ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.ยืนยันภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยซึ่งอยู่ที่ 30.1% ต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในขณะนี้นั้น ยังไม่ส่งสัญญาณอันตรายใดๆ เพราะ
เมื่อเปรียบเทียบกับระดับหนี้ครัวเรือนของต่างประเทศ ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ แต่ปัญหานี้อาจเป็นอันตรายได้หากในอนาคตหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก
และการออมของครัวเรือนลดลง ขณะที่ภาคธุรกิจมีการขยายการลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเงินออมไม่สมดุลหรือไม่เพียงพอรองรับการลงทุนที่
เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้สถาบันการเงินจะมีการออกรูปแบบการปล่อยกู้หลากหลาย
ขึ้น แต่ก็ยังไม่พบปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มผิดปกติ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันการเงินมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่
เข้มงวดขึ้น ทำให้พิจารณาปล่อยกู้รัดกุมมากขึ้น ส่งผลให้หนี้ในระบบโดยรวมเพิ่มขึ้นไม่มาก (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
2. ธปท.ระบุฐานะของ ธพ.ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.คลายกังวลต่อเสถียรภาพและฐานะของระบบ ธพ. เนื่องจากปัจจุบันฐานะของ ธพ.เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวม
ทั้งมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี ในส่วนของสถาบันการเงินที่ต้องการยกระดับก็มีการเตรียมความพร้อมทั้งแง่ธุรกิจและตัวองค์กร ทำให้เชื่อว่า
ในอนาคตธุรกิจของ ธพ.จะเติบโตขึ้น (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
3. นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้น ธพ.ไทยเพิ่มขึ้น แหล่งข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุนต่างประเทศ
ให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้น ธพ.ไทยเพิ่มขึ้น หลังจากที่กลุ่มจีอี แคปปิตอล เข้าซื้อหุ้นของ ธ.กรุงศรีอยุธยา โดยปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติใน
ธพ. กำหนดให้ต่างชาติเข้าถือหุ้นรวมกันได้ไม่เกิน 25% ของทุนจดทะเบียน สำหรับกรณี ธ.กรุงศรีอยุธยา ที่กลุ่มจีอี เข้าถือหุ้นเกิน 25% ได้
เนื่องจากมีการยื่นเรื่องขออนุมัติจาก ก.คลัง ซึ่งกรณีดังกล่าว จะมีการกำหนดเวลาการลดสัดส่วนการถือหุ้นลงตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อป้องกันปัญหาการ
ครอบงำกิจการ ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางร่วมกับ ธปท. ในการแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้
นักลงทุนต่างชาติเข้าถือหุ้นใน ธพ.ได้ถึง 49% (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
4. โครงการลงทุนต่างชาติทยอยย้ายฐานการลงทุนออกจากไทยเพิ่มขึ้น ปลัด ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้มีโครงการ
ลงทุนของต่างชาติตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนออกจากไทยไปแล้ว 2-3 ราย มูลค่ารวมหลายหมื่น ล.บาท โดยแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวคือ ซีเกต ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า
การลงทุนมากกว่า 40,000 ล.บาท เนื่องจากไทยมีปัญหาขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งไม่สามารถรองรับการขยายงานเพิ่มขึ้นได้
อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน มีกลุ่มอุตสาหกรรมอีก 2-3 กลุ่มที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะย้ายฐานการลงทุน และมีแนวโน้มสูงว่าจะไปลงทุนใน
ประเทศเพื่อนบ้านของไทยแทน (ไทยโพสต์, ข่าวสด)
5. กรมการค้าภายในเตรียมเพิ่มบัญชีสินค้าติดตามดูแล อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงแผนการดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าจาก
ปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นว่า กรมฯ มีแผนในช่วงครึ่งปีหลัง คือ การศึกษาเพิ่มบัญชีสินค้าติดตามดูแลเพิ่มเติมจากเดิม 170 รายการ เพื่อให้
สามารถดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าได้ดีขึ้น ส่วนสินค้าควบคุมที่มีอยู่เดิม 26 รายการ หากมีความจำเป็นจะใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น
(กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ช่วงต้นเดือน มิ.ย.ถึง ก.ค.49 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.6 เทียบต่อปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ
17 ก.ค.49 Property Website Rightmove เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.ถึงต้นเดือน ก.ค.49 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 10.6 เทียบต่อปี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.4 ในเดือนก่อนหน้า และนับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเลข 2 หลักเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน ขณะที่
เมื่อเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8 (ในการสำรวจเมื่อต้นเดือน พ.ค. ถึงต้นเดือน มิ.ย.49) ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่
217,580 ปอนด์ต่อหลัง ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้ปรับแนวโน้มทางฤดูกาลในตลาดที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม Rightmove เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัย
ในอังกฤษในปีนี้ชะลอตัวซึ่งสวนทางกับผลสำรวจอื่นที่เห็นว่ายังคงฟื้นตัว อนึ่ง HBOS ซึ่งเป็นผู้ให้กู้จำนองรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เปิดเผยผลสำรวจ
โดย Halifax เมื่อต้นเดือน ก.ค.49 ว่า ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน มิ.ย.49 ลดลงร้อยละ 1.2 ต่อเดือน ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาบ้านในอังกฤษ
และเวลส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการบ้านในแถบภาคใต้ของอังกฤษเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ในแถบภาคอื่น อาทิเช่น Midlands
and Wales มีความต้องการบ้านเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยราคาบ้านในภาคใต้ของอังกฤษเพิ่มขึ้นเป็นเลข 2 หลัก ตรงข้ามกับราคาบ้านในแถบภาค
เหนือที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3 จากปีก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. รมว.เศรษฐกิจของญี่ปุ่นสนับสนุน ธ.กลางญี่ปุ่นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี รายงานจาก
กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 ก.ค.49 Kaoru Yosano รมว.เศรษฐกิจของญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุน ธ.กลางญี่ปุ่นในการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจากระดับร้อยละ 0 ที่ใช้มาเป็นเวลานานถึง 6 ปี และเป็น
การยืนยันถึงการสิ้นสุดยุคเศรษฐกิจถดถอยและชะลอตัวมาเป็นเวลานาน ซึ่ง ธ.กลางญี่ปุ่นอาจจะกลับไปใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 อีกก็ได้
โดยไม่ความเสี่ยงใด ๆ ขึ้นอยู่ปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดย ธ.กลางญี่ปุ่นก็มีความกังวลอยู่บ้างเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงิน
แต่ได้ตัดสินใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.25 เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องและจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ เมื่อเดือน
มี.ค.43 ธ.กลางญี่ปุ่นต้องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่สามารถเจรจาตกลงกับรัฐบาลได้เรื่องจึงยุติไปเมื่อเดือน ส.ค. หลังจากนั้น ได้เกิดภาวะ
ฟองสบู่แตกในสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูง ทำให้ ธ.กลางญี่ปุ่นต้องกลับไปคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 0 ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์เช่นนั้นจะไม่
เกิดขึ้นอีก ในขณะที่ รมว.คลังของญี่ปุ่นรู้สึกกังวลว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่อต้นทุนของหนี้ภาครัฐจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง
6.7 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค.ปีหน้า หรือประมาณร้อยละ 150 ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม ธ.กลางญี่ปุ่นกล่าวว่าเศรษฐกิจขณะนี้มีความ
แข็งแกร่งมากกว่าปี 43 และธนาคารพาณิชย์สามารถจัดการกับวิกฤตการณ์หนี้เสียและสร้างสมดุลการเติบโตระหว่างความต้องการบริโภคภายใน
ประเทศกับการส่งออกได้ดี (รอยเตอร์)
3. รัฐสภาจีนเตือนให้รัฐบาลควบคุมการปล่อยสินเชื่อของ ธ.พาณิชย์ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 15 ก.ค.49 คณะกรรมาธิการด้าน
เศรษฐกิจและการเงินของรัฐสภาจีนซึ่งได้จัดให้มีการประชุมเมื่อวันที่ 13 — 14 ก.ค.49 ที่ผ่านมาออกมาแถลงว่าขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับความ
ขัดแย้งในระบบเศรษฐกิจกล่าวคือการลงทุนขยายตัวอย่างรวดเร็วเกินไป ในขณะที่มีสภาพคล่องเหลือในระบบการเงินมากซึ่งมีส่วนทำให้ ธ.พาณิชย์
ปล่อยกู้มากขึ้น ทั้งนี้ได้เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการมาลดสภาพคล่องในระบบธนาคาร โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลระบบ
ธนาคารของจีนได้แสดงความเห็นว่า ธ.พาณิชย์ของจีนควรควบคุมการปล่อยสินเชื่อและหลีกเลี่ยงการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคเศรษฐกิจที่มีกำลังการ
ผลิตส่วนเกินมากและอยู่ในช่วงที่มีการรวมกิจการเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ในขณะที่นายธนาคารกลางหลายคนได้กระตุ้นให้ ธ.พาณิชย์ปล่อยกู้ให้
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากขึ้นซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ ธ.พาณิชย์ไม่สนใจขยายสินเชื่อให้ (รอยเตอร์)
4. การเจรจาการค้าระหว่างเกาหลีใต้ และ สรอ. ที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 72.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปี 47
รายงานข่าวจากรอยเตอร์เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 49 การเจรจาการค้า 2 ฝ่ายระหว่างเกาหลีใต้ และ สรอ. หยุดชะงักลงเมื่อเกาหลีใต้เสนอให้มี
การทบทวนในเรื่องยาและผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้การค้าสองฝ่ายระหว่างเกาหลีใต้ และสรอ. ในปี 47 มีมูลค่ามากกว่า 72.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่ง
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ของโลกเกินดุลการค้าเกือบ 20 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. โดย สรอ. เป็นประเทศคู่ค้า
ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของเกาหลีใต้รองจากจีน ส่วน เกาหลีใต้เป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของ สรอ. โดยเมื่อปี 47 สินค้ารถยนต์
เป็นภาคที่ใหญ่ที่สุดในการทำการค้า 2 ฝ่ายระหว่างเกาหลีใต้ และสรอ. ซึ่งเกาหลีใต้ส่งออกรถยนต์ 853,300 คัน มูลค่า 10.1 พัน ล. ดอลลาร์
สรอ. แต่นำเข้าเพียงกว่า 4,000 คันเท่านั้น และเกือบครึ่งหนึ่งของการส่งออกรถยนต์ของเกาหลีใต้ ส่งไปยัง สรอ. ส่วนโทรศัพท์ไร้สาย และ
อุปกรณ์สื่อสารไร้สาย และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เกาหลีใต้ส่งออกเป็นอันดับถัดมา สำหรับ สรอ. ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์มากที่สุดมีมูลค่า
5.89 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ถัดมาเป็นชิ้นส่วนเครื่องบิน ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเกาหลีใต้จัดเก็บเฉลี่ยร้อยละ 7.2 มากกว่า สรอ. ที่
จัดเก็บในอัตราร้อยละ 1.5 อย่างไรก็ตามในปี 47 เกาหลีใต้ขาดดุลการค้ากับสรอ. ในภาคการเกษตรถึง 1.98 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. จากการ
นำเข้าผลิตภัณฑ์การเกษตรมูลค่า 2.74 พัน ล. ดอลลาร์สรอ. และจะสูงกว่านี้ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี ส่งผลให้เกษตรกรและผู้ประท้วงต่อต้าน
การเปิดตลาดการค้าสินค้าเกษตรที่จะมีการประชุมกันในเดือน ธ.ค. นี้ที่ฮ่องกง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 ก.ค. 49 14 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.035 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.8428/38.1340 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.1375 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.59/ 11.34 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 12,100/12,200 11,800/11,900 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 71.75 69.68 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ก.ค. 49 30.19*/27.94* 30.19*/27.94* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.ยืนยันภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยในขณะนี้ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ภาวะหนี้ครัวเรือนของไทยซึ่งอยู่ที่ 30.1% ต่ออัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในขณะนี้นั้น ยังไม่ส่งสัญญาณอันตรายใดๆ เพราะ
เมื่อเปรียบเทียบกับระดับหนี้ครัวเรือนของต่างประเทศ ยังถือว่าอยู่ในระดับต่ำ แต่ปัญหานี้อาจเป็นอันตรายได้หากในอนาคตหนี้ครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก
และการออมของครัวเรือนลดลง ขณะที่ภาคธุรกิจมีการขยายการลงทุนเพิ่ม ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาเงินออมไม่สมดุลหรือไม่เพียงพอรองรับการลงทุนที่
เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ นายสามารถ บูรณวัฒนาโชค ผู้ช่วยผู้ว่าการ ธปท. เปิดเผยว่า แม้ขณะนี้สถาบันการเงินจะมีการออกรูปแบบการปล่อยกู้หลากหลาย
ขึ้น แต่ก็ยังไม่พบปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) เพิ่มผิดปกติ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถาบันการเงินมีระบบการบริหารความเสี่ยงที่
เข้มงวดขึ้น ทำให้พิจารณาปล่อยกู้รัดกุมมากขึ้น ส่งผลให้หนี้ในระบบโดยรวมเพิ่มขึ้นไม่มาก (โพสต์ทูเดย์, โลกวันนี้)
2. ธปท.ระบุฐานะของ ธพ.ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่มีเสถียรภาพ นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.คลายกังวลต่อเสถียรภาพและฐานะของระบบ ธพ. เนื่องจากปัจจุบันฐานะของ ธพ.เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น รวม
ทั้งมีการบริหารจัดการความเสี่ยงที่ดี ในส่วนของสถาบันการเงินที่ต้องการยกระดับก็มีการเตรียมความพร้อมทั้งแง่ธุรกิจและตัวองค์กร ทำให้เชื่อว่า
ในอนาคตธุรกิจของ ธพ.จะเติบโตขึ้น (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
3. นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้น ธพ.ไทยเพิ่มขึ้น แหล่งข่าวจาก ก.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้มีนักลงทุนต่างประเทศ
ให้ความสนใจเข้าซื้อหุ้น ธพ.ไทยเพิ่มขึ้น หลังจากที่กลุ่มจีอี แคปปิตอล เข้าซื้อหุ้นของ ธ.กรุงศรีอยุธยา โดยปัจจุบันสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติใน
ธพ. กำหนดให้ต่างชาติเข้าถือหุ้นรวมกันได้ไม่เกิน 25% ของทุนจดทะเบียน สำหรับกรณี ธ.กรุงศรีอยุธยา ที่กลุ่มจีอี เข้าถือหุ้นเกิน 25% ได้
เนื่องจากมีการยื่นเรื่องขออนุมัติจาก ก.คลัง ซึ่งกรณีดังกล่าว จะมีการกำหนดเวลาการลดสัดส่วนการถือหุ้นลงตามเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อป้องกันปัญหาการ
ครอบงำกิจการ ทั้งนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางร่วมกับ ธปท. ในการแก้ไขกฎหมายเพื่อเปิดโอกาสให้
นักลงทุนต่างชาติเข้าถือหุ้นใน ธพ.ได้ถึง 49% (ผู้จัดการรายวัน, ไทยโพสต์)
4. โครงการลงทุนต่างชาติทยอยย้ายฐานการลงทุนออกจากไทยเพิ่มขึ้น ปลัด ก.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้มีโครงการ
ลงทุนของต่างชาติตัดสินใจย้ายฐานการลงทุนออกจากไทยไปแล้ว 2-3 ราย มูลค่ารวมหลายหมื่น ล.บาท โดยแหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการ
ส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวคือ ซีเกต ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์คอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า
การลงทุนมากกว่า 40,000 ล.บาท เนื่องจากไทยมีปัญหาขาดแคลนบุคลากรผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ซึ่งไม่สามารถรองรับการขยายงานเพิ่มขึ้นได้
อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน มีกลุ่มอุตสาหกรรมอีก 2-3 กลุ่มที่อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะย้ายฐานการลงทุน และมีแนวโน้มสูงว่าจะไปลงทุนใน
ประเทศเพื่อนบ้านของไทยแทน (ไทยโพสต์, ข่าวสด)
5. กรมการค้าภายในเตรียมเพิ่มบัญชีสินค้าติดตามดูแล อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยถึงแผนการดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าจาก
ปัญหาราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นว่า กรมฯ มีแผนในช่วงครึ่งปีหลัง คือ การศึกษาเพิ่มบัญชีสินค้าติดตามดูแลเพิ่มเติมจากเดิม 170 รายการ เพื่อให้
สามารถดูแลสถานการณ์ราคาสินค้าได้ดีขึ้น ส่วนสินค้าควบคุมที่มีอยู่เดิม 26 รายการ หากมีความจำเป็นจะใช้มาตรการทางกฎหมายที่เข้มงวดขึ้น
(กรุงเทพธุรกิจ, ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ช่วงต้นเดือน มิ.ย.ถึง ก.ค.49 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 10.6 เทียบต่อปี รายงานจากลอนดอน เมื่อ
17 ก.ค.49 Property Website Rightmove เปิดเผยว่า ราคาบ้านในอังกฤษและเวลส์ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.ถึงต้นเดือน ก.ค.49 เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 10.6 เทียบต่อปี เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.4 ในเดือนก่อนหน้า และนับเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเลข 2 หลักเป็นครั้งแรกในรอบ 16 เดือน ขณะที่
เมื่อเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.9 หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8 (ในการสำรวจเมื่อต้นเดือน พ.ค. ถึงต้นเดือน มิ.ย.49) ส่วนราคาบ้านเฉลี่ยอยู่ที่
217,580 ปอนด์ต่อหลัง ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวยังไม่ได้ปรับแนวโน้มทางฤดูกาลในตลาดที่อยู่อาศัย อย่างไรก็ตาม Rightmove เห็นว่าตลาดที่อยู่อาศัย
ในอังกฤษในปีนี้ชะลอตัวซึ่งสวนทางกับผลสำรวจอื่นที่เห็นว่ายังคงฟื้นตัว อนึ่ง HBOS ซึ่งเป็นผู้ให้กู้จำนองรายใหญ่ที่สุดของอังกฤษ เปิดเผยผลสำรวจ
โดย Halifax เมื่อต้นเดือน ก.ค.49 ว่า ราคาบ้านในอังกฤษในเดือน มิ.ย.49 ลดลงร้อยละ 1.2 ต่อเดือน ทั้งนี้ สาเหตุที่ราคาบ้านในอังกฤษ
และเวลส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก เนื่องจากความต้องการบ้านในแถบภาคใต้ของอังกฤษเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ในแถบภาคอื่น อาทิเช่น Midlands
and Wales มีความต้องการบ้านเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย โดยราคาบ้านในภาคใต้ของอังกฤษเพิ่มขึ้นเป็นเลข 2 หลัก ตรงข้ามกับราคาบ้านในแถบภาค
เหนือที่เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 3 จากปีก่อนหน้า (รอยเตอร์)
2. รมว.เศรษฐกิจของญี่ปุ่นสนับสนุน ธ.กลางญี่ปุ่นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เป็นครั้งแรกในรอบ 6 ปี รายงานจาก
กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 ก.ค.49 Kaoru Yosano รมว.เศรษฐกิจของญี่ปุ่น กล่าวว่า รัฐบาลสนับสนุน ธ.กลางญี่ปุ่นในการปรับขึ้น
อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจากระดับร้อยละ 0 ที่ใช้มาเป็นเวลานานถึง 6 ปี และเป็น
การยืนยันถึงการสิ้นสุดยุคเศรษฐกิจถดถอยและชะลอตัวมาเป็นเวลานาน ซึ่ง ธ.กลางญี่ปุ่นอาจจะกลับไปใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 0 อีกก็ได้
โดยไม่ความเสี่ยงใด ๆ ขึ้นอยู่ปัจจัยทางเศรษฐกิจ โดย ธ.กลางญี่ปุ่นก็มีความกังวลอยู่บ้างเกี่ยวกับความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงในตลาดการเงิน
แต่ได้ตัดสินใจว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.25 เป็นการดำเนินการที่ถูกต้องและจะดำเนินการอย่างระมัดระวัง ทั้งนี้ เมื่อเดือน
มี.ค.43 ธ.กลางญี่ปุ่นต้องการขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ไม่สามารถเจรจาตกลงกับรัฐบาลได้เรื่องจึงยุติไปเมื่อเดือน ส.ค. หลังจากนั้น ได้เกิดภาวะ
ฟองสบู่แตกในสินค้าเทคโนโลยีชั้นสูง ทำให้ ธ.กลางญี่ปุ่นต้องกลับไปคงนโยบายอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับร้อยละ 0 ซึ่งคาดว่าเหตุการณ์เช่นนั้นจะไม่
เกิดขึ้นอีก ในขณะที่ รมว.คลังของญี่ปุ่นรู้สึกกังวลว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลต่อต้นทุนของหนี้ภาครัฐจำนวนมาก ซึ่งคาดว่าจะสูงถึง
6.7 ล้านล้านดอลลาร์ สรอ. ในเดือน มี.ค.ปีหน้า หรือประมาณร้อยละ 150 ของจีดีพี อย่างไรก็ตาม ธ.กลางญี่ปุ่นกล่าวว่าเศรษฐกิจขณะนี้มีความ
แข็งแกร่งมากกว่าปี 43 และธนาคารพาณิชย์สามารถจัดการกับวิกฤตการณ์หนี้เสียและสร้างสมดุลการเติบโตระหว่างความต้องการบริโภคภายใน
ประเทศกับการส่งออกได้ดี (รอยเตอร์)
3. รัฐสภาจีนเตือนให้รัฐบาลควบคุมการปล่อยสินเชื่อของ ธ.พาณิชย์ รายงานจากปักกิ่ง เมื่อ 15 ก.ค.49 คณะกรรมาธิการด้าน
เศรษฐกิจและการเงินของรัฐสภาจีนซึ่งได้จัดให้มีการประชุมเมื่อวันที่ 13 — 14 ก.ค.49 ที่ผ่านมาออกมาแถลงว่าขณะนี้จีนกำลังเผชิญกับความ
ขัดแย้งในระบบเศรษฐกิจกล่าวคือการลงทุนขยายตัวอย่างรวดเร็วเกินไป ในขณะที่มีสภาพคล่องเหลือในระบบการเงินมากซึ่งมีส่วนทำให้ ธ.พาณิชย์
ปล่อยกู้มากขึ้น ทั้งนี้ได้เสนอให้รัฐบาลออกมาตรการมาลดสภาพคล่องในระบบธนาคาร โดยก่อนหน้านี้คณะกรรมาธิการที่ทำหน้าที่ควบคุมดูแลระบบ
ธนาคารของจีนได้แสดงความเห็นว่า ธ.พาณิชย์ของจีนควรควบคุมการปล่อยสินเชื่อและหลีกเลี่ยงการปล่อยสินเชื่อให้แก่ภาคเศรษฐกิจที่มีกำลังการ
ผลิตส่วนเกินมากและอยู่ในช่วงที่มีการรวมกิจการเพื่อความอยู่รอดของธุรกิจ ในขณะที่นายธนาคารกลางหลายคนได้กระตุ้นให้ ธ.พาณิชย์ปล่อยกู้ให้
ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมมากขึ้นซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ ธ.พาณิชย์ไม่สนใจขยายสินเชื่อให้ (รอยเตอร์)
4. การเจรจาการค้าระหว่างเกาหลีใต้ และ สรอ. ที่มีมูลค่าการค้าระหว่างกันกว่า 72.5 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ในปี 47
รายงานข่าวจากรอยเตอร์เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 49 การเจรจาการค้า 2 ฝ่ายระหว่างเกาหลีใต้ และ สรอ. หยุดชะงักลงเมื่อเกาหลีใต้เสนอให้มี
การทบทวนในเรื่องยาและผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้การค้าสองฝ่ายระหว่างเกาหลีใต้ และสรอ. ในปี 47 มีมูลค่ามากกว่า 72.5 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ซึ่ง
เกาหลีใต้เป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 11 ของโลกเกินดุลการค้าเกือบ 20 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. โดย สรอ. เป็นประเทศคู่ค้า
ที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ของเกาหลีใต้รองจากจีน ส่วน เกาหลีใต้เป็นประเทศคู่ค้าที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับที่ 7 ของ สรอ. โดยเมื่อปี 47 สินค้ารถยนต์
เป็นภาคที่ใหญ่ที่สุดในการทำการค้า 2 ฝ่ายระหว่างเกาหลีใต้ และสรอ. ซึ่งเกาหลีใต้ส่งออกรถยนต์ 853,300 คัน มูลค่า 10.1 พัน ล. ดอลลาร์
สรอ. แต่นำเข้าเพียงกว่า 4,000 คันเท่านั้น และเกือบครึ่งหนึ่งของการส่งออกรถยนต์ของเกาหลีใต้ ส่งไปยัง สรอ. ส่วนโทรศัพท์ไร้สาย และ
อุปกรณ์สื่อสารไร้สาย และอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เกาหลีใต้ส่งออกเป็นอันดับถัดมา สำหรับ สรอ. ส่งออกเซมิคอนดักเตอร์มากที่สุดมีมูลค่า
5.89 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. ถัดมาเป็นชิ้นส่วนเครื่องบิน ส่วนการจัดเก็บค่าธรรมเนียมเกาหลีใต้จัดเก็บเฉลี่ยร้อยละ 7.2 มากกว่า สรอ. ที่
จัดเก็บในอัตราร้อยละ 1.5 อย่างไรก็ตามในปี 47 เกาหลีใต้ขาดดุลการค้ากับสรอ. ในภาคการเกษตรถึง 1.98 พัน ล. ดอลลาร์ สรอ. จากการ
นำเข้าผลิตภัณฑ์การเกษตรมูลค่า 2.74 พัน ล. ดอลลาร์สรอ. และจะสูงกว่านี้ภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรี ส่งผลให้เกษตรกรและผู้ประท้วงต่อต้าน
การเปิดตลาดการค้าสินค้าเกษตรที่จะมีการประชุมกันในเดือน ธ.ค. นี้ที่ฮ่องกง (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 17 ก.ค. 49 14 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.035 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.8428/38.1340 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.1375 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 661.59/ 11.34 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 12,100/12,200 11,800/11,900 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 71.75 69.68 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ก.ค. 49 30.19*/27.94* 30.19*/27.94* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--