ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท. จับตาเงินทุนไหลเข้าทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 42 นางสุชาดา กิระกุล ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ
ธปท. เปิดเผยว่า การแข็งค่าของเงินบาทเกิดขึ้นเนื่องจากมีเงินไหลเข้าจากต่างประเทศมาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากดัชนี
ตลาดหลักทรัพย์ที่สูงขึ้นและยอดการซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เป็นยอดซื้อสุทธิ แต่ยอมรับว่าการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้เร็วเกินไป ทั้งนี้ เงินที่ไหล
เข้ามาส่วนใหญ่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเป็นเงินระยะสั้นที่คาดว่าเมื่อเข้ามาระยะหนึ่งแล้วได้กำไรพอสมควรก็จะออกไป จึงจำเป็นต้องระมัดระวัง
และ ธปท. กำลังจับตาดูเงินไหลเข้าอย่างใกล้ชิด เมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้นเช่นนี้จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ผู้นำเข้าน่าจะซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. ไว้ และ
ผู้ส่งออกจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. เกณฑ์บาเซิล 2 จะทำให้ธนาคารควบรวมกิจการมากขึ้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณี
ที่ ธปท. จะนำเกณฑ์บาเซิล 2 มาใช้ในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเร็วขึ้นจากปี 52 เป็นปี 50 ว่า จะส่งผลให้ธนาคารขนาดเล็กต้องมีการ
ควบรวมกิจการกันมากขึ้น เพราะ ธปท. ได้เคยศึกษาไว้ก่อนหน้านี้แล้วพบว่าหากใช้เกณฑ์บาเซิล 2 จะทำให้ ธ.พาณิชย์ที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า
4 หมื่นล้านบาท ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ และอาจจะต้องมีการควบรวมกิจการกันมากขึ้นเพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ซึ่ง ธปท. มีรายชื่ออยู่แล้วว่า
ธนาคารใดที่มีแนวโน้มจะต้องควบรวมกิจการกัน แต่ก็เป็นไปโดยสมัครใจ (มติชน)
3. ธปท. ยืนยันการขายที่ดินของกองทุนฟื้นฟูฯ ให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไม่มีทุจริต นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายจัดการกองทุนและหนี้ ธปท. กล่าวว่า การที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อที่ดิน 33 ไร่ จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา
ระบบสถาบันการเงิน ในราคา 772 ล้านบาท ไม่มีเรื่องทุจริต แต่กรณีดังกล่าวหากพูดตามหลักจริยธรรมแล้ว ผู้ที่มีอำนาจหรือผู้ที่เข้าสู่อำนาจการ
ปกครองก็ไม่ควรที่จะทำนิติกรรมหรือสัญญาซื้อขายใด ๆ กับหน่วยงานของรัฐ เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความเกรงใจ อย่างไรก็ตาม หาก
คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายของรัฐต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเกรงว่าจะมีการฮั้วประมูลเนื่องจากราคา
ประมูลของบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประมูลเสนอใกล้เคียงกัน ธปท. ยินดีให้ตรวจสอบเพราะมีข้อมูลต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อมา
และตามหลักการประมูลของกองทุนฟื้นฟูฯ ต้องมีราคากลางอยู่แล้ว ซึ่งราคากลางก็กำหนดมาจากคนกลางที่เป็นมืออาชีพที่เชื่อถือได้ รวมทั้งเจ้าหน้า
ที่ของกองทุนฟื้นฟูฯ ก็มีความซื่อตรงในการทำงานและดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างด้วยความโปร่งใส เมื่อมีผู้ชนะประมูลให้ราคาสูงกว่าราคากลาง
ก็ต้องขายให้กับผู้ที่ให้ราคาสูงเป็นเรื่องปกติ (โพสต์ทูเดย์)
4. ธปท. แจ้งให้สหกรณ์ต่าง ๆ ส่งฐานข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเงิน น.ส.สุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
เปิดเผยว่า ธปท. แจ้งให้สหกรณ์ต่าง ๆ ต้องส่งฐานข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่มีความ
สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เพื่อที่จะได้เห็นภาพรวมปริมาณเงินหรือสภาพคล่องในระบบได้อย่างครอบคลุมและกำหนดนโยบายการเงินได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดทำฐานข้อมูลรายเดือนทั้งสินเชื่อและเงินฝาก ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์จะรับทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลทางการเงินของสหกรณ์
ออมทรัพย์ ปัจจุบันมีสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งสิ้น 1,238 แห่ง มียอดเงินฝากรวม 1.35 แสนล้านบาท มียอดสินเชื่อ 5.05 แสนล้านบาท ทั้งนี้
ภายในปี 50 ธปท. จะนำเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์เข้าสู่ปริมาณเงิน (Broad Money) ของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่ต้องปฏิบัติตามโครงการ
ประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศร่วมกับธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ และ
องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เพื่อยกระดับความมีธรรมาภิบาลขององค์กรภาครัฐและธุรกิจของไทยในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
กับเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งการเข้าร่วมโครงการด้านการเผยแพร่ข้อมูลจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการยอมให้องค์กรระหว่าง
ประเทศเข้าตรวจสอบและประเมินการจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลสถิติของประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะชะลอตัวลง รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 49 ผลการสำรวจธุรกิจ
จำนวน 123 แห่งระหว่างวันที่ 2 และ 17 ต.ค. โดย National Association of Business Economist (NABE) คาดว่าเศรษฐกิจสรอ.
ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตระหว่างร้อยละ 2- 3 การจ้างงานจะลดลง และภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจะชะลอตัวลงอย่างมาก
ทั้งนี้ผลการสำรวจร้อยละ 68 คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวร้อยละ 2 — 3 แต่มีเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต
สูงกว่าร้อยละ 3 โดยผลการสำรวจภาคอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค. ของ NABE ชี้ว่าการเติบโตของอุปสงค์ในสินค้าและบริการชะลอตัวลงอย่าง
ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ทั้งนี้บริษัทที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค.ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 29 จากร้อยละ 31 ในเดือน
ก.ค. และร้อยละ 44 ในเดือน เม.ย. โดยบริษัทดังกล่าวคาดว่าจะลดการจ้างงานลงอยู่ที่ร้อยละ 16 ลดลงเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบปี ส่วนการ
ใช้จ่ายลงทุนคาดว่าจะยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่งไปจนถึงปีหน้า ตามผลการสำรวจร้อยละ 56 ของกิจการที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าการใช้จ่ายสินค้า
ทุนของบริษัทของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า แต่มีเพียงร้อยละ 7 เท่านั้นที่คาดว่าจะลดลง (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานในเขตเมืองของจีนลดลงที่ระดับร้อยละ 4.1 ในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.49 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 26 ต.ค.49
ก.แรงงานและสวัสดิการสังคม เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในเขตเมืองของจีนในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.49 ลดลงที่ระดับร้อยละ 4.1 จากระดับร้อย
ละ 4.2 ในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย.49 ซึ่งเป็นระดับที่ทรงตัวมาตั้งแต่เดือน ก.ย.47 สำหรับการจ้างงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ย.49)
มีจำนวน 9.32 ล้านอัตรา และมีการจ้างงานในส่วนของแรงงานที่เคยถูกออกจากงานจำนวน 3.92 ล้านอัตรา โดยข้อมูลดังกล่าวมีการเปิดเผยทาง
Website ของ ก.แรงงานฯ (www.molss.gov.cn) ส่วนการจ้างงานในปี 48 ที่ผ่านมามีจำนวน 9.7 ล้านอัตรา ทั้งนี้ ก.แรงงานฯ กล่าวว่า
ในช่วงต้นปี 49 จีนต้องประสบกับภาวะวิกฤติในการสร้างงานเป็นจำนวนถึง 25 ล้านอัตราเพื่อรองรับจำนวนแรงงานใหม่และแรงงานรายได้ต่ำที่
เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ แรงงานที่ถูกออกจากงานประมาณ 10,000 อัตรา ในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ที่มีการล้มละลายและการปรับโครงสร้างองค์กรของ
บริษัทเอกชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความคลอนแคลนของตลาดแรงงานจีน และสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับเป้าหมายสำคัญใน
การลดความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 27 ต.ค.49
รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้
ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ส.ค.49 ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นใช้วิธีการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคใหม่ ซึ่งสามารถสะท้อน
แนวโน้มการใช้จ่ายภาคครัวเรือนได้ดีกว่า ขณะที่หากใช้วิธีการคำนวณแบบเดิมดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในเดือน ก.ย.49 (ไม่รวมราคาอาหารและ
พลังงาน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เทียบต่อปี นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในเขตเมืองโตเกียว (ประกาศล่วงหน้า 1 เดือนก่อนตัวเลขดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั้งประเทศ) ในเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน ก.ย.49 จำนวน 390 ล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล เมื่อ 27 ต.ค.49
ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ย.49 เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 390 ล้านดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทาง
ฤดูกาล) ลดลงจากเดือน ส.ค.49 ที่เกินดุล 660 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ เกินดุลจำนวน 1.21 พัน ล.ดอลลาร์
สรอ. (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) ลดลงอย่างรวดเร็วจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่เกินดุลจำนวน 12.68 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 27 ต.ค. 49 26 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.002 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.8271/37.1200 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.94/14.94 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,350/10,450 10,350/10,450 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) n.a. n.a. 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 25 ต.ค. 49 25.29*/23.84* 25.29*/23.84* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท. จับตาเงินทุนไหลเข้าทำให้เงินบาทแข็งค่าขึ้นสูงสุดนับตั้งแต่ปี 42 นางสุชาดา กิระกุล ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ
ธปท. เปิดเผยว่า การแข็งค่าของเงินบาทเกิดขึ้นเนื่องจากมีเงินไหลเข้าจากต่างประเทศมาลงทุนในตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง เห็นได้จากดัชนี
ตลาดหลักทรัพย์ที่สูงขึ้นและยอดการซื้อของนักลงทุนต่างชาติที่เป็นยอดซื้อสุทธิ แต่ยอมรับว่าการแข็งค่าของเงินบาทในช่วงนี้เร็วเกินไป ทั้งนี้ เงินที่ไหล
เข้ามาส่วนใหญ่ลงทุนในตลาดหลักทรัพย์และเป็นเงินระยะสั้นที่คาดว่าเมื่อเข้ามาระยะหนึ่งแล้วได้กำไรพอสมควรก็จะออกไป จึงจำเป็นต้องระมัดระวัง
และ ธปท. กำลังจับตาดูเงินไหลเข้าอย่างใกล้ชิด เมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้นเช่นนี้จึงมองว่าเป็นโอกาสที่ผู้นำเข้าน่าจะซื้อเงินดอลลาร์ สรอ. ไว้ และ
ผู้ส่งออกจำเป็นต้องป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
2. เกณฑ์บาเซิล 2 จะทำให้ธนาคารควบรวมกิจการมากขึ้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม. และ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณี
ที่ ธปท. จะนำเกณฑ์บาเซิล 2 มาใช้ในการกำกับดูแลสถาบันการเงินเร็วขึ้นจากปี 52 เป็นปี 50 ว่า จะส่งผลให้ธนาคารขนาดเล็กต้องมีการ
ควบรวมกิจการกันมากขึ้น เพราะ ธปท. ได้เคยศึกษาไว้ก่อนหน้านี้แล้วพบว่าหากใช้เกณฑ์บาเซิล 2 จะทำให้ ธ.พาณิชย์ที่มีสินทรัพย์ต่ำกว่า
4 หมื่นล้านบาท ไม่สามารถดำรงอยู่ได้ และอาจจะต้องมีการควบรวมกิจการกันมากขึ้นเพื่อทำให้ธุรกิจอยู่รอดได้ ซึ่ง ธปท. มีรายชื่ออยู่แล้วว่า
ธนาคารใดที่มีแนวโน้มจะต้องควบรวมกิจการกัน แต่ก็เป็นไปโดยสมัครใจ (มติชน)
3. ธปท. ยืนยันการขายที่ดินของกองทุนฟื้นฟูฯ ให้คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ไม่มีทุจริต นายไพโรจน์ เฮงสกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการ
สายจัดการกองทุนและหนี้ ธปท. กล่าวว่า การที่คุณหญิงพจมาน ชินวัตร เป็นผู้ชนะการประมูลซื้อที่ดิน 33 ไร่ จากกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนา
ระบบสถาบันการเงิน ในราคา 772 ล้านบาท ไม่มีเรื่องทุจริต แต่กรณีดังกล่าวหากพูดตามหลักจริยธรรมแล้ว ผู้ที่มีอำนาจหรือผู้ที่เข้าสู่อำนาจการ
ปกครองก็ไม่ควรที่จะทำนิติกรรมหรือสัญญาซื้อขายใด ๆ กับหน่วยงานของรัฐ เพราะจะทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐมีความเกรงใจ อย่างไรก็ตาม หาก
คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายของรัฐต้องการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพราะเกรงว่าจะมีการฮั้วประมูลเนื่องจากราคา
ประมูลของบริษัทต่าง ๆ ที่เข้าร่วมประมูลเสนอใกล้เคียงกัน ธปท. ยินดีให้ตรวจสอบเพราะมีข้อมูลต่าง ๆ อยู่แล้ว แต่ขณะนี้ยังไม่มีใครติดต่อมา
และตามหลักการประมูลของกองทุนฟื้นฟูฯ ต้องมีราคากลางอยู่แล้ว ซึ่งราคากลางก็กำหนดมาจากคนกลางที่เป็นมืออาชีพที่เชื่อถือได้ รวมทั้งเจ้าหน้า
ที่ของกองทุนฟื้นฟูฯ ก็มีความซื่อตรงในการทำงานและดำเนินการตามขั้นตอนทุกอย่างด้วยความโปร่งใส เมื่อมีผู้ชนะประมูลให้ราคาสูงกว่าราคากลาง
ก็ต้องขายให้กับผู้ที่ให้ราคาสูงเป็นเรื่องปกติ (โพสต์ทูเดย์)
4. ธปท. แจ้งให้สหกรณ์ต่าง ๆ ส่งฐานข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเงิน น.ส.สุพัตรา ธนเสนีวัฒน์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์
เปิดเผยว่า ธปท. แจ้งให้สหกรณ์ต่าง ๆ ต้องส่งฐานข้อมูลความเคลื่อนไหวทางการเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์ซึ่งถือว่าเป็นสถาบันการเงินที่มีความ
สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เพื่อที่จะได้เห็นภาพรวมปริมาณเงินหรือสภาพคล่องในระบบได้อย่างครอบคลุมและกำหนดนโยบายการเงินได้อย่างมี
ประสิทธิภาพ รวมทั้งการจัดทำฐานข้อมูลรายเดือนทั้งสินเชื่อและเงินฝาก ซึ่งกรมตรวจบัญชีสหกรณ์จะรับทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลทางการเงินของสหกรณ์
ออมทรัพย์ ปัจจุบันมีสหกรณ์ออมทรัพย์ทั้งสิ้น 1,238 แห่ง มียอดเงินฝากรวม 1.35 แสนล้านบาท มียอดสินเชื่อ 5.05 แสนล้านบาท ทั้งนี้
ภายในปี 50 ธปท. จะนำเงินของสหกรณ์ออมทรัพย์เข้าสู่ปริมาณเงิน (Broad Money) ของประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่ต้องปฏิบัติตามโครงการ
ประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากล โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศร่วมกับธนาคารโลก ธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศ และ
องค์กรเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา เพื่อยกระดับความมีธรรมาภิบาลขององค์กรภาครัฐและธุรกิจของไทยในด้านต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
กับเศรษฐกิจและการเงิน ซึ่งการเข้าร่วมโครงการด้านการเผยแพร่ข้อมูลจะเป็นการแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการยอมให้องค์กรระหว่าง
ประเทศเข้าตรวจสอบและประเมินการจัดทำและเผยแพร่ข้อมูลสถิติของประเทศ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน (โพสต์ทูเดย์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดาดว่าเศรษฐกิจ สรอ. ในช่วงครึ่งหลังปีนี้จะชะลอตัวลง รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 49 ผลการสำรวจธุรกิจ
จำนวน 123 แห่งระหว่างวันที่ 2 และ 17 ต.ค. โดย National Association of Business Economist (NABE) คาดว่าเศรษฐกิจสรอ.
ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตระหว่างร้อยละ 2- 3 การจ้างงานจะลดลง และภาคอสังหาริมทรัพย์ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจะชะลอตัวลงอย่างมาก
ทั้งนี้ผลการสำรวจร้อยละ 68 คาดว่าเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะขยายตัวร้อยละ 2 — 3 แต่มีเพียงร้อยละ 15 เท่านั้นที่คาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโต
สูงกว่าร้อยละ 3 โดยผลการสำรวจภาคอุตสาหกรรมในเดือน ต.ค. ของ NABE ชี้ว่าการเติบโตของอุปสงค์ในสินค้าและบริการชะลอตัวลงอย่าง
ต่อเนื่องติดต่อกันเป็นไตรมาสที่ 3 ทั้งนี้บริษัทที่คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค.ลดลงเหลือเพียงร้อยละ 29 จากร้อยละ 31 ในเดือน
ก.ค. และร้อยละ 44 ในเดือน เม.ย. โดยบริษัทดังกล่าวคาดว่าจะลดการจ้างงานลงอยู่ที่ร้อยละ 16 ลดลงเป็นจำนวนมากที่สุดในรอบปี ส่วนการ
ใช้จ่ายลงทุนคาดว่าจะยังคงเป็นไปอย่างแข็งแกร่งไปจนถึงปีหน้า ตามผลการสำรวจร้อยละ 56 ของกิจการที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าการใช้จ่ายสินค้า
ทุนของบริษัทของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในอีก 12 เดือนข้างหน้า แต่มีเพียงร้อยละ 7 เท่านั้นที่คาดว่าจะลดลง (รอยเตอร์)
2. อัตราการว่างงานในเขตเมืองของจีนลดลงที่ระดับร้อยละ 4.1 ในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.49 รายงานจากปักกิ่งเมื่อ 26 ต.ค.49
ก.แรงงานและสวัสดิการสังคม เปิดเผยว่า อัตราการว่างงานในเขตเมืองของจีนในช่วงสิ้นเดือน ก.ย.49 ลดลงที่ระดับร้อยละ 4.1 จากระดับร้อย
ละ 4.2 ในช่วงสิ้นเดือน มิ.ย.49 ซึ่งเป็นระดับที่ทรงตัวมาตั้งแต่เดือน ก.ย.47 สำหรับการจ้างงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี (ม.ค.-ก.ย.49)
มีจำนวน 9.32 ล้านอัตรา และมีการจ้างงานในส่วนของแรงงานที่เคยถูกออกจากงานจำนวน 3.92 ล้านอัตรา โดยข้อมูลดังกล่าวมีการเปิดเผยทาง
Website ของ ก.แรงงานฯ (www.molss.gov.cn) ส่วนการจ้างงานในปี 48 ที่ผ่านมามีจำนวน 9.7 ล้านอัตรา ทั้งนี้ ก.แรงงานฯ กล่าวว่า
ในช่วงต้นปี 49 จีนต้องประสบกับภาวะวิกฤติในการสร้างงานเป็นจำนวนถึง 25 ล้านอัตราเพื่อรองรับจำนวนแรงงานใหม่และแรงงานรายได้ต่ำที่
เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ แรงงานที่ถูกออกจากงานประมาณ 10,000 อัตรา ในช่วง 2-3 ปีก่อนหน้านี้ที่มีการล้มละลายและการปรับโครงสร้างองค์กรของ
บริษัทเอกชน เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความคลอนแคลนของตลาดแรงงานจีน และสร้างความกังวลให้กับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับเป้าหมายสำคัญใน
การลดความแตกต่างระหว่างคนรวยกับคนจน (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี รายงานจากโตเกียว เมื่อ 27 ต.ค.49
รัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นในเดือน ก.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เทียบต่อปี น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ประมาณการไว้
ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 ทั้งนี้ ตั้งแต่เดือน ส.ค.49 ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นใช้วิธีการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคใหม่ ซึ่งสามารถสะท้อน
แนวโน้มการใช้จ่ายภาคครัวเรือนได้ดีกว่า ขณะที่หากใช้วิธีการคำนวณแบบเดิมดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในเดือน ก.ย.49 (ไม่รวมราคาอาหารและ
พลังงาน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 เทียบต่อปี นอกจากนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานในเขตเมืองโตเกียว (ประกาศล่วงหน้า 1 เดือนก่อนตัวเลขดัชนี
ราคาผู้บริโภคทั้งประเทศ) ในเดือน ต.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อปี ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ (รอยเตอร์)
4. เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดในเดือน ก.ย.49 จำนวน 390 ล้านดอลลาร์ สรอ. รายงานจากโซล เมื่อ 27 ต.ค.49
ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ในเดือน ก.ย.49 เกาหลีใต้เกินดุลบัญชีเดินสะพัดจำนวน 390 ล้านดอลลาร์ สรอ. (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทาง
ฤดูกาล) ลดลงจากเดือน ส.ค.49 ที่เกินดุล 660 ล้านดอลลาร์ สรอ. สำหรับในรอบ 9 เดือนแรกของปีนี้ เกินดุลจำนวน 1.21 พัน ล.ดอลลาร์
สรอ. (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) ลดลงอย่างรวดเร็วจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่เกินดุลจำนวน 12.68 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.
(รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 27 ต.ค. 49 26 ต.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.002 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.8271/37.1200 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12313 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 728.94/14.94 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,350/10,450 10,350/10,450 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) n.a. n.a. 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 25 ต.ค. 49 25.29*/23.84* 25.29*/23.84* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--