วันนี้(5มิ.ย.49) เวลา 10.00 น. นายสุวโรช พะลัง กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปศาลอาญากรุงเทพใต้ เพื่อยื่นเรื่องดำเนินคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 3 คน ใน 3 ข้อหา คือ ออกมติ กกต.โดยมิชอบ ตามมาตรา 24 ของ พ.ร.บ.กกต. ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา และหมิ่นประมาทตามมาตรา 326 และ 328 ประมวลกฎหมายอาญา หลังจากเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม กกต. ทั้ง 3 คน ได้ออกมติไม่รับรองผลการเลือกตั้ง ส.ว.จังหวัดชุมพร คือ นายฉัตรชัย พะลัง ซึ่งเป็นน้องชายของตนที่ได้รับเลือกมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ชนะ พล.อ.ไพโรจน์ นาคฉัตรีย์ น้องชายนายปริญญา นาคฉัตรีย์ กกต. โดยได้ตั้ง 6 ข้อหา ซึ่งมี 2 ข้อหา กล่าวพาดพิงถึงตนว่าได้ปราศรัยพาดพิงนายปริญญา ซึ่งเป็นการทำผิดกฎหมายเลือกตั้งมาตรา 44 ที่ห้ามใส่ร้ายป้ายสี
นายสุวโรช กล่าวว่า แม้กฎหมายกกต.มาตรา 10 จะให้อำนาจกับกกต.กลางในการดำเนินนการกับผู้กระทำความผิดได้กฎหมายเลือกตั้งได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการศาลยุติธรรมแต่กฎหมายได้กำหนดว่าจะต้องเชิญผู้ที่ถูกพาดพิงมาให้ปากคำก่อนที่จะมีมติ แต่ที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับเชิญจากกกต.ให้ไปชี้แจงเลย ขณะที่คดีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้ง กลับจะมีการเชิญตัวแทนจากพรรคใหญ่ไปชี้แจงก่อนที่จะมีมติ ดังนั้นถือว่ากกต.เลือกปฎิบัติไม่ธรรม ไม่เป็นกลาง มติที่ออกมามีเจตนาทางการเมืองอย่างชัดเจน เพราะตนเป็นผู้เคลื่อนไหวกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ดังนั้น การดำเนินการของกกต.เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว คือ ให้น้องชายนายปริญญาได้เป็น ส.ว.ทั้งที่มีคะแนนห่างกว่าน้องชายตนถึง 1.8 หมื่นคะแนน และยังมาทำลายอนาคตตนในทางการเมืองอีกด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มิ.ย. 2549--จบ--
นายสุวโรช กล่าวว่า แม้กฎหมายกกต.มาตรา 10 จะให้อำนาจกับกกต.กลางในการดำเนินนการกับผู้กระทำความผิดได้กฎหมายเลือกตั้งได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านกระบวนการศาลยุติธรรมแต่กฎหมายได้กำหนดว่าจะต้องเชิญผู้ที่ถูกพาดพิงมาให้ปากคำก่อนที่จะมีมติ แต่ที่ผ่านมาตนไม่เคยได้รับเชิญจากกกต.ให้ไปชี้แจงเลย ขณะที่คดีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็กลงรับสมัครเลือกตั้ง กลับจะมีการเชิญตัวแทนจากพรรคใหญ่ไปชี้แจงก่อนที่จะมีมติ ดังนั้นถือว่ากกต.เลือกปฎิบัติไม่ธรรม ไม่เป็นกลาง มติที่ออกมามีเจตนาทางการเมืองอย่างชัดเจน เพราะตนเป็นผู้เคลื่อนไหวกรณีพรรคใหญ่จ้างพรรคเล็ก ดังนั้น การดำเนินการของกกต.เท่ากับยิงปืนนัดเดียวได้นกถึงสองตัว คือ ให้น้องชายนายปริญญาได้เป็น ส.ว.ทั้งที่มีคะแนนห่างกว่าน้องชายตนถึง 1.8 หมื่นคะแนน และยังมาทำลายอนาคตตนในทางการเมืองอีกด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 5 มิ.ย. 2549--จบ--