EXIM BANK ออกมาตรการขยายสินเชื่อและยืดระยะเวลาชำระคืนเงินกู้ เสริมสภาพคล่องให้ผู้ส่งออกไทยแข่งขันได้ท่ามกลางปัญหาเงินบาทแข็งค่าและต้นทุนพลังงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเปิดตัวบริการสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ส่งออกรายย่อยในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริหารและรักษาการกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคการส่งออกเป็นความหวังของการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการชะลอตัวของอัตราการบริโภคภายในประเทศและภาคการลงทุน แต่ผู้ส่งออกไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาค่าเงินบาทและต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตและการขนส่งจนแข่งขันด้านราคาในตลาดต่างประเทศได้ลำบากยิ่งขึ้น EXIM BANK จึงพร้อมขยายวงเงินหมุนเวียนให้แก่ลูกค้าโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งประสบปัญหาวัตถุดิบปรับราคาสูงขึ้น
รวมทั้งขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้หรือผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระคืนเงินกู้ให้แก่กลุ่มธุรกิจพาณิชย์นาวีและอุตสาหกรรมที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขายต่ำ อาทิ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา
ดร.ณรงค์ชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ EXIM BANK ยังพร้อมช่วยลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยให้แก่ผู้ส่งออกรายย่อย โดยจัดให้มีบริการสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ส่งออกรายย่อย (Small Exporters Financing Facility: SEFF)ซึ่งให้วงเงินหมุนเวียนแก่ผู้ส่งออกในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน นอกเหนือจากการชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตามแนวโน้มของตลาด ขณะเดียวกัน ยังพร้อมช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาทโดยการให้บริการ Forward Contract การปรับเปลี่ยนวงเงินหมุนเวียนให้แก่ลูกค้าเป็นลักษณะ Dual Currency การอำนวยความสะดวกในการเปิดบัญชี Foreign Currency Deposit (FCD) แก่ลูกค้าที่มีธุรกรรมทั้งการนำเข้าและส่งออก ตลอดจนการจัดอบรมความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ส่งออก ทั้งนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ส่งออกและช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจส่งออกของผู้ประกอบการ
ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงรายใหญ่ อันจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1140-6
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มิถุนายน 2549--
-พห-
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี ประธานกรรมการบริหารและรักษาการกรรมการผู้จัดการธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคการส่งออกเป็นความหวังของการขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและการชะลอตัวของอัตราการบริโภคภายในประเทศและภาคการลงทุน แต่ผู้ส่งออกไทยกำลังได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากปัญหาค่าเงินบาทและต้นทุนพลังงานปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องแบกรับต้นทุนการผลิตและการขนส่งจนแข่งขันด้านราคาในตลาดต่างประเทศได้ลำบากยิ่งขึ้น EXIM BANK จึงพร้อมขยายวงเงินหมุนเวียนให้แก่ลูกค้าโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยางพารา ผลิตภัณฑ์ยาง สิ่งทอ อัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งประสบปัญหาวัตถุดิบปรับราคาสูงขึ้น
รวมทั้งขยายระยะเวลาการชำระคืนเงินกู้หรือผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระคืนเงินกู้ให้แก่กลุ่มธุรกิจพาณิชย์นาวีและอุตสาหกรรมที่มีอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อยอดขายต่ำ อาทิ สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา
ดร.ณรงค์ชัย กล่าวว่า นอกจากนี้ EXIM BANK ยังพร้อมช่วยลดต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยให้แก่ผู้ส่งออกรายย่อย โดยจัดให้มีบริการสินเชื่อพิเศษสำหรับผู้ส่งออกรายย่อย (Small Exporters Financing Facility: SEFF)ซึ่งให้วงเงินหมุนเวียนแก่ผู้ส่งออกในอัตราดอกเบี้ยที่ผ่อนปรน นอกเหนือจากการชะลอการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยตามแนวโน้มของตลาด ขณะเดียวกัน ยังพร้อมช่วยป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของค่าเงินบาทโดยการให้บริการ Forward Contract การปรับเปลี่ยนวงเงินหมุนเวียนให้แก่ลูกค้าเป็นลักษณะ Dual Currency การอำนวยความสะดวกในการเปิดบัญชี Foreign Currency Deposit (FCD) แก่ลูกค้าที่มีธุรกรรมทั้งการนำเข้าและส่งออก ตลอดจนการจัดอบรมความรู้เกี่ยวกับเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนให้แก่ผู้ส่งออก ทั้งนี้ เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ส่งออกและช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธุรกิจส่งออกของผู้ประกอบการ
ตั้งแต่รายย่อยไปจนถึงรายใหญ่ อันจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม
ต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโปรดติดต่อส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักบริหาร
โทร. 0 2271 3700, 0 2278 0047, 0 2617 2111 ต่อ 1140-6
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย มิถุนายน 2549--
-พห-