“อลงกรณ์”จี้”ทอท”ยกเลิกสัญญาฉ้อฉลเอาเปรียบรัฐแบบปล้นกลางแดด ชี้ทอท.ตกลงจ่ายค่าตอบแทนการตลาดสูงที่สุดในโลกแพงกว่ามาตรฐานสากล 200-300 %
วันนี้(23 พ.ย.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่าตามที่มีการร้องเรียนผ่านตู้ปณ.222 เกี่ยวกับการประมูลสัมปทานบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิ คณะทำงานฯ.ตรวจสอบพยานและหลักฐานพบว่า การประมูลสัมปทานการบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิส่อความไม่โปร่งใสทำให้รัฐเสียเปรียบโดยต้องจ่ายค่าบริหารและค่าตอบแทนการตลาดรวมทั้งค่าจ้างอื่นๆสูงถึงกว่า 3,000 ล้านบาทตลอดอายุสัมปทาน 20ปีโดยเฉพาะค่าตอบแทนการตลาดแพงกว่าอัตราตามมาตรฐานสากลของการบริหารโรงแรมระดับ 4-5 ดาวถึง 200-300 %
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า บริษัทโรงแรมสุวรรณภูมิเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประกอบไปด้วยผู้ถือหุ้น 3 ฝ่ายได้แก่ บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) 60 % บริษัทการบินไทยจำกัด(มหาชน) 30 % และธนาคารกรุงไทย10 % ได้เปิดให้มีการยื่นซองเสนอราคาและซองเทคนิคในการประมูลสัมปทานบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิเป็นเวลา 20 ปีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 โดยมี พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกฯ. ปรากฏว่ามี 5 รายที่ผ่านการพิจารณาเทคนิคได้แก่ อันดับ 1 Accor Group โดยกิจการร่วมค้ายูนิเวอร์แซล ฮอสพิแทลลิที อันดับ 2Carlson Group อันดับ 3 บริษัทรอยัลการ์เด้นรีสอร์ทจำกัด(มหาชน) อันดับ 4 บริษัทอมารีโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ทจำกัด อันดับ5 บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่าจำกัด โดยบริษัทโรงแรมสุวรรณภูมิได้ทำสัญญาว่าจ้างกลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิเวอร์แซลฯ.ในเดือนถัดมา คณะทำงานฯ.พบว่า ในสัญญาดังกล่าวส่อพิรุธเป็นเหตุให้ทางราชการเสียเปรียบและเสียหายเนื่องจากต้องจ่ายค่าโลโก้เครื่องหมายการค้า”โนโวเทล” ปีละ 1 ล้านรวม 20 ล้านบาท การจ่ายค่าจ้างคณะผู้บริหารปีละ 67 ล้านบาททั้งที่”โนโวเทล”คิดค่าจ้างบริหารโรงแรมของเอกชนไม่เกินปีละ 30 ล้านบาท ประการสำคัญคือค่าตอบแทนทางการตลาดกำหนดไว้ที่ปีละ 6.5 %ของรายได้ทั้งหมดและร้อยละ 9 ในช่วงปีที่ 5 ถึง 20 ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลกเพราะอัตราปกติจะอยู่ที่ 2.5-3.5 % เท่านั้น “ทอท.ต้องชี้แจงถึงประเด็นเหล่านี้และถ้าเสียเปรียบก็ต้องยกเลิกสัญญาและหาผู้รับผิดชอบ” ประธานคณะทำงานฯ.กล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย. 2549--จบ--
วันนี้(23 พ.ย.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวว่าตามที่มีการร้องเรียนผ่านตู้ปณ.222 เกี่ยวกับการประมูลสัมปทานบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิ คณะทำงานฯ.ตรวจสอบพยานและหลักฐานพบว่า การประมูลสัมปทานการบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิส่อความไม่โปร่งใสทำให้รัฐเสียเปรียบโดยต้องจ่ายค่าบริหารและค่าตอบแทนการตลาดรวมทั้งค่าจ้างอื่นๆสูงถึงกว่า 3,000 ล้านบาทตลอดอายุสัมปทาน 20ปีโดยเฉพาะค่าตอบแทนการตลาดแพงกว่าอัตราตามมาตรฐานสากลของการบริหารโรงแรมระดับ 4-5 ดาวถึง 200-300 %
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า บริษัทโรงแรมสุวรรณภูมิเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประกอบไปด้วยผู้ถือหุ้น 3 ฝ่ายได้แก่ บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด(มหาชน) 60 % บริษัทการบินไทยจำกัด(มหาชน) 30 % และธนาคารกรุงไทย10 % ได้เปิดให้มีการยื่นซองเสนอราคาและซองเทคนิคในการประมูลสัมปทานบริหารโรงแรมสุวรรณภูมิเป็นเวลา 20 ปีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 โดยมี พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ เป็นประธานคณะกรรมการคัดเลือกฯ. ปรากฏว่ามี 5 รายที่ผ่านการพิจารณาเทคนิคได้แก่ อันดับ 1 Accor Group โดยกิจการร่วมค้ายูนิเวอร์แซล ฮอสพิแทลลิที อันดับ 2Carlson Group อันดับ 3 บริษัทรอยัลการ์เด้นรีสอร์ทจำกัด(มหาชน) อันดับ 4 บริษัทอมารีโฮเต็ลแอนด์รีสอร์ทจำกัด อันดับ5 บริษัทโรงแรมเซ็นทรัลพลาซ่าจำกัด โดยบริษัทโรงแรมสุวรรณภูมิได้ทำสัญญาว่าจ้างกลุ่มกิจการร่วมค้ายูนิเวอร์แซลฯ.ในเดือนถัดมา คณะทำงานฯ.พบว่า ในสัญญาดังกล่าวส่อพิรุธเป็นเหตุให้ทางราชการเสียเปรียบและเสียหายเนื่องจากต้องจ่ายค่าโลโก้เครื่องหมายการค้า”โนโวเทล” ปีละ 1 ล้านรวม 20 ล้านบาท การจ่ายค่าจ้างคณะผู้บริหารปีละ 67 ล้านบาททั้งที่”โนโวเทล”คิดค่าจ้างบริหารโรงแรมของเอกชนไม่เกินปีละ 30 ล้านบาท ประการสำคัญคือค่าตอบแทนทางการตลาดกำหนดไว้ที่ปีละ 6.5 %ของรายได้ทั้งหมดและร้อยละ 9 ในช่วงปีที่ 5 ถึง 20 ซึ่งถือเป็นอัตราที่สูงที่สุดในโลกเพราะอัตราปกติจะอยู่ที่ 2.5-3.5 % เท่านั้น “ทอท.ต้องชี้แจงถึงประเด็นเหล่านี้และถ้าเสียเปรียบก็ต้องยกเลิกสัญญาและหาผู้รับผิดชอบ” ประธานคณะทำงานฯ.กล่าวในที่สุด
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 23 พ.ย. 2549--จบ--