นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อดีต ส.ส. และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกระแสข่าวเกี่ยวการปฏิวัติว่าในความคิดเห็นของตนแล้ว หากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พลเอกธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลได้รับทราบว่ามีความเคลื่อนไหวเพื่อการทำปฏิวัติรัฐประหารจริงก็สมควรที่จะได้มีการดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง เอาผิดและดำเนินคดีต่อผู้นั้นอย่างเด็ดขาด เพราะความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อรัฐธรรมนูญ การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นพระประมุข
“ที่ท่านรัฐมนตรีกลาโหมท่านบอกว่าการปฏิวัติเป็นความผิดต่อกฎหมาย ต้องจับกุมดำเนินคดีนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะการปฏิวัติคือการกบฏ กบฏต่อแผ่นดินและพระเจ้าอยู่หัว เช่นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในรูปแบบต่างๆและกบฏต่อรัฐบาล ส่วนการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นความผิดที่ร้ายแรง ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ท่านอยู่ในฐานะที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ โดยเฉพาะการกบฏนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย ทั้งสองอย่างนี้อย่างแรกเป็นความผิดที่ร้ายแรงที่สุด เฉพาะฉะนั้นท่านควรจะสอดส่องดูพฤติกรรมของทุกฝ่ายว่าใครมีการกระทำเข้าข่ายดังกล่าวและควรจัดการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างที่ท่านได้กล่าวไว้”นายพีระพันธุ์กล่าว
เขากล่าวต่อไปว่าเห็นด้วยที่ทหารประกาศว่าเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ในความเป็นจริงประชาชนไทยทุกคนก็เป็นพสกนิกรของพระเจ้าอยู่หัว ได้อาศัยพระบรมโพธิสมภารจึงมีอยู่มีกินและสงบสุขร่มเย็น ข้าราชการหรือนักการเมืองก็เป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยเช่นกันจึงควรปฏิบัติตนตามคำสอนของพระองค์ท่านอย่างเคร่งครัด
“ในประเทศนี้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ประชาชนทุกคนเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ข้าราชการก็เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมือง ส.ส.ทุกคนได้รับเลือกตั้งมาแล้วแต่ก่อนจะทำหน้าที่ได้จะต้องปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงในสภาว่าจะจงรักภักดีและจะตั้งใจทำหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม ก็ขอให้ทุกคนทำตามที่ได้ปฏิญาณตนเอาไว้ด้วย” นายพีระพันธุ์กล่าวทิ้งท้าย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2549--จบ--
“ที่ท่านรัฐมนตรีกลาโหมท่านบอกว่าการปฏิวัติเป็นความผิดต่อกฎหมาย ต้องจับกุมดำเนินคดีนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เพราะการปฏิวัติคือการกบฏ กบฏต่อแผ่นดินและพระเจ้าอยู่หัว เช่นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพในรูปแบบต่างๆและกบฏต่อรัฐบาล ส่วนการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งเป็นความผิดที่ร้ายแรง ในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม ท่านอยู่ในฐานะที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ โดยเฉพาะการกบฏนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย ทั้งสองอย่างนี้อย่างแรกเป็นความผิดที่ร้ายแรงที่สุด เฉพาะฉะนั้นท่านควรจะสอดส่องดูพฤติกรรมของทุกฝ่ายว่าใครมีการกระทำเข้าข่ายดังกล่าวและควรจัดการดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างที่ท่านได้กล่าวไว้”นายพีระพันธุ์กล่าว
เขากล่าวต่อไปว่าเห็นด้วยที่ทหารประกาศว่าเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แต่ในความเป็นจริงประชาชนไทยทุกคนก็เป็นพสกนิกรของพระเจ้าอยู่หัว ได้อาศัยพระบรมโพธิสมภารจึงมีอยู่มีกินและสงบสุขร่มเย็น ข้าราชการหรือนักการเมืองก็เป็นข้าในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยเช่นกันจึงควรปฏิบัติตนตามคำสอนของพระองค์ท่านอย่างเคร่งครัด
“ในประเทศนี้มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ประชาชนทุกคนเป็นพสกนิกรของพระองค์ท่าน ข้าราชการก็เป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมือง ส.ส.ทุกคนได้รับเลือกตั้งมาแล้วแต่ก่อนจะทำหน้าที่ได้จะต้องปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ของในหลวงในสภาว่าจะจงรักภักดีและจะตั้งใจทำหน้าที่โดยสุจริตและเที่ยงธรรม ก็ขอให้ทุกคนทำตามที่ได้ปฏิญาณตนเอาไว้ด้วย” นายพีระพันธุ์กล่าวทิ้งท้าย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.ค. 2549--จบ--