นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงปักกิ่ง ว่า กระทรวงพาณิชย์ของจีน เตรียมจะออกระเบียบการตรวจสอบและบทลงโทษสำหรับสินค้าส่งออกราคาต่ำในเดือนสิงหาคมศกนี้ ภายหลังจากที่เลื่อนการประกาศมาจากเดือนกรกฎาคมโดยให้เหตุผลว่า ระเบียบเรื่องการตรวจสอบและบทลงโทษว่าด้วยการส่งออกสินค้าราคาต่ำถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับจีน จึงต้องระมัดระวังในการออกระเบียบ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการสอบถามความเห็นของบริษัทต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบแก้ไขและส่งให้สำนักนายกรัฐมนตรีพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง โดยระเบียบใหม่ดังกล่าวมีประเด็นโต้เถียงใน 3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นแรก คือ การกำหนดมาตรฐานการส่งออกสินค้าราคาต่ำซึ่งอาจกำหนดได้ยาก ประเด็นที่สอง คือ มาตรฐานการลงโทษซึ่งกำหนดว่า หากบริษัทมีพฤติกรรมส่งออกสินค้าราคาต่ำ ทั้งบริษัทและตัวแทนกฎหมายของบริษัทจะถูกปรับเป็นเงินไม่เกิน 30,000 หยวน นอกจากนี้ สินค้าที่ถูกตรวจสอบจะไม่อนุญาตให้ส่งออกเป็นเวลา 12 เดือน ประเด็นสุดท้าย คือ กระบวนการตรวจสอบที่ค่อนข้างยากที่จะทำให้ถูกต้องยุติธรรม เพราะจะต้องใช้กำลังคนและเงินค่อนข้างมาก
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2548 ไทยนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่า 448,990 ล้านบาท ในขณะที่สินค้าไทยส่งออกไปจีนคิดเป็นมูลค่า 367,405 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าให้กับประเทศจีนกว่า 80,000 ล้านบาท จากสินค้าประเภท เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ซึ่งมีราคาถูกเมื่อเทียบกับสินค้าในมาตรฐานเดียวกัน การออกระเบียบลงโทษสำหรับสินค้าส่งออกราคาต่ำของจีนเป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นถึงการปรับยุทธศาสตร์การส่งออกของจีนให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นการผลักดันให้ผู้ส่งออกของจีนกำหนดราคาสินค้าส่งออกสูงขึ้นแล้วยังเป็นการผลักดันให้มีการผลิตสินค้าส่งออกให้มีมาตรฐานสูงขึ้นตามมาด้วย ซึ่งหากมองในแง่ผลกระทบต่อไทยในด้านบวก เมื่อมาตรฐานและราคาของสินค้าจีนสูงขึ้น ภาวะการแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นๆต้องรุนแรงขึ้น ปริมาณการนำเข้าสินค้าของไทยจากจีนอาจจะลดลง สินค้าไทยจะสามารถแข่งขันได้มากขึ้นโดยเฉพาะในด้านราคาและคุณภาพ อย่างไรก็ดี ไทยควรจะรักษามาตรฐานสินค้าส่งออกไว้ และเพิ่มการพัฒนาเรื่องการบรรจุหีบห่อ (Packaging) เพื่อใช้เป็นศักยภาพในการแข่งขันกับสินค้าจีน อันจะเป็นการเพิ่มส่วนแบ่งทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ได้
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-
อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2548 ไทยนำเข้าสินค้าจากจีนคิดเป็นมูลค่า 448,990 ล้านบาท ในขณะที่สินค้าไทยส่งออกไปจีนคิดเป็นมูลค่า 367,405 ล้านบาท ส่งผลให้ไทยขาดดุลการค้าให้กับประเทศจีนกว่า 80,000 ล้านบาท จากสินค้าประเภท เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ เคมีภัณฑ์ และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ ซึ่งมีราคาถูกเมื่อเทียบกับสินค้าในมาตรฐานเดียวกัน การออกระเบียบลงโทษสำหรับสินค้าส่งออกราคาต่ำของจีนเป็นสัญญาณสะท้อนให้เห็นถึงการปรับยุทธศาสตร์การส่งออกของจีนให้มีมาตรฐานยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจะเป็นการผลักดันให้ผู้ส่งออกของจีนกำหนดราคาสินค้าส่งออกสูงขึ้นแล้วยังเป็นการผลักดันให้มีการผลิตสินค้าส่งออกให้มีมาตรฐานสูงขึ้นตามมาด้วย ซึ่งหากมองในแง่ผลกระทบต่อไทยในด้านบวก เมื่อมาตรฐานและราคาของสินค้าจีนสูงขึ้น ภาวะการแข่งขันกับสินค้าจากประเทศอื่นๆต้องรุนแรงขึ้น ปริมาณการนำเข้าสินค้าของไทยจากจีนอาจจะลดลง สินค้าไทยจะสามารถแข่งขันได้มากขึ้นโดยเฉพาะในด้านราคาและคุณภาพ อย่างไรก็ดี ไทยควรจะรักษามาตรฐานสินค้าส่งออกไว้ และเพิ่มการพัฒนาเรื่องการบรรจุหีบห่อ (Packaging) เพื่อใช้เป็นศักยภาพในการแข่งขันกับสินค้าจีน อันจะเป็นการเพิ่มส่วนแบ่งทั้งในตลาดเดิมและตลาดใหม่ได้
--กรมการค้าต่างประเทศ--
-สส-