วันนี้ (19 เม.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่าไม่ว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะเป็นอย่างไร ต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และต้องมีการปฏิรูปการเมือง ซึ่งที่สำคัญกว่านั้นคือการปฏิรูปพฤติกรรมของบุคลลากรในทางการเมือง เพราะไม่ว่าจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปการเมืองอย่างไร หากพฤติกรรมของของบุคลากรในทางการเมืองไม่ปฏิรูปด้วย ก็ไม่สามารถปฏิรูปการเมืองอย่างมีประสิทธิผล และต้องมีการแก้ไขรัฐธรรนูญโดยไม่มีวันสิ้นสุด
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีคำสั่งเปิดรับสมัครเลือกตั้งใหม่ใน จ.สงขลาและจะให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 เม.ย.นี้โดยอ้างว่ามีการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง ว่า การเปิดรับสมัครครั้งนี้ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะทางกกต.จังหวัดสงขลาได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง แม้จะมีการชุมนุมของประชาชนกลุ่มหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งจากการตรวจสอบของพรรคพบว่าบุคคลที่ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ในช่วงวันที่ 15-16 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการไม่สามารถเข้าไปสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ที่รับสมัครเลือกตั้ง แต่เป็นปัญหาเรื่องของความไม่พร้อมในตัวผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมืองเอง เช่นไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองครบ 90 วัน แต่กกต.ได้พยายามที่จะเปิดให้มีการสมัครใหม่ จนได้มีพรรคเล็ก ๆ เข้าไปสมัคร พรรคจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดผู้สมัครจึงรอที่จะไปสมัครในวันนี้ และผู้สมัครหลายคนเคยเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ครบเมื่อวันที่ 15-16 เม.ย. แต่เหตุใดจึงมีคุณสมบัติครบและพร้อมที่จะสมัครได้ ฉะนั้นสิ่งที่อยากให้กกต.ตรวจสอบคือมีการช่วยเหลือแก้ไขคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคการเมืองเล็ก ๆ หลายพรรคที่จะสมัคร หรือไม่
“เราสืบทราบมาว่ามีความพยายามของพรรคเล็ก ๆ โดยการหนุนช่วยของพรรคใหญ่บางพรรคในการที่จะจัดการให้คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นการเปิดรับสมัครใหม่ในวันนี้พรุ่งนี้(20 เม.ย.)และให้มีการเลือกตั้ง 23 เม.ย.อย่างกระชั้นชิด เป็นเจตนาของกกต.อย่างชัดเจนที่ต้องการใช้พรรคการเมืองใหญ่ ไม่ต่างอะไรจากทาสที่รับใช้นายทาส ทำทุกวิถีทางที่นายทาสต้องการ ถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ผมคิดว่าในยุคนี้ เราไม่ควรจะมีใครทำตนเปรียบเสมือนทาสในลักษณะนี้”นายองอาจกล่าวและว่าทางพรรคจะติดตามการรับสมัครเลือกตั้งของกกต.ต่อไปว่าจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ การดำเนินการของพรรคมิได้ต้องการขัดขวางการเลือกตั้ง แต่เราต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง เพราะเราไม่ต้องการให้บุคคล หรือองค์กรอิสระใด ๆ ก็ตามมาทำลายความเชื่อถือเชื่อมั่นของระบอบประชาธิปไตย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวว่า จากการติดตามพฤติกรรมของกกต.นับตั้งแต่ยุบสภามา พบว่าพฤติกรรมของกกต.เป็นพฤติกรรมที่ไม่ปฏิบัติและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ 5 ด้าน คือ 1.ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างเฉียบขาด ปล่อยให้มีผู้ทำผิดกฎหมายลอยนวลอยู่หลายเรื่อง ทั้งที่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของกกต.ได้สืบสวนสอบสวนหลายเรื่อง และพบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เสนอให้ผู้บริหารระดับสูงของกกต.พิจารณา แต่ปรากฎว่าไม่ได้มีการพิจารณาและกลับออกเอกสารรับรองให้ผู้สมัครเหล่านั้น โดยไม่สนใจที่จะดำเนินการ 2. ไม่ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในการจัดการเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดแจ้ง เรื่องใดที่เป็นประโยชน์กับพรรคพวกตัวเองก็เข้าด้วยช่วยเหลือ หรือเรื่องใดไม่เป็นประโยชน์กับพรรคพวกตนก็ละเลยที่จะปฏิบัติ เช่นกรณีที่เร่งพิจารณาว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งที่มีหลายกรณีที่เข้าข่าย
3.ไม่ได้รักษาความเป็นอิสระขององค์กรตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้มีการแทรกแซงการทำงานหรือรับลูกจากผู้มีอำนาจ 4.ไม่มีการรณรงค์ต่อต้านการซื้อเสียงและทุจริตเลือกตั้งอย่างจริงจัง และไม่พบเห็นการทำหน้าที่ของกกต.ใด ๆ ที่เข้าไปจัดการให้ใบเหลืองใบแดงกับผู้สมัครที่ถูกต้องร้องเรียนเลย และ5ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการตีความกฎหมายเข้าข้างพรรคการเมืองและผู้สมัครบางพรรคอย่างโจ่งแจ้ง และการตีความกฎหมายของกกต.ก็ต้องถือว่าตีความผิด เพราะเห็นชัดเจนว่า การตีความของกกต.ที่ปล่อยให้ผู้สมัครเวียนเทียนนั้น ศาลฎีกาชี้แล้วว่าไม่สามารถกระทำการได้
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ทีมงานด้านกฎหมายเตรียมฟ้องร้องคดีอาญาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้ฟ้องร้องเรื่องการเลือกตั้งส.ส.สงขลา โดยจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกกต.ที่พรรคเชื่อว่าน่าจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย โดยเฉพาะการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของบุคคลในรัฐบาลที่ไม่ได้มีการดำเนินการ นับตั้งแต่มีการยุบสภา ซึ่งพรรคจะได้รวบรวมทั้งหมดในคำฟ้อง และนายสุเทพจะเป็นผู้ฟ้องร้องเอง
ทั้งนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ต้องหาทางปฏิรูปพฤติกรรมของบุคลากรทางการเมืองควบคู่กันไปด้วย เพราะไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดรอบคอบอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าพฤติกรรมของบุคลากรทางการเมืองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยก็จะไม่ช่วยให้การปฏิรูปการเมืองเกิดความสัมฤทธิ์ผลอย่างจริงจัง เนื่องจากเราไม่สามารถปิดทุกช่องทางในการกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่าง ๆ ทางการเมืองได้
ด้านนายถาวร เสนเนียม รองเลขาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กกต.ได้ประกาศให้มีการรับสมัคร ส.ส.ใหม่ ในจังหวัดสงขลา โดยเปิดรับสมัคร ในวันที่ 19-20 เมษายน 2549 โดยอ้างว่าการรับสมัครในวันที่ 8-9 เมษายน 2549 มีผู้ขัดขวาง ซึ่งถือเป็นการออกประกาศที่โกหก เพราะจริงแล้วผู้สมัครของพรรคคนขอปลดหนี้ และพรรคประชากรไทยได้ไปยื่นใบสมัครแต่ถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากเอกสารหลักฐานไม่ครบ หรือขาดคุณสมบัติ แต่การที่กกต.ประกาศเพื่อรับสมัครใหม่เป็นการกระทำที่ไม่โปร่งใสเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือพรรคไทยรักไทยที่มีผู้สมัครเพียงพรรคเดียว ซึ่งเกรงว่าจะได้คะแนนไม่ถึง 20 %
ข้อสังเกตนี้ที่ตนตั้งไว้เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเนื่องจาก ประธานกกต.จังหวัดสงขลา ผู้อำนายการการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา ต่างก็ยืนยันว่าไม่มีการขัดขวางผู้สมัครในวันที่ 8-9 แต่ประการใด ดังนั้นการที่กกต.มาเชื่อคำร้องเรียนของนายชูชาติ ประทานธรรม หัวหน้าพรรคคนขอปลดหนี้ และนายสุวิทย์ สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ถือว่าเป็นการรับฟังพยานหลักฐานฝ่ายเดียว ไม่มีการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่ายว่ามีการขัดขวางจริงหรือไม่ ดังนั้นการที่กกต.ออกมาประการศรับสมัครใหม่ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายเรื่องตั้ง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ ในนามอดีต ส.ส.สงขลา จะได้ดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตามตนขอตั้งข้อสังเกตว่ามีผู้สมัครบางคน ที่หายตัวจากออกจากบ้าน โดยมีคนกลุ่มหนึ่งมาเอาตัวไปโดยอ้างว่าเพื่อพาไปเตรียมความพร้อมเรื่องการลงสมัคร ส.ส. ในวันนี้บุคคลดังกล่าวได้มาสมัครส.ส.เขต 4 จังหวัดสงขลา
ดังนั้นตรงนี้ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าพรรคการเมืองบางพรรคได้จับมือกับกกต. เพื่อหาตัวผู้สมัครล่วงหน้าก่อนที่จะมีมติให้ประกาศรับสมัครใหม่ ดังนั้นกระบวนการรับสมัครใหม่ ตนจึงขอประนามว่าได้ดำเนินการร่วมกับพรรคการเมืองบางพรรคแน่นอน จึงขอให้ประชาชนช่วยกันประนามการกระทำของกปต.ที่กังวลว่าพรรคไทยรักไทยจะไม่ได้รับคะแนนสัยง 20 % จึงดำเนินการให้มีผู้แข่งขันเกิดขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 เม.ย. 2549--จบ--
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)มีคำสั่งเปิดรับสมัครเลือกตั้งใหม่ใน จ.สงขลาและจะให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 23 เม.ย.นี้โดยอ้างว่ามีการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง ว่า การเปิดรับสมัครครั้งนี้ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะทางกกต.จังหวัดสงขลาได้ชี้แจงอย่างชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้มีการดำเนินการใด ๆ อันเป็นการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้ง แม้จะมีการชุมนุมของประชาชนกลุ่มหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งจากการตรวจสอบของพรรคพบว่าบุคคลที่ไม่สามารถสมัครรับเลือกตั้งได้ในช่วงวันที่ 15-16 เม.ย.ที่ผ่านมา ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการไม่สามารถเข้าไปสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่ที่รับสมัครเลือกตั้ง แต่เป็นปัญหาเรื่องของความไม่พร้อมในตัวผู้สมัครของแต่ละพรรคการเมืองเอง เช่นไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคการเมืองครบ 90 วัน แต่กกต.ได้พยายามที่จะเปิดให้มีการสมัครใหม่ จนได้มีพรรคเล็ก ๆ เข้าไปสมัคร พรรคจึงขอตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดผู้สมัครจึงรอที่จะไปสมัครในวันนี้ และผู้สมัครหลายคนเคยเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติไม่ครบเมื่อวันที่ 15-16 เม.ย. แต่เหตุใดจึงมีคุณสมบัติครบและพร้อมที่จะสมัครได้ ฉะนั้นสิ่งที่อยากให้กกต.ตรวจสอบคือมีการช่วยเหลือแก้ไขคุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งจากพรรคการเมืองเล็ก ๆ หลายพรรคที่จะสมัคร หรือไม่
“เราสืบทราบมาว่ามีความพยายามของพรรคเล็ก ๆ โดยการหนุนช่วยของพรรคใหญ่บางพรรคในการที่จะจัดการให้คุณสมบัติของผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นไปโดยถูกต้องตามกฎหมาย ดังนั้นการเปิดรับสมัครใหม่ในวันนี้พรุ่งนี้(20 เม.ย.)และให้มีการเลือกตั้ง 23 เม.ย.อย่างกระชั้นชิด เป็นเจตนาของกกต.อย่างชัดเจนที่ต้องการใช้พรรคการเมืองใหญ่ ไม่ต่างอะไรจากทาสที่รับใช้นายทาส ทำทุกวิถีทางที่นายทาสต้องการ ถือว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ผมคิดว่าในยุคนี้ เราไม่ควรจะมีใครทำตนเปรียบเสมือนทาสในลักษณะนี้”นายองอาจกล่าวและว่าทางพรรคจะติดตามการรับสมัครเลือกตั้งของกกต.ต่อไปว่าจะถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ การดำเนินการของพรรคมิได้ต้องการขัดขวางการเลือกตั้ง แต่เราต้องการให้การเลือกตั้งเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมายและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอย่างแท้จริง เพราะเราไม่ต้องการให้บุคคล หรือองค์กรอิสระใด ๆ ก็ตามมาทำลายความเชื่อถือเชื่อมั่นของระบอบประชาธิปไตย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังกล่าวว่า จากการติดตามพฤติกรรมของกกต.นับตั้งแต่ยุบสภามา พบว่าพฤติกรรมของกกต.เป็นพฤติกรรมที่ไม่ปฏิบัติและดำเนินการในเรื่องต่าง ๆ 5 ด้าน คือ 1.ไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้งอย่างเฉียบขาด ปล่อยให้มีผู้ทำผิดกฎหมายลอยนวลอยู่หลายเรื่อง ทั้งที่เจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของกกต.ได้สืบสวนสอบสวนหลายเรื่อง และพบว่ามีการกระทำที่ผิดกฎหมาย เสนอให้ผู้บริหารระดับสูงของกกต.พิจารณา แต่ปรากฎว่าไม่ได้มีการพิจารณาและกลับออกเอกสารรับรองให้ผู้สมัครเหล่านั้น โดยไม่สนใจที่จะดำเนินการ 2. ไม่ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันในการจัดการเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดแจ้ง เรื่องใดที่เป็นประโยชน์กับพรรคพวกตัวเองก็เข้าด้วยช่วยเหลือ หรือเรื่องใดไม่เป็นประโยชน์กับพรรคพวกตนก็ละเลยที่จะปฏิบัติ เช่นกรณีที่เร่งพิจารณาว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไม่ได้ทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ทั้งที่มีหลายกรณีที่เข้าข่าย
3.ไม่ได้รักษาความเป็นอิสระขององค์กรตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ปล่อยให้มีการแทรกแซงการทำงานหรือรับลูกจากผู้มีอำนาจ 4.ไม่มีการรณรงค์ต่อต้านการซื้อเสียงและทุจริตเลือกตั้งอย่างจริงจัง และไม่พบเห็นการทำหน้าที่ของกกต.ใด ๆ ที่เข้าไปจัดการให้ใบเหลืองใบแดงกับผู้สมัครที่ถูกต้องร้องเรียนเลย และ5ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง ปล่อยให้มีการตีความกฎหมายเข้าข้างพรรคการเมืองและผู้สมัครบางพรรคอย่างโจ่งแจ้ง และการตีความกฎหมายของกกต.ก็ต้องถือว่าตีความผิด เพราะเห็นชัดเจนว่า การตีความของกกต.ที่ปล่อยให้ผู้สมัครเวียนเทียนนั้น ศาลฎีกาชี้แล้วว่าไม่สามารถกระทำการได้
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้ให้ทีมงานด้านกฎหมายเตรียมฟ้องร้องคดีอาญาเพิ่มเติมนอกเหนือจากที่ได้ฟ้องร้องเรื่องการเลือกตั้งส.ส.สงขลา โดยจะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของกกต.ที่พรรคเชื่อว่าน่าจะเป็นการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย โดยเฉพาะการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งของบุคคลในรัฐบาลที่ไม่ได้มีการดำเนินการ นับตั้งแต่มีการยุบสภา ซึ่งพรรคจะได้รวบรวมทั้งหมดในคำฟ้อง และนายสุเทพจะเป็นผู้ฟ้องร้องเอง
ทั้งนี้ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองหรือการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ต้องหาทางปฏิรูปพฤติกรรมของบุคลากรทางการเมืองควบคู่กันไปด้วย เพราะไม่ว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญอย่างละเอียดรอบคอบอย่างไรก็ตาม แต่ถ้าพฤติกรรมของบุคลากรทางการเมืองไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยก็จะไม่ช่วยให้การปฏิรูปการเมืองเกิดความสัมฤทธิ์ผลอย่างจริงจัง เนื่องจากเราไม่สามารถปิดทุกช่องทางในการกระทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องต่าง ๆ ทางการเมืองได้
ด้านนายถาวร เสนเนียม รองเลขาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กกต.ได้ประกาศให้มีการรับสมัคร ส.ส.ใหม่ ในจังหวัดสงขลา โดยเปิดรับสมัคร ในวันที่ 19-20 เมษายน 2549 โดยอ้างว่าการรับสมัครในวันที่ 8-9 เมษายน 2549 มีผู้ขัดขวาง ซึ่งถือเป็นการออกประกาศที่โกหก เพราะจริงแล้วผู้สมัครของพรรคคนขอปลดหนี้ และพรรคประชากรไทยได้ไปยื่นใบสมัครแต่ถูกตัดสิทธิ์ เนื่องจากเอกสารหลักฐานไม่ครบ หรือขาดคุณสมบัติ แต่การที่กกต.ประกาศเพื่อรับสมัครใหม่เป็นการกระทำที่ไม่โปร่งใสเป็นการกระทำเพื่อช่วยเหลือพรรคไทยรักไทยที่มีผู้สมัครเพียงพรรคเดียว ซึ่งเกรงว่าจะได้คะแนนไม่ถึง 20 %
ข้อสังเกตนี้ที่ตนตั้งไว้เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเนื่องจาก ประธานกกต.จังหวัดสงขลา ผู้อำนายการการเลือกตั้งจังหวัดสงขลา ต่างก็ยืนยันว่าไม่มีการขัดขวางผู้สมัครในวันที่ 8-9 แต่ประการใด ดังนั้นการที่กกต.มาเชื่อคำร้องเรียนของนายชูชาติ ประทานธรรม หัวหน้าพรรคคนขอปลดหนี้ และนายสุวิทย์ สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ถือว่าเป็นการรับฟังพยานหลักฐานฝ่ายเดียว ไม่มีการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่ายว่ามีการขัดขวางจริงหรือไม่ ดังนั้นการที่กกต.ออกมาประการศรับสมัครใหม่ถือว่าเป็นการทำผิดกฎหมายเรื่องตั้ง ซึ่งทางพรรคประชาธิปัตย์ ในนามอดีต ส.ส.สงขลา จะได้ดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตามตนขอตั้งข้อสังเกตว่ามีผู้สมัครบางคน ที่หายตัวจากออกจากบ้าน โดยมีคนกลุ่มหนึ่งมาเอาตัวไปโดยอ้างว่าเพื่อพาไปเตรียมความพร้อมเรื่องการลงสมัคร ส.ส. ในวันนี้บุคคลดังกล่าวได้มาสมัครส.ส.เขต 4 จังหวัดสงขลา
ดังนั้นตรงนี้ตนขอตั้งข้อสังเกตว่าพรรคการเมืองบางพรรคได้จับมือกับกกต. เพื่อหาตัวผู้สมัครล่วงหน้าก่อนที่จะมีมติให้ประกาศรับสมัครใหม่ ดังนั้นกระบวนการรับสมัครใหม่ ตนจึงขอประนามว่าได้ดำเนินการร่วมกับพรรคการเมืองบางพรรคแน่นอน จึงขอให้ประชาชนช่วยกันประนามการกระทำของกปต.ที่กังวลว่าพรรคไทยรักไทยจะไม่ได้รับคะแนนสัยง 20 % จึงดำเนินการให้มีผู้แข่งขันเกิดขึ้น
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 19 เม.ย. 2549--จบ--