ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ธปท.แถลงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 48 จีดีพีขยายตัว 4.5% ชะลอลงจากปี 47 นางสุชาดา
กิระกุล ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ สายนโยบายการเงิน ธปท. แถลงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 48 ว่า
ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 4.5% ชะลอลงจากปี 47 ที่ขยายตัว 6.2% ซึ่งเป็นการชะลอลงทั้งด้านอุป
ทานและอุปสงค์ โดยได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดภาวะภัยแล้งตลอดปี ทำให้มีผลกระทบต่อภาคเกษตรและ
อุตสาหกรรมและการส่งออกที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลกระทบจากธรณีพิบัติสึนามิ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมาก และการเพิ่มขึ้น
ของอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อก็เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ ในปี 48 ดุลการค้าขาดดุล 8,578
ล.ดอลลาร์ สรอ. เทียบกับปี 47 ที่เกินดุล 1,460 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัว 15% คิดเป็น
มูลค่า 109,211 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนการนำเข้าขยายตัว 26% คิดเป็นมูลค่า 117,788 ล.ดอลลาร์ สรอ.
โดยสินค้านำเข้าสำคัญคือ น้ำมัน ทองคำ และเหล็ก (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
2. ธปท.รายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบข้อมูลการเคลื่อนย้ายเงินของบริษัทชินฯ และแอ
มเพิล ริช ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยในการชี้แจงข้อมูลกรณีตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์ ขายหุ้น
บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ให้กับกลุ่มเทมาเซกจากสิงคโปร์ ต่อกรรมาธิการการเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร ว่า
ธปท.ได้ตรวจสอบย้อนหลังไปถึงปี 2542 ไม่พบว่ามีการเคลื่อนย้ายเงินก้อนใหญ่ของบริษัทชินฯ และบริษัทแอมเพิล ริ
ช และไม่มีหลักฐานการชำระเงินในการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทชินฯ และแอมเพิล ริช แต่อย่างใด ทั้งนี้ การนำ
เงินไปลงทุนในต่างประเทศ หากเกินกว่า 10 ล.ดอลลาร์ สรอ. ต้องขออนุญาตจาก ธปท.ก่อน แต่กรณีการจัดตั้ง
แอมเพิล ริช คงใช้เงินไม่เกิน 10 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนกรณีการเปิดเผยผู้ถือหุ้นหรือการโอนหุ้นของบริษัทแอ
มเพิล ริช นั้น ขณะนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ได้ใช้อำนาจ
ขอให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจ้งและส่งข้อมูลทั้งหมดแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
3. ธปท.เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบตามมาสเตอร์
แพลน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับ
สถานะเพื่อดำเนินการตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ (One Presence) ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการ
เงิน (มาสเตอร์แพลน) ว่า ขณะนี้ติดปัญหาเรื่องภาษีการควบรวมกิจการของสถาบันการเงิน ซึ่งตามกฎของ One
Presence นั้น การควบรวมกิจการบริษัทลูกเข้ากับบริษัทแม่จะได้รับการยกเว้นภาษี หรือในบางกรณีอาจจะเสียภาษี
ในอัตราที่น้อยลง โดยหาก ก.คลังประกาศใช้มาตรการภาษีดังกล่าว ก็จะทำให้การควบรวมกิจการดำเนินการได้
เร็วขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า ก.คลังจะประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าวภายในไตรมาสแรกปีนี้ (โลกวันนี้)
4. คณะกรรมการระบบการชำระเงินเห็นชอบปรับโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมการชำระเงินของ
ธพ. นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการระบบการชำระเงินซึ่งมีผู้
ว่าการ ธปท.เป็นประธาน ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบปรับโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมการชำระเงินของ
ธพ.ใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.นี้เป็นต้นไป ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมเช็คเพิ่มขึ้นจากเดิม 5 บาทต่อฉบับเป็นเรียก
เก็บสูงสุดได้ไม่เกิน 15 บาทต่อฉบับ เช็คเรียกเก็บต่างจังหวัดจากเดิม 0.20% ของยอดเงินตามเช็ค ลดลงเหลือ
0.10% ของยอดเงินตามเช็ค หรือ สำหรับการโอนเงินข้ามธนาคารผ่านเครื่องเอทีเอ็ม จากเดิมโอนเงินไม่เกิน
30,000 บาทเก็บ 35 บาทต่อรายการ ปรับเป็นโอนเงินไม่เกิน 10,000 บาทเก็บ 25 บาทต่อรายการ และ
มากกว่า 10,000 บาทแต่ไม่เกิน 30,000 บาทเก็บ 35 บาทต่อรายการ ส่วนการฝากเงินข้ามธนาคารจะมีผลใช้
ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไป และการถอนเงินข้ามธนาคารจะมีผลบังคับใช้สิ้นปี ทั้งนี้ ปัจจุบันต้นทุนเช็คต่อฉบับอยู่
ที่ 40 บาท การที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 15 บาท ทำให้ยังมีส่วนหนึ่งที่ธนาคารต้องรับภาระ ซึ่งหากในอนาคตการใช้เช็คลด
ลงก็จะช่วยทำให้ต้นทุนธนาคารลดลง อนึ่ง จะมีการทบทวนค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจทุก 2 ปี (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
5. ก.คลังหารือร่วมกับ ธปท.เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การถือหุ้นใน ธพ.ไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.คลังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้ต่างชาติถือหุ้นใน ธพ.ไทยเพิ่มขึ้น จากเดิมกำหนด
ให้ถือหุ้นไม่เกิน 25% โดยระบุว่า จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ ธพ.ปรับตัว ซึ่งตามแผนแม่บทการเงิน
ฉบับใหม่กำหนดให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นใน ธพ.ไทยไม่เกิน 49% ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่าง
ชาติใน ธพ.ไทยนั้น จะเป็นผลดีในเรื่องการนำเทคโนโลยีจากต่างชาติเข้ามาพัฒนาสถาบันการเงินในประเทศ ทำ
ให้ไม่เกิดการผูกขาด และทำให้ประชาชนมีทางเลือกเพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ)
6. ธปท.ระบุคดีฟ้องร้องและติดตามตัวนายราเกซ สักเสนา ยังไม่หมดอายุความ นายวีร
ชาติ ศรีบุญมา ผอ.สำนักดำเนินคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คดีฟ้องร้องและติดตามตัวนาย
ราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงเทพฯ พาณิชย์การ
จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี กลับมาดำเนินคดีฐานร่วมกับพวกยักยอกทรัพย์ของบีบีซี ยังไม่หมดอายุความ และสามารถ
ทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ นอกจากนี้ ได้มีการเลื่อนการพิจารณาคดีจากเดือน ม.ค.เป็น เม.ย.ปีนี้ (ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ
106.3 รายงานจากชิคาโก เมื่อ 31 ม.ค.49 the Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ของ สรอ.ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 106.3 จากระดับ 103.8 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่วอลล์สตรี
ทคาดการณ์ไว้ แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อที่ประชาชนต้องแบกรับและราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้รัฐบาล
สรอ.เปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 4 ปี 48 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.8 เนื่องจากค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นขณะ
ที่การเพิ่มขึ้นในผลประโยชน์ด้านสวัสดิการชะลอลง อย่างไรก็ตาม ก.แรงงานกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ใน
ระดับสูงกว่าอัตราเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น อนึ่ง ในปี 48 อัตราค่าจ้างหลังปรับด้วยตัวเลขเงินเฟ้อแล้วลดลงร้อยละ
0.8 นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 นั่นหมายความว่า เงินเดือนที่ผู้ทำงานได้รับในปีนี้สามารถซื้อสินค้า
และบริการได้น้อยกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการที่ราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ the
Conference Board ยังรายงานเพิ่มเติมว่า conditions index เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 128.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ตั้งแต่เดือน ส.ค.44 ขณะที่ดัชนีความคาดหวัง ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการใช้จ่ายลดลงอยู่ที่ระดับ 91.5 จากระดับ
92.6 (รอยเตอร์)
2. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีเพิ่มขึ้นในขณะที่ยอดค้าปลีกลดลง รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 31
ม.ค.49 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานจำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้น 408,000
คนมีจำนวน 5.012 ล้านคน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.48 โดยจำนวนคนว่างงานหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว
เพิ่มขึ้น 69,000 คนมีจำนวน 4.699 ล้านคน ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจำนวนคนว่างงานจะลดลง
20,000 คน เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.48 ที่ลดลงร้อยละ 1.4 จากเดือนก่อนและร้อยละ 1.6 เมื่อ
เทียบกับปีก่อน นักเศรษฐศาสตร์จึงคาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยในช่วง
ที่ผ่านมาการส่งออกเป็นตัวหลักในผลักดันให้เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังอยู่ใน
ภาวะซบเซาอันเป็นผลจากการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ยังมีความ
หวังว่าการลงทุนในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจะช่วยให้การใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวเพียง
ร้อยละ 0.9 ในปี 47 (รอยเตอร์)
3. ตลาดซื้อขายบ้านของอังกฤษฟื้นตัวทำให้คาดการณ์ว่าอาจจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.49 ตลาดซื้อขายบ้านของอังกฤษมีแนวโน้มปรับตัวดี
ขึ้น อาจทำให้ ธ.กลางอังกฤษไม่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในปีนี้ ในขณะที่
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า Stephen Nickell กรรมการของคณะกรรมาธิการนโยบายการเงิน (Monetary
Policy Committee) ธ.กลางอังกฤษ จะพยายามผลักดันให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมสัปดาห์
หน้า เนื่องจากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นอาจแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคหลังจากปรับลดลงอย่าง
รุนแรงในปี 48 ทั้งนี้ Nationwide Building Society เปิดเผยว่า ราคาบ้านในเดือนนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 1.4 เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน ทำให้อัตราดอกเบี้ยต่อปีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.4 มากเป็น
2 เท่า ของจุดต่ำในเดือน ก.ย. ด้าน ธ.กลางอังกฤษรายงานว่า การทำสัญญาจำนองในเดือนก่อนมีจำนวนรวม
มากที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 47 ขณะที่การอนุมัติสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านก็เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน เช่นกัน แสดง
ให้เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายบ้านในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อย่างไรก็
ตาม Stephen Nickell กล่าวว่าปัจจุบันระบบเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้างจากแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
4. การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี ต่ำกว่าที่คาด
การณ์ไว้ รายงานจากเกาหลีใต้ เมื่อ 1 ก.พ.49 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ใน
เดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นจำนวน 23.42 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี ขณะที่นำเข้า
เพิ่มขึ้นจำนวน 22.83 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.6 ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้าจำนวน
590 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจรอยเตอร์คาดการณ์ว่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ม.
ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 และนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 หลังจากที่เดือน ธ.ค.48 การส่งออกและนำเข้า
เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 และ 15.6 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าว (ซึ่งยังไม่ได้ปรับปัจจัยทางฤดูกาล)
จะถูกเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในแต่ละเดือนเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของ
ระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนจะรายงานตัวเลขดังกล่าวเป็นประเทศแรก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 ก.พ. 49 31 ม.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.078 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9113/39.2013 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.29375 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 762.63/ 12.66 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,350/10,450 10,350/10,450 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.84 60.96 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 25 ม.ค. 49 27.24*/24.69* 27.24*/24.69* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ธปท.แถลงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 48 จีดีพีขยายตัว 4.5% ชะลอลงจากปี 47 นางสุชาดา
กิระกุล ผอส.ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ สายนโยบายการเงิน ธปท. แถลงภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 48 ว่า
ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 4.5% ชะลอลงจากปี 47 ที่ขยายตัว 6.2% ซึ่งเป็นการชะลอลงทั้งด้านอุป
ทานและอุปสงค์ โดยได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดภาวะภัยแล้งตลอดปี ทำให้มีผลกระทบต่อภาคเกษตรและ
อุตสาหกรรมและการส่งออกที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลกระทบจากธรณีพิบัติสึนามิ ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นมาก และการเพิ่มขึ้น
ของอัตราดอกเบี้ย ประกอบกับอัตราเงินเฟ้อก็เร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ทั้งนี้ ในปี 48 ดุลการค้าขาดดุล 8,578
ล.ดอลลาร์ สรอ. เทียบกับปี 47 ที่เกินดุล 1,460 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกขยายตัว 15% คิดเป็น
มูลค่า 109,211 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนการนำเข้าขยายตัว 26% คิดเป็นมูลค่า 117,788 ล.ดอลลาร์ สรอ.
โดยสินค้านำเข้าสำคัญคือ น้ำมัน ทองคำ และเหล็ก (ข่าวสด, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โพสต์ทูเดย์)
2. ธปท.รายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบข้อมูลการเคลื่อนย้ายเงินของบริษัทชินฯ และแอ
มเพิล ริช ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดเผยในการชี้แจงข้อมูลกรณีตระกูลชินวัตร-ดามาพงศ์ ขายหุ้น
บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น ให้กับกลุ่มเทมาเซกจากสิงคโปร์ ต่อกรรมาธิการการเงิน การคลัง สภาผู้แทนราษฎร ว่า
ธปท.ได้ตรวจสอบย้อนหลังไปถึงปี 2542 ไม่พบว่ามีการเคลื่อนย้ายเงินก้อนใหญ่ของบริษัทชินฯ และบริษัทแอมเพิล ริ
ช และไม่มีหลักฐานการชำระเงินในการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทชินฯ และแอมเพิล ริช แต่อย่างใด ทั้งนี้ การนำ
เงินไปลงทุนในต่างประเทศ หากเกินกว่า 10 ล.ดอลลาร์ สรอ. ต้องขออนุญาตจาก ธปท.ก่อน แต่กรณีการจัดตั้ง
แอมเพิล ริช คงใช้เงินไม่เกิน 10 ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่วนกรณีการเปิดเผยผู้ถือหุ้นหรือการโอนหุ้นของบริษัทแอ
มเพิล ริช นั้น ขณะนี้ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ได้ใช้อำนาจ
ขอให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจ้งและส่งข้อมูลทั้งหมดแล้ว (กรุงเทพธุรกิจ, โพสต์ทูเดย์)
3. ธปท.เปิดเผยความคืบหน้าการดำเนินการตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบตามมาสเตอร์
แพลน นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการปรับ
สถานะเพื่อดำเนินการตามนโยบายสถาบันการเงิน 1 รูปแบบ (One Presence) ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการ
เงิน (มาสเตอร์แพลน) ว่า ขณะนี้ติดปัญหาเรื่องภาษีการควบรวมกิจการของสถาบันการเงิน ซึ่งตามกฎของ One
Presence นั้น การควบรวมกิจการบริษัทลูกเข้ากับบริษัทแม่จะได้รับการยกเว้นภาษี หรือในบางกรณีอาจจะเสียภาษี
ในอัตราที่น้อยลง โดยหาก ก.คลังประกาศใช้มาตรการภาษีดังกล่าว ก็จะทำให้การควบรวมกิจการดำเนินการได้
เร็วขึ้น ทั้งนี้ คาดว่า ก.คลังจะประกาศบังคับใช้มาตรการภาษีดังกล่าวภายในไตรมาสแรกปีนี้ (โลกวันนี้)
4. คณะกรรมการระบบการชำระเงินเห็นชอบปรับโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมการชำระเงินของ
ธพ. นายธวัชชัย ยงกิตติกุล เลขาธิการสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า คณะกรรมการระบบการชำระเงินซึ่งมีผู้
ว่าการ ธปท.เป็นประธาน ได้พิจารณาและให้ความเห็นชอบปรับโครงสร้างอัตราค่าธรรมเนียมการชำระเงินของ
ธพ.ใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มี.ค.นี้เป็นต้นไป ส่งผลให้ค่าธรรมเนียมเช็คเพิ่มขึ้นจากเดิม 5 บาทต่อฉบับเป็นเรียก
เก็บสูงสุดได้ไม่เกิน 15 บาทต่อฉบับ เช็คเรียกเก็บต่างจังหวัดจากเดิม 0.20% ของยอดเงินตามเช็ค ลดลงเหลือ
0.10% ของยอดเงินตามเช็ค หรือ สำหรับการโอนเงินข้ามธนาคารผ่านเครื่องเอทีเอ็ม จากเดิมโอนเงินไม่เกิน
30,000 บาทเก็บ 35 บาทต่อรายการ ปรับเป็นโอนเงินไม่เกิน 10,000 บาทเก็บ 25 บาทต่อรายการ และ
มากกว่า 10,000 บาทแต่ไม่เกิน 30,000 บาทเก็บ 35 บาทต่อรายการ ส่วนการฝากเงินข้ามธนาคารจะมีผลใช้
ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เป็นต้นไป และการถอนเงินข้ามธนาคารจะมีผลบังคับใช้สิ้นปี ทั้งนี้ ปัจจุบันต้นทุนเช็คต่อฉบับอยู่
ที่ 40 บาท การที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 15 บาท ทำให้ยังมีส่วนหนึ่งที่ธนาคารต้องรับภาระ ซึ่งหากในอนาคตการใช้เช็คลด
ลงก็จะช่วยทำให้ต้นทุนธนาคารลดลง อนึ่ง จะมีการทบทวนค่าธรรมเนียมให้เหมาะสมกับเศรษฐกิจทุก 2 ปี (โลกวันนี้, ไทยโพสต์)
5. ก.คลังหารือร่วมกับ ธปท.เพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์การถือหุ้นใน ธพ.ไทยของนักลงทุนต่างชาติ
ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ก.คลังอยู่ระหว่างหารือร่วมกับธนาคารแห่งประเทศ
ไทย (ธปท.) เพื่อกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับการเปิดโอกาสให้ต่างชาติถือหุ้นใน ธพ.ไทยเพิ่มขึ้น จากเดิมกำหนด
ให้ถือหุ้นไม่เกิน 25% โดยระบุว่า จะดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อให้ ธพ.ปรับตัว ซึ่งตามแผนแม่บทการเงิน
ฉบับใหม่กำหนดให้ต่างชาติสามารถถือหุ้นใน ธพ.ไทยไม่เกิน 49% ทั้งนี้ การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของนักลงทุนต่าง
ชาติใน ธพ.ไทยนั้น จะเป็นผลดีในเรื่องการนำเทคโนโลยีจากต่างชาติเข้ามาพัฒนาสถาบันการเงินในประเทศ ทำ
ให้ไม่เกิดการผูกขาด และทำให้ประชาชนมีทางเลือกเพิ่มขึ้น (กรุงเทพธุรกิจ)
6. ธปท.ระบุคดีฟ้องร้องและติดตามตัวนายราเกซ สักเสนา ยังไม่หมดอายุความ นายวีร
ชาติ ศรีบุญมา ผอ.สำนักดำเนินคดี ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คดีฟ้องร้องและติดตามตัวนาย
ราเกซ สักเสนา อดีตที่ปรึกษานายเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธ.กรุงเทพฯ พาณิชย์การ
จำกัด (มหาชน) หรือบีบีซี กลับมาดำเนินคดีฐานร่วมกับพวกยักยอกทรัพย์ของบีบีซี ยังไม่หมดอายุความ และสามารถ
ทำเรื่องส่งผู้ร้ายข้ามแดนได้ นอกจากนี้ ได้มีการเลื่อนการพิจารณาคดีจากเดือน ม.ค.เป็น เม.ย.ปีนี้ (ไทยโพสต์)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ สรอ.ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ
106.3 รายงานจากชิคาโก เมื่อ 31 ม.ค.49 the Conference Board เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค
ของ สรอ.ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 106.3 จากระดับ 103.8 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งสูงกว่าที่วอลล์สตรี
ทคาดการณ์ไว้ แม้ว่าภาวะเงินเฟ้อที่ประชาชนต้องแบกรับและราคาน้ำมันจะสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้รัฐบาล
สรอ.เปิดเผยว่า ต้นทุนการจ้างงานในไตรมาส 4 ปี 48 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.8 เนื่องจากค่าจ้างเพิ่มสูงขึ้นขณะ
ที่การเพิ่มขึ้นในผลประโยชน์ด้านสวัสดิการชะลอลง อย่างไรก็ตาม ก.แรงงานกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อยังคงอยู่ใน
ระดับสูงกว่าอัตราเงินเดือนที่เพิ่มขึ้น อนึ่ง ในปี 48 อัตราค่าจ้างหลังปรับด้วยตัวเลขเงินเฟ้อแล้วลดลงร้อยละ
0.8 นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 5 นั่นหมายความว่า เงินเดือนที่ผู้ทำงานได้รับในปีนี้สามารถซื้อสินค้า
และบริการได้น้อยกว่าปีก่อนหน้า ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการที่ราคาน้ำมันที่พุ่งทะยานสูงขึ้นต่อเนื่อง นอกจากนี้ the
Conference Board ยังรายงานเพิ่มเติมว่า conditions index เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 128.4 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด
ตั้งแต่เดือน ส.ค.44 ขณะที่ดัชนีความคาดหวัง ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดการใช้จ่ายลดลงอยู่ที่ระดับ 91.5 จากระดับ
92.6 (รอยเตอร์)
2. จำนวนคนว่างงานของเยอรมนีเพิ่มขึ้นในขณะที่ยอดค้าปลีกลดลง รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 31
ม.ค.49 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานจำนวนคนว่างงานของเยอรมนีในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้น 408,000
คนมีจำนวน 5.012 ล้านคน สูงสุดนับตั้งแต่เดือน เม.ย.48 โดยจำนวนคนว่างงานหลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว
เพิ่มขึ้น 69,000 คนมีจำนวน 4.699 ล้านคน ในขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจำนวนคนว่างงานจะลดลง
20,000 คน เช่นเดียวกับยอดค้าปลีกในเดือน ธ.ค.48 ที่ลดลงร้อยละ 1.4 จากเดือนก่อนและร้อยละ 1.6 เมื่อ
เทียบกับปีก่อน นักเศรษฐศาสตร์จึงคาดว่าเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายปี 48 จะขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้ โดยในช่วง
ที่ผ่านมาการส่งออกเป็นตัวหลักในผลักดันให้เศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัว ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคยังอยู่ใน
ภาวะซบเซาอันเป็นผลจากการว่างงานที่อยู่ในระดับสูงกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค อย่างไรก็ดี ยังมีความ
หวังว่าการลงทุนในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้นจะช่วยให้การใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเศรษฐกิจเยอรมนีขยายตัวเพียง
ร้อยละ 0.9 ในปี 47 (รอยเตอร์)
3. ตลาดซื้อขายบ้านของอังกฤษฟื้นตัวทำให้คาดการณ์ว่าอาจจะไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
รายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 31 ม.ค.49 ตลาดซื้อขายบ้านของอังกฤษมีแนวโน้มปรับตัวดี
ขึ้น อาจทำให้ ธ.กลางอังกฤษไม่ต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในปีนี้ ในขณะที่
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่า Stephen Nickell กรรมการของคณะกรรมาธิการนโยบายการเงิน (Monetary
Policy Committee) ธ.กลางอังกฤษ จะพยายามผลักดันให้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในการประชุมสัปดาห์
หน้า เนื่องจากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้นอาจแสดงให้เห็นถึงการฟื้นตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคหลังจากปรับลดลงอย่าง
รุนแรงในปี 48 ทั้งนี้ Nationwide Building Society เปิดเผยว่า ราคาบ้านในเดือนนี้ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อย
ละ 1.4 เป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน ทำให้อัตราดอกเบี้ยต่อปีเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับร้อยละ 4.4 มากเป็น
2 เท่า ของจุดต่ำในเดือน ก.ย. ด้าน ธ.กลางอังกฤษรายงานว่า การทำสัญญาจำนองในเดือนก่อนมีจำนวนรวม
มากที่สุดนับตั้งแต่กลางปี 47 ขณะที่การอนุมัติสินเชื่อเพื่อการซื้อบ้านก็เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 18 เดือน เช่นกัน แสดง
ให้เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวของกิจกรรมต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายบ้านในช่วงหลายเดือนข้างหน้า อย่างไรก็
ตาม Stephen Nickell กล่าวว่าปัจจุบันระบบเศรษฐกิจยังคงมีความเสี่ยงอยู่บ้างจากแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ (รอยเตอร์)
4. การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี ต่ำกว่าที่คาด
การณ์ไว้ รายงานจากเกาหลีใต้ เมื่อ 1 ก.พ.49 ก.พาณิชย์เกาหลีใต้ เปิดเผยว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ใน
เดือน ม.ค.49 เพิ่มขึ้นจำนวน 23.42 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. หรือคิดเป็นร้อยละ 4.3 เทียบต่อปี ขณะที่นำเข้า
เพิ่มขึ้นจำนวน 22.83 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ.หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 17.6 ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้าจำนวน
590 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ผลสำรวจรอยเตอร์คาดการณ์ว่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน ม.
ค.49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 และนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.5 หลังจากที่เดือน ธ.ค.48 การส่งออกและนำเข้า
เพิ่มขึ้นร้อยละ 11.2 และ 15.6 ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าว (ซึ่งยังไม่ได้ปรับปัจจัยทางฤดูกาล)
จะถูกเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากในแต่ละเดือนเกาหลีใต้ซึ่งเป็นประเทศที่มีความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ ของ
ระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนจะรายงานตัวเลขดังกล่าวเป็นประเทศแรก (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 1 ก.พ. 49 31 ม.ค. 49 31 ม.ค. 48 แหล่ข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 39.078 38.557 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.9113/39.2013 38.3598/38.6471 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.29375 2..1875 - 2.2000 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 762.63/ 12.66 701.91/15.60 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,350/10,450 10,350/10,450 7,750/7,850 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 60.84 60.96 38.15 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 25 ม.ค. 49 27.24*/24.69* 27.24*/24.69* 19.69/14.59 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--