ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือน มีนาคม 2549
กระทรวงพาณิชย์ รายงานความเคลื่อนไหว ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนมีนาคม และไตรมาสแรกของปี 2549 โดยสรุป
จากการสำรวจและประมวลราคาสินค้าที่เกษตรกรและผู้ประกอบการจำหน่ายทั่วประเทศ จำนวน 506 รายการ ครอบคลุม 3 หมวด คือ หมวดผลผลิตเกษตรกรรม หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และนำมาคำนวณเพื่อเปรียบเทียบการเปลี่ยนแปลงราคาในรูปของดัชนี ดังนี้
1. ดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนมีนาคม 2549 ปี 2543 ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศ เท่ากับ 100 สำหรับเดือนมีนาคม 2549 เท่ากับ 132.9
2. การเปลี่ยนแปลงดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนมีนาคม 2549 เมื่อเทียบกับ
2.1 เดือนกุมภาพันธ์ 2549 สูงขึ้นร้อยละ 1.1
2.2 เดือนมีนาคม 2548 สูงขึ้นร้อยละ 7.5
2.3 ไตรมาสแรก (เดือนมกราคม - มีนาคม 2549) เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2548 สูงขึ้น ร้อยละ 8.7
3. ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนมีนาคม 2549 โดยเฉลี่ยยังคงสูงขึ้นต่อเนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์ 2549 ร้อยละ 1.1 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาทุกหมวด คือ หมวดผลผลิตเกษตรกรรม หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ร้อยละ 3.3 , 1.0 และ 0.7 ตามลำดับ
ในด้านสินค้าเกษตรข้าวเปลือกและยางพารา ยังคงเป็นสินค้าสำคัญที่ทำรายได้จำนวนมากให้กับเกษตรกร โดยราคาได้ขยับตัวสูงขึ้นจากความต้องการของตลาดที่มีมากและอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ ข้าวสาร ยางแผ่นรมควัน และยางแท่ง มีราคาสูงขึ้นด้วย
สำหรับสินค้าอุตสาหกรรม น้ำมันเชื้อเพลิงยังคงมีราคาผันผวนตลอดเดือนมีนาคม เฉลี่ยแล้วราคาสูงขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้จากเหตุการณ์ไม่สงบในประเทศผู้ผลิตสำคัญ คือ ไนจีเรียและอิรัก ตลอดจนข่าวปริมาณน้ำมันสำรองในคลังของสหรัฐอเมริกาไม่เพียงพอต่อความต้องการในช่วงฤดูร้อน ซึ่งราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นดังกล่าวส่งผลถึงต้นทุนผลิตสินค้าอุตสาหกรรมต่อเนื่องสูงขึ้น เช่น เอทีลีน โพรพีลีน และผลิตภัณฑ์โลหะ (เหล็กแท่ง เหล็กแผ่น เหล็กเส้น)
4. ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศเดือนมีนาคม 2549 เทียบกับเดือนมีนาคม 2548 สูงขึ้นร้อยละ 7.5 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาผลผลิตการเกษตร (ข้าว ยางพารา) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม (น้ำมันเชื้อเพลิง) ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก (ยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง เม็ดพลาสติก) และทองคำ เป็นสำคัญ
5. ดัชนีราคาผู้ผลิตของประเทศไตรมาสแรกของปี 2549 สูงขึ้นร้อยละ 8.7 จากการสูงขึ้นของดัชนีราคาทุกหมวด คือ หมวดผลผลิตเกษตรกรรม หมวดผลิตภัณฑ์จากเหมือง และหมวดผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ร้อยละ 20.0, 23.2 และ 6.5 ตามลำดับ
ที่มา: สำนักดัชนีเศรษฐกิจการค้า สำนักงานปลัดกระทรวง กระทรวงพาณิชย์