การค้าระหว่างประเทศของไทยภายใต้เอฟทีเอ ในรอบ 9 เดือนมีแนวโน้มดี

ข่าวเศรษฐกิจ Monday November 6, 2006 11:14 —กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

          กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เผยมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศคู่ค้าภายใต้การเปิดเขตการค้าเสรีกับ 4 ประเทศ โดยรวมในรอบ 9 เดือนของปีนี้ เพิ่มขึ้นทุกประเทศ เป็นผลมาจากการส่งออกมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น
นางสาวชุติมา บุณยประภัศร อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า การค้าระหว่างประเทศของไทยกับประเทศคู่เจรจาเปิดการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ประกอบด้วย ประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน และอินเดีย ในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) ของปี 2549 มูลค่าการค้าโดยรวมเพิ่มขึ้นทุกประเทศ โดยไทยได้ดุลการค้ากับประเทศออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอินเดีย ในขณะที่ขาดดุลการค้าโดยรวมกับประเทศจีน แต่ในส่วนที่มีข้อตกลงเปิดการค้าเสรีกับจีน ไทยได้เปรียบดุลการค้า โดยการค้าในภาพรวมที่เพิ่มขึ้นนื้เป็นผลมาจากไทยสามารถส่งออกไปประเทศเหล่านี้ได้เพิ่มขึ้น ในขณะที่การนำเข้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากไทยมีการนำเข้าสินค้าประเภทวัตถุดิบ และสินค้ากึ่งวัตถุดิบ เพื่อนำมาผลิตสินค้าที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าส่งออกของประเทศ
สำหรับการค้าระหว่างประเทศของไทยกับออสเตรเลีย การค้าโดยรวมมีมูลค่า 221,297.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.34% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยไทยสามารถส่งออกไปออสเตรเลียเป็นจำนวน 119,950.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.64% มูลค่านำเข้า 101,347.1 ล้านบาท ลดลง 2.31% ไทยได้ดุลการค้า 18,602.9 ล้านบาท
โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญภายใต้ เอฟทีเอ ประกอบด้วย รถบรรทุกแวน รถปิคอัพ และรถยนต์นั่งอื่นๆ สิ่งก่อสร้าง และส่วนประกอบที่ทำด้วยเหล็กและเหล็กกล้า เครื่องปรับอากาศที่ประกอบด้วยพัดลม ปลาทูน่า ปลาสคิปแจ็ก ปลาโบนิโต เป็นต้น ในขณะที่สินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย ทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป อะลูมิเนียม ฝ้าย ถ่านหินบิทูมินัส เป็นต้น
ส่วนการค้าระหว่างประเทศของไทยกับนิวซีแลนด์ การค้าโดยรวมมีมูลค่า 22,067.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.58% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยไทยสามารถส่งออกไปยังนิวซีแลนด์มีมูลค่า 13,957.3 ล้านบาท ลดลง 4.13% มีการมูลค่า 8,110.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.19% ไทยได้ดุลการค้า 5,847.1 ล้านบาท
นางสาวชุติมา กล่าวเพิ่มเติมว่า สินค้าส่งออกที่สำคัญภายใต้เอฟทีเอ ประกอบด้วย รถบรรทุกดีเซล และรถยนต์นั่งอื่นๆ ปลาทูน่า ปลาสคิป แจ็ก ปลาโบนิโต โพลิเอทีลีน เครื่องปรับอากาศ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย นมผง อาหารปรุงแต่งที่ผสมนมสำหรับใช้เลี้ยงทารก มันเนย ไม้สน เยื่อไม้ กระดาษ เป็นต้น
สำหรับการค้าระหว่างประเทศไทยกับจีน การค้าโดยรวมมีมูลค่า 707,000.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.06% จากช่วงเดียวกันปีก่อน มีการส่งออก 319,714.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21.97% มีการนำเข้า 387,285.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.76% ไทยขาดดุลการค้า 67,570.3 ล้านบาท
อย่างไรก็ตามการค้าระหว่างไทยกับจีนโดยรวมไทยจะเป็นฝ่ายขาดดุลการค้า แต่ภายใต้การเปิดการค้าเสรีที่ไทยมีข้อตกลงกับจีน ที่เปิดเสรีสินค้าภายใต้พิกัดอัตราศุลกากร 01-08 ซึ่งเป็นสินค้าประเภทผักและผลไม้ ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้ากับจีน เป็นจำนวน 11,043.1 ล้านบาท โดยมูลค่าการค้าโดยรวมอยู่ที่ 22,662.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.18% เป็นการส่งออกมูลค่า 16,852.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.98% เป็นการนำเข้า 5,809.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.76%
โดยสินค้าส่งออกสำคัญภายใต้เอฟทีเอ ประกอบด้วย หน่วยเก็บของเครื่องประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติ กรมเทเรฟทาลิก ยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน น้ำยางธรรมชาติ มันสำปะหลัง เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย ส่วนประกอบและอุปกรณ์ของเครื่องจักร ผลิตภัณฑ์กึ่งสำเร็จรูปทำด้วยเหล็ก เครื่องอุปกรณ์โทรคมนาคม เป็นต้น
สำหรับการค้าระหว่างประเทศไทยกับประเทศอินเดีย มีการค้าโดยรวมเป็นมูลค่า 95,192.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.09% เป็นการส่งออกมูลค่า 48,503.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.53% การนำเข้ามูลค่า 46,689.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19.24% ไทยได้ดุลการค้า 1,813.2 ล้านบาท
ส่วนการค้าภาพรวมภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างไทยกับอินเดีย จำนวน 82 รายการ ไทยได้ดุลการค้า 6,843.5 ล้านบาท โดยการค้าภาพรวมมีจำนวน 12,995.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.48% เป็นการส่งออก 9,919.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เป็นการนำเข้า 3,076.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.93%
โดยสินค้าส่งออกที่สำคัญภายใต้เอฟทีเอ ประกอบด้วย เครื่องรับโทรทัศน์สี โพลีคาร์บอเนต หลอดภาพแคโทดเรย์ของเครื่องรับโทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศที่ประกอบด้วยพัดลม อีพอกไซด์เรซิน ตู้เย็น โพลิเอสเทอร์ เป็นต้น ส่วนสินค้านำเข้าที่สำคัญ ประกอบด้วย กระปุกเกียร์ของยานยนต์ เหล็กและเหล็กกล้า โพลิเอสเทอร์ อะลูมิเนียมออกไซด์ เครื่องเพชรพลอยและรูปพรรณ เป็นต้น
“ภาพรวมการค้าในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด คาดการณ์ว่าการค้าในภาพรวมทั้งปี จะมีอัตราเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อนอย่างแน่นอน ซึ่งการค้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากผลประโยชน์ที่ได้รับภายใต้ข้อตกลงทางการค้าเสรีที่ไทยมีกับประเทศคู่ค้า ทำให้ลดปัญหา อุปสรรคทางด้านการค้าระหว่างกัน” นางสาวชุติมา กล่าว
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (66) 2282-6171-9 แฟกซ์ (66) 2280-0775
-พห-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ