วันนี้ (12 ก.ย.49) เวลา 13.30 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ กล่าวถึงความพร้อมของพรรคประชาธิปัตย์ในการเลือกตั้งโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า พรรคประชาธิปัตย์เชื่อมั่นว่าการเลือกตั้งกำลังจะเกิดขึ้นและพรรคประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะเข้าสู่สนามการเลือกตั้งไม่ว่า กกต.จะกำหนดวันเลือกตั้งวันใดก็ตามจะเลื่อนออกไปเร็วหรือช้าอย่างไร พรรคไม่ได้มีปัญหาใดๆทั้งสิ้น พรรคพร้อมที่จะน้อมรับวันเลือกตั้งที่ผ่านความเห็นชอบจาก กกต.ชุดใหม่ทั้ง 5 คน ผ่านไปยังรัฐบาลซึ่งที่จะได้ออกเป็นกฤษฎีกาต่อไป
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าขอให้เป็นดุลพินิจของ กกต.ทั้ง 5 คนที่จะพิจารณาหาคนที่เหมาะสมมาทำงานร่วมกับ กกต.จะเป็นบุคคลใดนั้น ตนเชื่อว่า กกต.มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์และมีความตั้งใจที่จะมาทำงานแก้ไขวิกฤตทางการเมืองของประเทศย่อมสามารถใช้วิจารณญาณพิจารณาได้ว่าบุคคลใดที่จะมีความเหมาสะมมาททำหน้าที่เป็นเลขาธิการ กกต.เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม พรรคไม่เกี่ยงว่าเป็นใครก็ได้
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณอยุธยา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยิบยกกฎหมายอาญาทหาร พ.ศ.2476 มาตรา 41 ที่เกี่ยวข้องกับวินัยทหารมาข่มขู่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่มีนายทหารระดับสูงออกมาเคลื่อนไหวแสดงความรู้สึกรับผิดชอบในการแต่งตั้งนายทหารครั้งนี้ว่ามีความไม่ถูกต้อง เนื่องจากมีการเมืองแทรกแซง ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งในแวดวงทหารของไทย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า เพราะปกติทหารพร้อมที่จะน้อมรับคำสั่งต่างๆอยู่แล้ว แต่มาถึงครั้งนี้มีทหารระดับนายพลไม่ยอมรับคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมและควรจะเป็นปรากฎการณ์ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตั้งแต่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการนายกรัฐมนตรีควรจะรับฟังความคิดเห็นต่างๆเหล่านี้ และการที่ พล.อ.ธรรมรักศ์ หยิบยกกฎหมายอาญามาข่มขู่เพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามย่อมไม่อผลดีต่อการสร้างความเป็นปึกแผ่นในหมู่ทหาร
“ผมคิดว่า การพูดจากันด้วยเหตุด้วยผล การทำให้เกิดการยอมรับ โดยการสร้างความถูกต้องชอบธรรมให้เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดผลดีต่อสถาบันทหารมากกว่า วันหนึ่งเมื่อคนระดับนายพลกล้าพูดถึงความไม่ถูกต้องชอบธรรมแสดงว่าบุคคลเหล่านั้นอึดอัดคับข้องใจและการที่นายพลกล้าจะออกมาคำขู่ใดก็ไม่สามารถมาหยุดยั้งคนเหล่านี้ได้ แต่วันนี้ทุกสถาบันจะต้องแสดงออกถึงความสมานฉันท์ ความสามัคคีในการร่วมแรงร่วมใจกันประสานงานทำง่านให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า คนคิดว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะต้องหยิบเรื่องนี้มำพิจารณาอย่างจริงจังควรจะใช้การอยู่ร่วมกันด้วยความชอบธรรมมากกว่าการอยู่ร่วมกันด้วยการชอบด้วยกฎหมายบางมาตรา การชอบด้วยกฎหมายบางมาตราอาจจะข่มขู่คนบางคนได้ อาจจะปรามคนบางคนได้ แต่ตนคิดว่าไม่สามารถที่จะเอาชนะความไม่ถูกต้องชอบธรรมได้อย่างเด็ดขาด
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังไม่เดินทางกลับประเทศไทยโดยยกข้ออ้างว่า ป่วยไม่ได้ลี้ภัยทางการเมืองว่า ตนคิดว่าคำอีกคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่มีใครในประเทศนี้มีความคิดมาก่อนว่า รักษาการนายกฯจะต้องลี้ภัยทางการเมือง ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน เช่นกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์เรื่องการปฏิวัติขึ้นมา เพราะฉะนั้นคำว่าปฏิวัติก็ดี คำว่าลี้ภัยการเมืองก็ดีล้วนเป็นคำพูดที่มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า คำพูดในลักษณะนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณย่อมไม่ก่อผลดีให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อออกจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ คำพูดอย่างนี้ถ้าออกมาจากประชาชนคนหนึ่งธรรมดาทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักการเมืองอื่นๆ ก็คงไม่มัน้ำหนักอะไร แต่คำพูดลักษณะนี้ของรักษาการนายกฯย่อมส่งผลกระทบ ส่งผลกระเทือนถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย เพราะคำพูดเหล่านี้ส่งเจตนาให้เห็นถึงความผิดปกติทางการเมืองในประเทศนั้นๆ
“ผมคิดว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นบ้านเมืองกำลังเดินเข้าไปสู่บรรยากาศที่ดีกว่าที่ผ่านมาอย่างมากคือ ประเทศกำลังเดินเข้าไปสู่บรรยากาศของการมีคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ที่มาตามกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมและกำลังจะมี กกต.มาจัดการการเลือกตั้ง บรรยากาศที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรที่จะเอ่ยคำใดๆที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจก็ดี ก่อให้เกิดผลประทบความเชื่อมั่นของประเทศไทยก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำพูดใดๆก็ตามว่า จะเจตนาหรือไม่เจตนา พูดเล่นหรือพูดจริงเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองควรจะหลีกเลี่ยงคำพูดในลักษณะนี้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย. 2549--จบ--
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการ กกต.ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากนั้น โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่าขอให้เป็นดุลพินิจของ กกต.ทั้ง 5 คนที่จะพิจารณาหาคนที่เหมาะสมมาทำงานร่วมกับ กกต.จะเป็นบุคคลใดนั้น ตนเชื่อว่า กกต.มีความรู้ความสามารถ มีประสบการณ์และมีความตั้งใจที่จะมาทำงานแก้ไขวิกฤตทางการเมืองของประเทศย่อมสามารถใช้วิจารณญาณพิจารณาได้ว่าบุคคลใดที่จะมีความเหมาสะมมาททำหน้าที่เป็นเลขาธิการ กกต.เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตและเที่ยงธรรม พรรคไม่เกี่ยงว่าเป็นใครก็ได้
ต่อข้อถามถึงกรณีที่ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณอยุธยา รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม หยิบยกกฎหมายอาญาทหาร พ.ศ.2476 มาตรา 41 ที่เกี่ยวข้องกับวินัยทหารมาข่มขู่ พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน รองปลัดกระทรวงกลาโหม โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่มีนายทหารระดับสูงออกมาเคลื่อนไหวแสดงความรู้สึกรับผิดชอบในการแต่งตั้งนายทหารครั้งนี้ว่ามีความไม่ถูกต้อง เนื่องจากมีการเมืองแทรกแซง ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยครั้งในแวดวงทหารของไทย
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า เพราะปกติทหารพร้อมที่จะน้อมรับคำสั่งต่างๆอยู่แล้ว แต่มาถึงครั้งนี้มีทหารระดับนายพลไม่ยอมรับคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมและควรจะเป็นปรากฎการณ์ที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงตั้งแต่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการนายกรัฐมนตรีควรจะรับฟังความคิดเห็นต่างๆเหล่านี้ และการที่ พล.อ.ธรรมรักศ์ หยิบยกกฎหมายอาญามาข่มขู่เพื่อจุดประสงค์ใดก็ตามย่อมไม่อผลดีต่อการสร้างความเป็นปึกแผ่นในหมู่ทหาร
“ผมคิดว่า การพูดจากันด้วยเหตุด้วยผล การทำให้เกิดการยอมรับ โดยการสร้างความถูกต้องชอบธรรมให้เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดผลดีต่อสถาบันทหารมากกว่า วันหนึ่งเมื่อคนระดับนายพลกล้าพูดถึงความไม่ถูกต้องชอบธรรมแสดงว่าบุคคลเหล่านั้นอึดอัดคับข้องใจและการที่นายพลกล้าจะออกมาคำขู่ใดก็ไม่สามารถมาหยุดยั้งคนเหล่านี้ได้ แต่วันนี้ทุกสถาบันจะต้องแสดงออกถึงความสมานฉันท์ ความสามัคคีในการร่วมแรงร่วมใจกันประสานงานทำง่านให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวต่อไปว่า คนคิดว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะต้องหยิบเรื่องนี้มำพิจารณาอย่างจริงจังควรจะใช้การอยู่ร่วมกันด้วยความชอบธรรมมากกว่าการอยู่ร่วมกันด้วยการชอบด้วยกฎหมายบางมาตรา การชอบด้วยกฎหมายบางมาตราอาจจะข่มขู่คนบางคนได้ อาจจะปรามคนบางคนได้ แต่ตนคิดว่าไม่สามารถที่จะเอาชนะความไม่ถูกต้องชอบธรรมได้อย่างเด็ดขาด
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังไม่เดินทางกลับประเทศไทยโดยยกข้ออ้างว่า ป่วยไม่ได้ลี้ภัยทางการเมืองว่า ตนคิดว่าคำอีกคำพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยไม่มีใครในประเทศนี้มีความคิดมาก่อนว่า รักษาการนายกฯจะต้องลี้ภัยทางการเมือง ตนเชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องมีจุดประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งแน่นอน เช่นกับกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้สัมภาษณ์เรื่องการปฏิวัติขึ้นมา เพราะฉะนั้นคำว่าปฏิวัติก็ดี คำว่าลี้ภัยการเมืองก็ดีล้วนเป็นคำพูดที่มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งสิ้น
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อไปว่า คำพูดในลักษณะนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณย่อมไม่ก่อผลดีให้กับประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อออกจากปากของ พ.ต.ท.ทักษิณ คำพูดอย่างนี้ถ้าออกมาจากประชาชนคนหนึ่งธรรมดาทั่วๆไป ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการ นักการเมืองอื่นๆ ก็คงไม่มัน้ำหนักอะไร แต่คำพูดลักษณะนี้ของรักษาการนายกฯย่อมส่งผลกระทบ ส่งผลกระเทือนถึงความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย เพราะคำพูดเหล่านี้ส่งเจตนาให้เห็นถึงความผิดปกติทางการเมืองในประเทศนั้นๆ
“ผมคิดว่าสถานการณ์ในปัจจุบันนั้นบ้านเมืองกำลังเดินเข้าไปสู่บรรยากาศที่ดีกว่าที่ผ่านมาอย่างมากคือ ประเทศกำลังเดินเข้าไปสู่บรรยากาศของการมีคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.)ที่มาตามกระบวนการที่ถูกต้องเหมาะสมและกำลังจะมี กกต.มาจัดการการเลือกตั้ง บรรยากาศที่จะเข้าสู่การเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณไม่ควรที่จะเอ่ยคำใดๆที่ก่อให้เกิดความไม่มั่นใจก็ดี ก่อให้เกิดผลประทบความเชื่อมั่นของประเทศไทยก็ดี พ.ต.ท.ทักษิณ ควรจะหลีกเลี่ยงที่จะใช้คำพูดใดๆก็ตามว่า จะเจตนาหรือไม่เจตนา พูดเล่นหรือพูดจริงเพื่อจุดประสงค์ทางการเมืองควรจะหลีกเลี่ยงคำพูดในลักษณะนี้” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย. 2549--จบ--