคำเหมือนกันหมด ไม่มากกว่า ไม่น้อยกว่าเลยครับ สิ่งที่ไอทีโอได้มาจากแพทธิออทคือสิ่งที่ไอทีโอมาส่งมอบให้บทม.ไม้ด้เพิ่มไม่ได้ลดแต่มีส่วนต่างราคา 600 ล้านบาท เอาละเราอาจจะบอกว่าเขาอาจจะมีค่าบริหารจัดการ ยอมให้กำไรเขาบ้าง ผมยอมเลยครับท่านรัฐมนตรีบอกว่าให้เขาไม่เกิน 8.6 ผมตีให้บวกค่าบริหาร ค่าอะไร เป็น 10 % ก็ได้ 2000 ถ้า10 % ก็200ล้าน อีก400ล้านทำอะไร
แต่ว่าเขาเข้าใจทำนะครับในการทำราคาให้โก่งขึ้นมา คือรายการแรกคือเครื่องซีทีเอ็ก 26 เครื่อง ผมทำตารางเปรียบทียบเลยว่าเขาบวกเข้าไปเท่าไหร่ เขาบวก 8.8 % ผมถือว่าไม่ผิดปกติ รายการที่ 2 อุปกรณ์การติดตามวัตถุระเบิด เขาบวกไป 9% เอาล่ะยอมกันได้ รายการที่ 3 อุปกรณ์ทำลายวัตถุระเบิดท่านบวกไป 8.8% ไม่ว่ากัน รายการที่ 4 ยานพาหนะขนวัตถุอันตราย 7.4% ที่บวกเข้าไป ก็คงไม่ได้ผิดปกติที่เขาไม่บวกราคาพวกนี้เพราะมันบวกยากไปขอพวกที่มันตรวจสอบได้มันราคาเท่าไหร่ แต่วิธีที่เขาทำคือว่ารายการที่ 5 ถึงรายการที่ 17 พอไอทีโอไปซื้อจากแพทริออต เขาไม่จำแหนกว่าแต่ละรายการราคาเท่าไร เพราะรวมไปเป็นยอดเดียว รายการที่ 5 ถึง 17 ไอทีโอซื้อจากแพทริออตราคา 242 ล้านบาท แต่เขามาขายให้บทม.ราคา 692 ล้านบาท บวกราคาเข้าไป 450 ล้านบาท กำไรเท่าไรทราบไหมครับ 186% ไม่ใช่ 8.6 นะครับเอาจุดทศนิยมออกไปเอาเลข 1 ใส่ข้างหน้าอีกครับ 186%
ต้องตอบให้ได้ว่าที่เขียนเหมือนกันทุกรายการทุกรายการมันเพิ่มอะไรหนักหนาขึ้นมา 86% นี่คือส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มราคาในตอนที่ไอทีโอมาขายให้บทม.คราวนี้ลองย้อนกลับไปดูว่าแล้วที่ไอทีโอซื้อจากแพทริออต แพทริออตซื้อจากอินวิชั่นละบวกด้วยหรือเปล่า อันนี้ก็ต่างกันอยู่ประมาณ 600 ล้านเหมือนกัน เพราะว่าจาก 1,400 ขึ้นมาเป็น 2,000 ก่อนที่จะไปขายให้เป็น 2,600 ตรงนี้ท่านรัฐมนตรีก็จะยอมชี้แจงอีกหรือว่ามันมีอุปกรณ์เครื่องตรวจละอองระเบิดต่าง ๆ ซอฟแวร์ เยอะแยะไปหมด ผมบอกว่าวิธีบวกตรงนี้ไม่เหมือนกับบวกในช่วงเมื่อกี้ วิธีบวกช่วงนี้คือว่าเอารายการมานับซ้ำ คงจะยิ้มคงรู้ว่าจริง ทำไมถึงนับซ้ำ คือรายการที่เขาบอกว่ามาขายให้ไอทีโอเขาจะมีเขียนในรายการที่ไม่ใช่ตัวเครื่อง...เนทเวริ์ค เอสพีเอสซิสเต้มท์ซอฟแวร์ ซิสเต้มท์โปรแกรมแอปปริเคชั่นอะไรต่าง ๆ ผมก็อยากรู้ว่าของพวกนี้มันเพิ่มจากอุปกรณ์ตัวแรก
คือตัวเครื่อง 26 เครื่องหรือเปล่า เพราะตัวเครื่องมันมีราคาที่บ่งบอกชัดเจน ถามผมจะไปรู้อย่างไรว่าเขาตีราคาตัวเครื่องตรงนั้นมันรวมอะไรบ้าง ผมได้เอาใบอนุญาตส่งออกที่สหรัฐมา ใบอนุญาตการส่งออกของที่สหรัฐเนี่ยซึ่งตีมูลค่าของที่ส่งออกพันกว่าล้านเขาเขียนชัดเจนว่าไม่ได้มีเฉพาะ 26 เครื่อง มีเอ็นยูเอ็กซ์โพรดักส์ซิสเต้มท์ ซอฟแวร์ ฮาร์ดแวร์ ทีคอนเน็ค เม้าติเคอร์ ซีทีเอ็กซ์9000ซิสเตมท์ มีเมาท์ติเคอร์เวอร์สเตชั่น มีเวอร์สเตชั่น และรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ คือโดยสรุปไอ้ที่บอก 1,400 มาเพิ่มอีกเล็กน้อยเป็น 1,600 ไม่ใช่เฉพาะตัวเครื่องมันรวมของพวกนี้อยู่แล้ว แต่มาทำรายการพวกนี้แตกออกไปอีกเพื่อมาคิดเงินเพิ่ม ไม่ได้มีเฉพาะตัวนี้หรอกครับ จดหมายจีอีที่ตอบรัฐบาลมาไปถามเขาว่าไอ้ราคาที่ขายซีทีเอ็กซ์ 9000 เท่าไหร่ เขาก็ตอบมาเลย 35,800,000 เหรียญ มีเครื่องซีทีเอ็กซ์ 26 เครื่อง บวกผลิตภัณฑ์และบริการอื่น ๆรวมทั้งซอฟแวร์ เม้าท์ติเคดซิ่ง อินทริเคชั่นเซอร์วิส แลนด์ เมนเทอร์แน้นเซอร์วิส
แต่รายการย่อย ๆ พวกนี้มาแตกและคิดเพิ่มอีกรอบ ทนายความของบริษัท แพทริออตมาให้การบอกว่า แพทริออตซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด 26 เครื่อง รวมอุปกรณ์ประกอบ และอ๊อฟชั่นต่าง ๆ และอะไหล่สำรอง 2 ปี ในมูลค่า 33 กว่าล้านเหรียญ แต่เวลาท่านมาแจกแจงอุปกรณ์ต่าง ๆ แม้กระทั่งอะไหล่สำรอง 2 ปี มาคิดแยกเป็นอีกรายการ เหมือนบอกขายมือถือแถมหูฟัง แต่เวลาวางบิลเก็บค่าหูฟังอีก เพราะฉะนั้น 2 ส่วน เดี๋ยวมีเพื่อนสมาชิกมาคำนวณให้เห็นรวมกันแล้วมีเงินที่อธิบายไม่ได้ประมาณ 600 ล้าน เพราะฉะนั้นประเด็นที่ 2 ที่ผมกราบเรียนท่านประธานก็คือว่านอกจากสมคบกับขายของเรียบร้อยแล้วก็ขายกันเป็นทอด ๆ และก็บวกราคากัน ๆ กันเข้าไป เพื่อมีช่องว่างที่จะจ่ายเงินสินบนที่เป็นการทุจริต
ก็มาถึงประเด็นที่ 3 ว่าเมื่อทำกันมาอย่างนี้แล้วสรุปแล้วมีการจ่ายเงินไหม รัฐบาลชอบมากเลยครับเวลาที่ไปถามเขาแล้วให้บริษัทเขาตอบมา ให้รัฐบาลเขาตอบมาบอกว่าเขาไม่มีหลักฐานการจ่ายเงินของบริษัท จีอี มาให้เจ้าหน้าที่ของรัฐ เจ้าหน้าที่สินบน แต่ที่ผมลำดับเรื่องมาให้ท่านประธานมันไม่มีเงินออกมาจากจีอีอยู่แล้ว มันไม่เหมือนที่ฟิลิปปินส์ ที่จีน ผมเล่าให้ฟังสั้น ๆ ที่ฟลิปปินส์ ที่จีน เวลาติดสินบนเขาไปขอตัดเอาจากกำไรที่บริษัทได้ และบริษัทก็ต้องไปตกแต่งบัญชีว่าค่าใช้จ่ายมันเพิ่มขึ้นนั่นคือเงินออกจากบริษัทไปเป็นสินบน แต่กรณีของประเทศไทยที่เขาบรรยายไว้เงินยังไม่ทันถึงมือจีอี อินวิชั่น ก็เงินออกจากประเทศไทย น่าเจ็บใจว่างานนี้ไม่ได้ไปแบ่งกำไรฝรั่งครับ เอาเงินประชาชนไปให้ ถามว่าจ่ายเงินกันหรือยัง ในโครงการ 4,500 ล้าน มีสรุปคือจ่ายเงินไปแล้วคือ 2,900 ล้าน เฉพาะ 17 รายการที่ผมพูดว่ามันโผล่ขึ้นมาเป็น 2,600 ล้าน จ่ายไปแล้ว 1,500 ล้าน
ท่านรัฐมนตรีเคยชี้แจงว่าไม่ใช่ที่จ่ายไปมันมีเรื่องอุปกรณ์อื่น ๆ ไม่ใช่ครับ ผมมีสรุปการจ่ายเงินซีทีเอส ซึ่งเป็นผู้ที่รับผิดชอบติดตามอันนี้ จ่ายค่าเครื่องซีทีเอ็กซ์ 26 เครื่อง 1,099 ล้าน จ่ายรายการที่ 2 — 17 ที่กระผมพูดเมื่อสักครู่ 403 ล้าน รวมกันประมาณ 1,500 ล้าน บทม.จ่ายให้ไอทีโอ 1,500 ล้าน ไอทีโอจ่ายให้แพทริออตหรือยังครับ จ่ายแล้วครับ ผมมีบันทึกสรุปการจ่ายเงินจากไอทีโอถึงแพทริออตเป็นรายเดือนโดยสรุปแล้วไอทีโอจ่ายเงินไปให้แพทริออตแล้ว 644 ล้าน แปลว่าเงินอยู่ที่ไอทีโอหรือไอทีโอเอาไปให้คนอื่นอีก 900 แพทริออตจ่ายให้อินวิชั่นหรือยัง บริษัทฝรั่งไม่ได้แม้แต่บาทเดียว เพราะว่ากระทรวงยุติธรรมห้ามไม่ให้เขารับเงิน เพราะมาขายให้แพทริออตไม่ได้ สรุปก็คือเอาเงินของรัฐจ่ายไป 1,500 ล้าน ผมไม่นับสายพานที่จ่ายออกไปอีก 1,500 ล้าน อยู่ในมือไอทีโอ ประมาณ 900 อยู่ในมือคุณเช 600 ฝรั่งไม่ได้แม้แต่บาทเดียว ของอยู่ที่ไหน ระบบตรวจสอบวัตถุระเบิดอยู่ที่สุวรรณภูมิหรือเปล่าครับ ไม่มีแม้แต่เงา เครื่อง 26 เครื่องอยู่ในประเทศไทยไหมครับ ไม่อยู่ครับ ยังอยู่ที่สหรัฐอเมริกา จึงไม่รู้ว่าอันนี้เรียกค่าโง่ หรือค่าแกล้งโง่ เอาเงินออกไปแล้ว 1,500 ล้านของไม่เห็น ท่านรัฐมนตรีคงจะต้องมาบอกว่าทำอย่างไรได้ต้องจ่ายตามสัญญา สัญญาเขียนดีไม่ดีผมไม่อยากไปลงลึกเดี๋ยวจะแตกประเด็นไปอีกเอาตามสัญญานั่นแหละ
ท่านประธานไปดูภาคผนวก 5 ตามสัญญาจะมีสิ่งที่เรียกว่า อินทวิวเพเม้นท์เซสดั้ว คือ ตารางการจ่ายเงิน เขากำหนดการจ่ายเงินเป็นรายเดือน เดือนที่เท่าไรจ่ายเงินเท่าไร เงินบาทเท่าไร เงินเยนเท่าไร และคอลัมน์สุดท้ายเขาจะเขียนว่ากิจกรรมที่ต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในเดือนนั้น จากหลักฐานการจ่ายเงินทั้งหมดถือว่าได้มีการจ่ายเงินไปแล้วในเดือนของสัญญาคือเดือนที่ 36 ถ้านับเป็นงวดเข้าใจว่างวดที่ 85 ผมสนใจงวดที่ 14, 15 เดือนที่ 35, 36 เพราะว่าในตารางนี้เขาเขียนว่าจะจ่ายเงินเดือนที่ 35 กิจกรรมที่ต้องทำมีการส่งของ 10 เครื่องที่ได้ทดสอบแล้ว ส่งเมื่อไหร่ครับ ถึงได้จ่ายเงินไป งวดถัดมาเซ็คเก้นเช็คเม้นท์ออฟเทนเซ็คออฟเซ็ทติกอีดีเอสเมอชีน ให้มาอีก 10 เครื่อง
อีกงวดหนึ่งส่งมาเมื่อไหร่ครับ และจ่ายไปได้อย่างไร ท่านก็อุตสาห์ไปอ้างว่าตารางนี้เขาไม่ดูกันทั้ง ๆ ที่อยู่ในสัญญาให้ดูเฉพาะสิ่งที่เรียกว่ามายสโตน หรือความสำเร็จของงานซึ่งบังเอินมีแค่ 4 ช่อง ไม่ใช่หรอกครับ ผมไปสอบถามมาหมดแล้วนักกฎหมาย คนทำธุรกิจ ถ้าสัญญาเขียนอย่างต้องจ่ายอย่างนี้เป็นเดือน เป็นเดือน เดือนนี้เสร็จถึงจ่าย เดือนนี้เสร็จถึงจ่าย ส่วนที่เรียกว่ามายสโตน เขาเขียนไว้เพื่ออะไร คือเป็นจุดคอยเช็คงานเท่านั้นว่าถ้าเกิดทำไม่ได้จริง ๆ อย่างพึ่งถึงขั้นกับยกเลิกสัญญากันมาทบทวนตารางการจ่ายเงินได้มาเจรจากันได้ มาปรับมาเปลี่ยน มาเสียค่าปรับกันได้ แต่ที่จ่ายเงินต้องจ่ายตามนี้ผมรู้ต้องจ่ายตามนี้เพราะอะไร เพราะทุกงวดที่เบิกจ่ายเขาต้องมีขั้นตอน เอาบริษัทพีซีเอสมารับรองว่ากิจกรรม ทำรายงานประจำเดือนว่าทำอะไรไปบ้าง เสนอคณะกรรมการตรวจรับงานก่อนจะเซนต์อนุมัติ
ถ้าบอกว่าถึงมายสโตนแล้วต่อไปทุกเดือนจ่ายอัตโนมัติก็ไม่ต้องทำสิ่งนี้อีกซิครับ วันที่ 1 จ่ายกันไปเลย แต่ไม่ใช่ คือทุกเดือนเขาต้องรายงานความคืบหน้าและมีการตรวจสอบโดยคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างเสนอมาให้เพื่ออนุมัติการจ่ายเงิน ผมขอนุญาตนิดเดียวชี้แจงประเด็นนี้ ขอความกรุณาท่านรัฐมนตรีอย่าเอาหนังสือของทีซีเอสที่พยายามแก้ตัวเรื่องนี้มาใช้นะครับ เพราะว่าหลังจากเกิดเรื่องคนโวยเรื่องนี้เข้ามาบริษัททีซีเอสต้องทำหนังสือแก้ตัวว่าเขาเป็นคนส่งใบรับรอง ส่งใบรับรองว่าจ่ายเงินได้แล้ว เขาต้องแก้ตัวว่าสิ่งที่เขาทำไปถูกต้อง แต่ว่าเขาพิศดานจริง ๆ ครับท่านประธานครับ เขาอุตสาห์ไปตีความคำว่าซิบเม้นท์ว่าไม่ได้แปลว่าต้องส่ง เขาบอกให้แปลว่าของที่จะส่ง ผมไม่ทราบว่าพจนานุกรมฉบับไหนนะครับ แต่ว่าถ้ารัฐมนตรีเชื่อตามนี้ผมไม่แน่ใจว่าท่านจบจากต่างประเทศจริงหรือเปล่า และที่สำคัญก็คือว่าไม่ใช่หรอกครับ ถ้าคำว่าชิบเม้นท์แปลว่าของ ซึ่งชี้ให้เห็นคำว่าลอปไม่ใช่ครับเพราะว่าในสัญญาฉบับเดียวกันตารางถัดมาอีกอันใช้คำว่าลอปทำไมไม่ใช้คำว่าชิปเม้นท์ละครับ และคำว่าชิปเมนท์แปลว่าลอปประโยคนี้ผิดไวยากรณ์อย่างมาอ้างนะครับฉบับนี้ขอร้อง แถมยังบอกต่ออย่างที่ผมบอกว่าไม่ต้องดูอะไรดูมายสโตนและทุกเดือนก็หลับหูหลับตากันจ่ายกันไปโดยอัตโนมัติไม่ใช่ครับ อย่าไปตีความอย่างนั้น
ผมกำลังสงสัยว่าอะไรกันหนักกันหนาของก็ยังไม่มีทำไมต้องรีบจ่ายเงิน ท่านประธานทราบไหมครับว่าสองงวดที่ผมพูดถึงจ่ายเมื่อไหร่ งวดที่ 14 ที่บอกว่าของส่งมา 10 ชิ้นแรก ของยังไม่มาอนุมัติจ่าย 4 มกราคม 48 งวดต่อมาของ 10 ชิ้นที่ 2 ต้องมาก็ยังไม่มา จริง ๆ งวดแรกก็ยังไม่มาจ่าย เสนอมาให้อนุมัติวันที่ 4 กุมภา 48 อนุมัติ 8 กุมภา 48 ไอ้นี่ไม่ได้จ่ายตามสัญญาครับ จ่ายตามฤดูกาลฤดูฝนห่าใหญ่ ไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องจ่ายเงิน 2 ก้อนนี้รวมกันแล้วเป็นเงินประมาณ 400-500 ล้านในช่วงนั้น และถามว่าตอนที่อนุมัติให้จ่ายเงินออกไปรู้ไหมว่าของไม่มา และรู้ด้วยซ้ำว่าอย่างไรของก็ไม่มีทางมามีหลักฐานเยอะแยะที่บอกว่ารู้ เพราะว่าเมื่อเดือนพฤศจิกายน เขาเชิญคณะของบทม.ไปที่โรงงานเพื่อไปดูเครื่องที่กำลังทดสอบเขาไปดูกันเรียบร้อยแล้ว เมื่อเดินทางกลับมาหนึ่งในคนที่เดินทางไปนายอดิเทพ นาควิสุทธิ์ มาให้การกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบของสภาให้การว่าเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาผมกับท่านพล.อ.สมชัย สมประสงค์ และมีบริษัทคอนเซ้าท์คุมงานก่อสร้างว่ามีตัวแทนของไอทีโอได้ไปตรวจสอบ เพราะทางอินวิชั่นแจ้งมาว่าของผลิตเสร็จแล้ว 26 เครื่อง พร้อมที่จะส่งก็ไปตรวจในขณะนั้นยังไม่ทราบปัญหาได้แค่ทราบข่าวรือว่ามีปัญหาจะส่งขอไม่ได้ แต่ปัญหาจริง ๆ คือไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
พอไปถึงโรงงานเขาก็พาไปดูโรงงานดูของซึ่งผลิตแล้วคนที่มีหน้าที่ทางเทคนิคก็ไปดูเครื่อง คนที่มีหน้าที่เรื่องการเงินคือเป็นตัวแทนของอินวิชั่นก็ไปคุยเรื่องการเงิน ผมกับท่านพล.อ.สมชัย ถูกเรียกตัวเข้าไปนั่งคุยกับซีอีโอของบริษัทกับ รีเจอร์แนลแมเนเจอร์ ซึ่งคุมด้านนี้อยู่เป็นฝรั่ง 2 คน เข้าไปนั่งในห้องประชุมด้วยกันทั้งหมด 4 คน เขาก็แจ้งให้ทราบว่าเขาเนื่องจากมีปัญหาในการรวมบริษัทกับจีอีซึ่งจีอีเข้ามาซื้อแล้วจีอีก็วินเวสติเกสตรวจสอบบัญชีบริษัท ตรวจสอบสถานะของบริษัทของเขาว่าเป็นอย่างไรก็ไปพบว่าอาจจะมีแนวโน้มว่าอาจจะมีอินพล็อบเปอร์เพรเม้นท์คือการจ่ายเงินที่ไม่ถูกต้องตามที่เป็นข่าว เขาก็แจ้งให้ทราบว่านี่คือปัญหาของเขาที่เขาไม่สามารถส่งเครื่องให้เราได้ เขาได้มีติดต่อกับเมืองไทยตั้งนานแล้ว โดยเข้ามาทางสถานฑูตเข้ามาทางรัฐบาลไทยก่อนล่วงหน้าทั้งแล้วว่ามีปัญหานี้เกิดขึ้น และรัฐบาลเราก็ดำเนินการตรงนี้อยู่ช่วงนั้น
เราก็ทราบแค่นั้นเองว่ามีปัญหาก็ตามที่เป็นข่าวแล้วก็ส่งของให้ไม่ได้ กลับมาก็เรียนให้ผู้บังคับบัญชาว่าปัญหามีอย่างนี้พฤศจิกายน 2547 บทม.ทราบแล้วว่าของไม่มีทางเดินทางออกมาท่านนายกให้สัมภาษณ์ผมรู้เรื่องนี้มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แปลว่าท่านรู้ บทม.ก็รู้ ผู้บังคับบัญชาของคนนี้ก็รู้ ท่านรัฐมนตรีสุริยะ ทราบไหมครับ พยักหน้าว่าทราบนะครับ เพราะผมนึกว่าถ้าไม่มี 2 เหตุผล 1. คือท่านบกพร่อง 2.แม้แต่ท่านนายกและผู้ใต้บังคับบัญชายังไม่ไว้วางใจท่านแสดงว่าท่านทราบ ทราบตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนแล้วท่านยังมายิ้มปล่อยเงินของประชาชนออกไป 1,500 ล้าน ทำได้อย่างไร เดือนธันวาคม สหรัฐเขาก็แถลงข่าวเรื่องทำข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมและระบุชัดในข้อตกลงนั้นว่าไม่ให้อินวิชั่นขายของให้แพทริออต แล้วท่านไปทำอะไรอยู่ อนุมัติเงินออกไปเดือนมกราคม เดือนกุมภาพันธ์ได้ แปลกไหมล่ะครับ คนอื่นใครรู้บ้างผมเห็นมีจดหมายจากจีอีมาถึงคุณเช เดือนธันวาคมวันที่ 28 เขาก็บอกชัดเลยว่าจีอีไปทำข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมแล้ว แล้วเขาบอกว่าถ้าเขายังขายของให้แพทริออตเขาจะละเมิดข้อตกลงกับกระทรวงยุติธรรมและอาจจะถูกดำเนินคดี เพราะฉะนั้นอินวิชั่นไม่สามารถส่งของมาได้ เพราะจะเป็นการละเมิดกฎหมาย
(ยังมีต่อ)