พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรตั้งแต่ระหว่างวันที่ 8 - 14 ก.พ. 2549

ข่าวทั่วไป Wednesday February 8, 2006 14:20 —กรมอุตุนิยมวิทยา

          พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร  
วันพุธที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 ฉบับที่ 17/2549
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 8-14 ก.พ. 2549
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนบางแห่งในระยะแรกกับอุณหภูมิลดลง โดยมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง ส่วนภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปจะมีฝนตกเพิ่มมากขึ้น สำหรับคลื่นในอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปมีกำลังแรงตลอดช่วง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ในช่วงวันที่ 11-14 ก.พ. ความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นและมีหมอก ในตอนเช้า
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. คลื่นบริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปและทะเลอันดามันมีกำลังแรง ขอให้ชาวเรือและชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
ในช่วงวันที่ 8-11 ก.พ. ในตอนเช้ามีหมอก และอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 12-14 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มหลายพื้นที่ในตอนเช้า มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมอ่อน 6-12 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 8-11 ก.พ. ในตอนเช้ามีหมอก และอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 12-14 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกเพิ่มหลายพื้นที่ในตอนเช้า มีฝนบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมอ่อน 6-12 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 12-14 ก.พ. ทางตอนบนของภาคจะมีฝนบางพื้นที่ เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจจะเปียกชื้นเนื่องจากฝนที่ตก ส่วนชาวสวนมะม่วงควรระวังและป้องกันการระบาดของเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลอ่อนร่วงหล่นได้
ตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ และอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับลมแรง อากาศหนาวทางตอนบนสุดของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ และอุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับลมแรง อากาศหนาวทางตอนบนสุดของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 11-14 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรดูแลสุขภาพ ของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง และเนื่องจากระยะนี้ อากาศแห้งโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชตามความจำเป็น และนำวัสดุเหลือใช้ ทางการเกษตรคลุมโคนต้นเพื่อสงวนความชื้นในดิน
กลาง
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง 10 % ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 11-14 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นและมีหมอกเพิ่มหลายพื้นที่ในตอนเช้า ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้น้ำระเหยรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น ส่วนผู้ที่ปลูกไม้ดอกควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดไว้ด้วย
ตะวันออก
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. ในตอนเช้าอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส และลมแรง กับมีฝนบางแห่งส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 11-14 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นและมีหมอกในตอนเช้า ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 8-10 ก.พ. ในตอนเช้าอุณหภูมิลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส และลมแรง กับมีฝนบางแห่งส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 11-14 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้นและมีหมอกในตอนเช้า ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ชาวสวนควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่กำลังติดผลอ่อนอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลอ่อนร่วงหล่นได้ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ
ใต้
ทางฝั่งตะวันออกทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30% ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. มีเมฆบางส่วน และมีฝนบางแห่ง 10 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
ทางฝั่งตะวันออกทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย 20-40 % ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม/ชม. ในช่วงวันที่ 13-14 ก.พ. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ 30% ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 8-12 ก.พ. มีเมฆบางส่วน และมีฝนบางแห่ง 10 %ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. สำหรับบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้ในระยะต่อไปด้วย ส่วนผู้ที่ปลูกสับปะรดควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยชนิดต่างๆด้วย อนึ่ง ในช่วงวันที่ 9-12 ก.พ. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปและทะเลอันดามันจะมีกำลังแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่ม ความระมัดระวังในการเดินเรือ ส่วนเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ