สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรการเกษตร เปิดเผยแนวโน้มราคาหัวมันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้ปี 2549/50 ไม่ตกต่ำ แม้ว่าจะมีผลผลิตมันสำปะหลังสูงมากเป็นประวัติการณ์ แต่ความต้องการใช้มันสำปะหลังเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกยังมีสูงมากเช่นเดียวกัน ขณะที่รัฐได้ดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดเพื่อรองรับ หากเกิดภาวะสินค้าล้นตลาด
นายพินิจ กอศรีพร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2549/50 จะมีประมาณ 25.29 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตมันเส้น มันอัดเม็ด และแป้งมันสำปะหลังเพื่อใช้ในประเทศ รวมทั้งส่งออกประมาณ 23-24 ล้านตัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าอุปทานและอุปสงค์ใกล้เคียงกัน ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ด 8 ล้านตัน แป้งมัน 8.4 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ผลผลิตธัญพืชของโลกได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ลดต่ำลง เพราะเกิดภาวะแห้งแล้ง ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าหันมานำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในปริมาณเพิ่มขึ้น
ในขณะที่การใช้ในประเทศมีประมาณ 8 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดของไทยลดลงส่งผลให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับผู้เลี้ยงสัตว์คุ้นเคยกับการใช้มันเส้นคุณภาพดี เพราะทำให้สัตว์มีสุขอนามัยดี รวมทั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องและความต้องการใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลมีการขยายตัวเช่นกัน นอกจากนี้รัฐบาลได้ดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2549/50 อีกด้วย
โดยราคารับจำนำเป็นแบบขั้นบันได กล่าวคือ เดือนพฤศจิกายนกิโลกรัมละ 1.25 บาท เพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคมเป็นกิโลกรัมละ 1.30 บาท เดือนมกราคมกิโลกรัมละ 1.35 บาท เดือนกุมภาพันธ์กิโลกรัมละ 1.40 บาท เดือนมีนาคมกิโลกรัมละ 1.45 บาท และเดือนเมษายนกิโลกรัมละ 1.50 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวน่าจะส่งผลให้เกษตรกรค่อย ๆ ทยอยขุดหัวมันสำปะหลัง ทำให้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดลดลงในช่วงเก็บเกี่ยวมากคือ เดือนมกราคม - มีนาคม ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังน่าจะได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี
นายพินิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่สูงขึ้น ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชะลอการขุดหัวมันสำปะหลัง จัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของโรงงานแปรรูป และเร่งให้มีการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง รวมทั้งเร่งขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง นายพินิจ กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-
นายพินิจ กอศรีพร รองเลขาธิการและโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร(สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2549/50 จะมีประมาณ 25.29 ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตมันเส้น มันอัดเม็ด และแป้งมันสำปะหลังเพื่อใช้ในประเทศ รวมทั้งส่งออกประมาณ 23-24 ล้านตัน ซึ่งจะเห็นได้ว่าอุปทานและอุปสงค์ใกล้เคียงกัน ในจำนวนนี้เป็นการส่งออกมันเส้นและมันอัดเม็ด 8 ล้านตัน แป้งมัน 8.4 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีนี้ผลผลิตธัญพืชของโลกได้แก่ ข้าวสาลี ข้าวโพด ลดต่ำลง เพราะเกิดภาวะแห้งแล้ง ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าหันมานำเข้าผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังในปริมาณเพิ่มขึ้น
ในขณะที่การใช้ในประเทศมีประมาณ 8 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมา เนื่องจากผลผลิตข้าวโพดของไทยลดลงส่งผลให้ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น ประกอบกับผู้เลี้ยงสัตว์คุ้นเคยกับการใช้มันเส้นคุณภาพดี เพราะทำให้สัตว์มีสุขอนามัยดี รวมทั้งอุตสาหกรรมต่อเนื่องและความต้องการใช้มันสำปะหลังเพื่อผลิตเอทานอลมีการขยายตัวเช่นกัน นอกจากนี้รัฐบาลได้ดำเนินโครงการแทรกแซงตลาดมันสำปะหลังปี 2549/50 อีกด้วย
โดยราคารับจำนำเป็นแบบขั้นบันได กล่าวคือ เดือนพฤศจิกายนกิโลกรัมละ 1.25 บาท เพิ่มขึ้นในเดือนธันวาคมเป็นกิโลกรัมละ 1.30 บาท เดือนมกราคมกิโลกรัมละ 1.35 บาท เดือนกุมภาพันธ์กิโลกรัมละ 1.40 บาท เดือนมีนาคมกิโลกรัมละ 1.45 บาท และเดือนเมษายนกิโลกรัมละ 1.50 บาท ซึ่งราคาดังกล่าวน่าจะส่งผลให้เกษตรกรค่อย ๆ ทยอยขุดหัวมันสำปะหลัง ทำให้ปัญหาผลผลิตล้นตลาดลดลงในช่วงเก็บเกี่ยวมากคือ เดือนมกราคม - มีนาคม ดังนั้นเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังน่าจะได้รับผลตอบแทนค่อนข้างดี
นายพินิจ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกษตรกรได้รับราคาที่สูงขึ้น ควรดำเนินการประชาสัมพันธ์ให้เกษตรกรชะลอการขุดหัวมันสำปะหลัง จัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของโรงงานแปรรูป และเร่งให้มีการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลัง รวมทั้งเร่งขยายตลาดส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง นายพินิจ กล่าว
--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร--
-พห-