วันนี้(16 พ.ค.49)นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วันนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ได้ทำหน้าที่มาถึงวาระสุดท้ายแล้ว กล่าวคือการทำงานของกกต.เป็นที่ทราบทั่วไปว่ามีความผิดพลาดหลายประการ ดังนั้นเมื่อการทำงานที่ก่อให้เกิดความเสียหายเกิดขึ้น บุคคลหรือคณะบุคคลนั้น ก็มีทางเลือก 2 ทาง 1.ต้องยอมเสียชีพเพื่อรักษาสัตย์ และกฎเกณ์บ้านเมือง หรือ 2.เมื่อเกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น แทนที่จะรับผิดเพียงตนเองแต่กลับนำความเดือนร้อน หรือโยนความผิดดังกล่าวนั้นให้คนอื่นร่วมรับผลกรรมนั้นด้วย ซึ่งตนเห็นว่า กกต.ชุดนี้น่าจะเป็นทางเลือกที่ 2 มากกว่า เพราะกกต.ชุดนี้ตั้ง นายนาม ยิ้มแย้ม อดีตรองประธานศาลฎีกา ขึ้นมาเป็นประธานอนุกรรมการสอบสวนเรื่องพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครรับเลือกตั้ง ซึ่งผลสรุปของประธานอนุกรรมการสอบสวน ก็ได้สรุปออกมาว่ามีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงสมัครจริง จนกระทั้งกกต.เห็นด้วยและได้มีคำสั่งยุบพรรรคการเมืองพรรคเล็ก(พรรคแผ่นดินไทย ,พรรคพัฒนาชาติไทย)แต่คณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)กลับเฉยเมย และไม่มีท่าทีที่จะลงโทษพรรคใหญ่ โดยอ้างว่าสำนวนสอบสวนยังไม่มีความชัดเจน
นายนิพิษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของกกต.ไม่มีความชอบธรรมในตัวเอง และยังนำความไม่ชอบธรรมดังกล่าวไปยังองค์กรอื่นด้วย เพราะนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นถึงอดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวน สรุปผลสอบออกมา กกต.กลับมาอ้างว่ารับฟังไม่ได้ ตนเห็นว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของระบบตุลาการลดลง เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระที่คนไทยให้ความเชื่อมั่นมาตลอด
“ผมอยากเรียกร้องให้กกต.ตั้งสติ เพราะเมื่อองค์กรอย่างกกต.ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ อย่าทำให้องค์กรอื่นต้องพลอยเสื่อมเสียไปด้วย ทางที่ดีคือกกต.ต้องตัดสินใจที่จะแจ้งข้อหาพรรคใหญ่ตามข้อสรุปของคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เพราะฉะนั้นผมคิดว่ากกต.ได้เดินมาถึงวาระสุดท้าย ถึงเวลาที่กกต.คิดและตัดสินใจว่าจะไปอย่างไร”นายนิพิฏฐ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 พ.ค. 2549--จบ--
นายนิพิษฐ์ กล่าวว่า ตนเห็นว่าพฤติกรรมเช่นนี้ของกกต.ไม่มีความชอบธรรมในตัวเอง และยังนำความไม่ชอบธรรมดังกล่าวไปยังองค์กรอื่นด้วย เพราะนายนาม ยิ้มแย้ม เป็นถึงอดีตรองประธานศาลฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการสืบสวน สรุปผลสอบออกมา กกต.กลับมาอ้างว่ารับฟังไม่ได้ ตนเห็นว่าเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของระบบตุลาการลดลง เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือขององค์กรอิสระที่คนไทยให้ความเชื่อมั่นมาตลอด
“ผมอยากเรียกร้องให้กกต.ตั้งสติ เพราะเมื่อองค์กรอย่างกกต.ไม่ได้รับความน่าเชื่อถือ อย่าทำให้องค์กรอื่นต้องพลอยเสื่อมเสียไปด้วย ทางที่ดีคือกกต.ต้องตัดสินใจที่จะแจ้งข้อหาพรรคใหญ่ตามข้อสรุปของคณะอนุกรรมการสอบสวนฯ เพราะฉะนั้นผมคิดว่ากกต.ได้เดินมาถึงวาระสุดท้าย ถึงเวลาที่กกต.คิดและตัดสินใจว่าจะไปอย่างไร”นายนิพิฏฐ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 พ.ค. 2549--จบ--