วันนี้ (10 ส.ค.49) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะประธานคณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ แถลงความข่าวคืบหน้าเกี่ยวกับไม่ชอบมาพากลในการจัดซื้อไม้ยูคาลิปตัสใน จ.มุกดาหาร ว่าหลังจากที่การสอบสวนการเรียกรับสินบนใบอนุญาติและสัมปทานการตัดไม้ของ ออป.(องค์กรอุตสาหกรรมป่าไม้) โดยได้หลักฐานและพยานมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า ได้มีการกระทำผิดตามกฎหมายอาญา ดังนั้นในวันที่ 15 สิงหาคมนี้ เวลา 9.30 น.จะได้นำหลักฐานไปยืนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเพื่อสืบสวนสอบสวนหาผู้กระทำผิดต่อไป
นายอลงกรณ์ เปิดเผยต่อไปว่า โดยเฉพาะการกระทำผิดในกระบวนกฎหมายอาญามาตรา 143 ว่าด้วยการเรียกรับสินบนในการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาติตัดไม้หรือว่า สัมปทานการตัดไม้ของหน่วยงานรัฐและได้มีการดำเนินการมีมูลจนเชื่อได้ว่ามีการกระทำดังกล่าว ดังนั้นจึงขอทางดีเอสไอได้เปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการตรงไปตรงมา โปร่งใส และเป็นอิสระพร้อมกันนั้นก็ขอให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสอบสวน เพราะว่านายยงยุทธก็อยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยคนหนึ่ง
“ผมยืนยันว่าการสอบสวนกรณีดังกล่าวนั้นยังไม่ได้มีการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานของรัฐหรือรัฐมนตรีได้รับสินบนไปแล้ว แต่เมื่อปรากฎชื่ออยู่ในหลักฐานที่ได้รับการยืนยันข้อมูลมีการรับรองสำเนาผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนทั้งรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงของ ออป. 2 ท่านว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ประการต่อไปก็คือว่า คนยืนยันว่าเอกสารทั่งหมดที่มีการร้องเรียนผ่านตู้ ปณ.222 ได้รับการยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง มีการลงนามรับรองจากบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อหน้าสื่อมวลชนและต่อหน้าครอบครัวของบุคคลที่รับรองสำเนานี้จึงไม่ใช่เอกสารปลอมแปลง ไม่ใช่เอกสารเท็จ ไม่ใช่เอกสารปลอม ตามที่มีการพยายามเบี่ยงเบนประเด็นโดยผู้ที่เกี่ยวข้อง และยืนยันตามขั้นตอนการสอบสวนกรณีการร้องเรียนในปัญหาคอรัปชั่นอย่างถูกต้อง
ส่วนกรณีที่เสี่ยณรงค์ได้ไปให้การที่กองปราบเมื่อคืนนี้ยอมรับว่ามีการจ่ายเงินไป 3.5 ล้านบาทให้กับนายเสน่ห์นั้น นายอลงกรณ์ ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง สิ่งที่พนักงานสอบสวนจะต้องเร่งดำเนินการคือ ต้องสอบสวนทุกคนที่ปรากฎชื่อและเกี่ยวข้องทั้งหมด 6 คนในเอกสารนี้บุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และนายยงยุทธ หากถ้ามีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปเกี่ยวข้องต้องดำนเนินการตาม พ.ร.บ.ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ต่อไป ดีเอสไอต้องอำนวยความยุติธรรมในการสอบสวนเรื่องนี้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับป่าไม้
“ดังนั้น ป.ป.ง.จะต้องเข้าไปดำเนินการติดตามเส้นทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเช็คที่มีการสั่งจ่ายผ่านธนาคาร 2 แห่งและก็บัญชีการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตลอดจนรัฐมนตรีและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ผมจะให้เบาะแสเพิ่มเติมให้ว่า เมื่อปี 2548 มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ออป. เดินทางไปที่ส่วนป่าคำป่าหลาย ดีเอสไอจะใช้ประโยชน์จากการเรียกเอกสารการเบิกงบเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงดังกล่าวได้ และเรียกชาวบ้านที่เข้าประชุมด้วยมาสอบปากคำก็จะได้เบาะแสโยงใยทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ เปิดเผยต่อไปอีกว่า คณะทำงานฯจะตรวจสอบต่อไปในประเด็นการลักลอบตัดไม้ในส่วนป่ามุกดาหารต่อไป หลังจากการที่ได้รับการแจ้งเบาะแสนั้นปรากฎว่า ในพื้นที่ส่วนป่ามุกดาหารได้มีการประมูลขายไม้เมื่อปี 2507 เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า สัญญาสิ้นสุด ณ เดือนกรกฎาคม 2549 แต่คำให้การของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคนปัจจุบันได้พบเห็นการขนไม้ออกผ่านถนนสายคำป่าหลาย และมีการตัดไม้เชื่อว่าน่าจะอยู่ในแปลงที่อยู่ในระหว่างการขออนุมัติเปิดประมูลออกใบอนุญาติตัดไม้ ถ้าหากว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งคือการลักลอบตัดไม้โดยอาศัยสัมปทานไปสวมต่อและก็ขนไม้ออกจากพื้นที่ป่าดังกล่าว
“ขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบสภาพป่า พื้นที่การตัดไม้ ซึ่งน่าแปลกใจว่าในคำชี้แจงของ ออป.และการที่นายยงยุทธบอกว่า สัมปทานดังกล่าวตั้งแต่ปี 2547 แต่ทำไมสภาพตัดไม้เป็นการตัดไม้ยูคาซึ่งการตัดยังสด ๆ อยู่ แล้วก็มีการขนไม้ออกจากพื้นที่ตั้งแต่เดือนเมษายน และมายุติตอนที่ผมมายุติการแถลงข่าวเรื่องนี้ ดังนั้น ประเด็นนี้เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยกันในการดูแลส่วนป่าของทางราชการ จะเดินหน้าดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ ฝากความเป็นห่วงใยถึงนายยงยุทธว่า การที่นายยงยุทธกล้าค้ำประกันว่าไม่มีการตัดไม้หลวง ลักลอบตัดไปหลวงไปขาย ขอให้ออกมายืนยันและไปลงพื้นที่พร้อมกับตนในสัปดาห์หน้า อย่าฟังรายเงานเฉพาะที่อยู่ในห้องแอร์ อย่าปกป้องเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องนี้ เปิดใจกว้าง เปิดหูเปิดตาให้กว้าง เพราะเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานจะต้องทำงานละเอียดรอบคอบและรู้จริง ลงพื้นที่ถึง ไม่ใช่นั่งฟังแต่รายงาน
“ผมคิดว่าสวนป่าป่ายูคาลิปตัสเป็นส่วนป่าของหลวง ใครก็ตามที่ไปตัดทำลาย และลักลอบขายนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด ดังนั้น ขอให้ทางรัฐมนตรีได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้าต่อไป และผมคิดว่า รัฐมนตรีในฐานะผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งไม่ควรที่จะมีชี้นำการสอบสวน และไม่ควรรีบตัดตอนการสอบสวน อย่างน้อยเมื่อปรากฎชัดว่ามีการจ่ายเงินจริง ส่วนเงินนั้นจะมีการไปจ่ายให้รัฐมนตรีหรือผู้บริหาร ออป.หรือไม่เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการต่อไป กรุณาอย่าเบี่ยงเบนประเด็น” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ ฝากทิ้งท้ายถึงนายยงยุทธอีกว่า ตนเห็นใจว่าเมื่อมีเชื่อพาดพิง ตนไม่ได้พาดพิง แต่ว่าเอกสารได้ระบุถึงนายยงยุทธ ดังนั้น นายยงยุทธต้องไปพิสูจน์กันในชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงได้ขอให้พนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไปสอบปากคำ และ ปปง.ไปตรวจสอบเส้นทางการเมือง แต่ไม่ใช่รัฐมนตรีไปสอบสวนเอง ไม่มีที่ไหนในโลกในกระบวนการสอบสวน
“ผมคิดว่า นายยงยุทธคงหลงประเด็นจึงลดความน่าเชื่อถือด้วยการเบี่ยงประเด็น ทำไมไม่พูดล่ะว่า เอกสารทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และก็การรับสารภาพของบุคคลในเอกสารต่อหน้าสื่อมวลชนซึ่งท่านยังไม่ได้พบตัวด้วยซ้ำไป และด่วนสรุปว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋น จะเป็นแก๊งต้มตุ๋นหรือไม่เราไม่รู้ จะจ่ายให้รัฐมนตรี ผู้บริการระดับสูง ออป.หรือไม่เราไม่รู้ แต่รู้ว่ามีการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ใบอนุญาติเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะต้องสอบสวน” นายอลงกรณ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ส.ค. 2549--จบ--
นายอลงกรณ์ เปิดเผยต่อไปว่า โดยเฉพาะการกระทำผิดในกระบวนกฎหมายอาญามาตรา 143 ว่าด้วยการเรียกรับสินบนในการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้มาซึ่งใบอนุญาติตัดไม้หรือว่า สัมปทานการตัดไม้ของหน่วยงานรัฐและได้มีการดำเนินการมีมูลจนเชื่อได้ว่ามีการกระทำดังกล่าว ดังนั้นจึงขอทางดีเอสไอได้เปิดการสอบสวนอย่างเป็นทางการตรงไปตรงมา โปร่งใส และเป็นอิสระพร้อมกันนั้นก็ขอให้นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการสอบสวน เพราะว่านายยงยุทธก็อยู่ในฐานะผู้ต้องสงสัยคนหนึ่ง
“ผมยืนยันว่าการสอบสวนกรณีดังกล่าวนั้นยังไม่ได้มีการกล่าวหาว่าเจ้าพนักงานของรัฐหรือรัฐมนตรีได้รับสินบนไปแล้ว แต่เมื่อปรากฎชื่ออยู่ในหลักฐานที่ได้รับการยืนยันข้อมูลมีการรับรองสำเนาผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้จึงเป็นประเด็นที่พนักงานสอบสวนจะได้สอบสวนทั้งรัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงของ ออป. 2 ท่านว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ประการต่อไปก็คือว่า คนยืนยันว่าเอกสารทั่งหมดที่มีการร้องเรียนผ่านตู้ ปณ.222 ได้รับการยืนยันว่าเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง มีการลงนามรับรองจากบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรงต่อหน้าสื่อมวลชนและต่อหน้าครอบครัวของบุคคลที่รับรองสำเนานี้จึงไม่ใช่เอกสารปลอมแปลง ไม่ใช่เอกสารเท็จ ไม่ใช่เอกสารปลอม ตามที่มีการพยายามเบี่ยงเบนประเด็นโดยผู้ที่เกี่ยวข้อง และยืนยันตามขั้นตอนการสอบสวนกรณีการร้องเรียนในปัญหาคอรัปชั่นอย่างถูกต้อง
ส่วนกรณีที่เสี่ยณรงค์ได้ไปให้การที่กองปราบเมื่อคืนนี้ยอมรับว่ามีการจ่ายเงินไป 3.5 ล้านบาทให้กับนายเสน่ห์นั้น นายอลงกรณ์ ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง สิ่งที่พนักงานสอบสวนจะต้องเร่งดำเนินการคือ ต้องสอบสวนทุกคนที่ปรากฎชื่อและเกี่ยวข้องทั้งหมด 6 คนในเอกสารนี้บุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง และนายยงยุทธ หากถ้ามีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองไปเกี่ยวข้องต้องดำนเนินการตาม พ.ร.บ.ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ต่อไป ดีเอสไอต้องอำนวยความยุติธรรมในการสอบสวนเรื่องนี้ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับป่าไม้
“ดังนั้น ป.ป.ง.จะต้องเข้าไปดำเนินการติดตามเส้นทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบเช็คที่มีการสั่งจ่ายผ่านธนาคาร 2 แห่งและก็บัญชีการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตลอดจนรัฐมนตรีและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ผมจะให้เบาะแสเพิ่มเติมให้ว่า เมื่อปี 2548 มีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ออป. เดินทางไปที่ส่วนป่าคำป่าหลาย ดีเอสไอจะใช้ประโยชน์จากการเรียกเอกสารการเบิกงบเดินทางของเจ้าหน้าที่ระดับสูงดังกล่าวได้ และเรียกชาวบ้านที่เข้าประชุมด้วยมาสอบปากคำก็จะได้เบาะแสโยงใยทั้งหมดที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ เปิดเผยต่อไปอีกว่า คณะทำงานฯจะตรวจสอบต่อไปในประเด็นการลักลอบตัดไม้ในส่วนป่ามุกดาหารต่อไป หลังจากการที่ได้รับการแจ้งเบาะแสนั้นปรากฎว่า ในพื้นที่ส่วนป่ามุกดาหารได้มีการประมูลขายไม้เมื่อปี 2507 เจ้าหน้าที่ให้ข้อมูลว่า สัญญาสิ้นสุด ณ เดือนกรกฎาคม 2549 แต่คำให้การของนายกองค์การบริหารส่วนตำบลคนปัจจุบันได้พบเห็นการขนไม้ออกผ่านถนนสายคำป่าหลาย และมีการตัดไม้เชื่อว่าน่าจะอยู่ในแปลงที่อยู่ในระหว่างการขออนุมัติเปิดประมูลออกใบอนุญาติตัดไม้ ถ้าหากว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งคือการลักลอบตัดไม้โดยอาศัยสัมปทานไปสวมต่อและก็ขนไม้ออกจากพื้นที่ป่าดังกล่าว
“ขณะนี้ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่อยู่ในพื้นที่ ลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบสภาพป่า พื้นที่การตัดไม้ ซึ่งน่าแปลกใจว่าในคำชี้แจงของ ออป.และการที่นายยงยุทธบอกว่า สัมปทานดังกล่าวตั้งแต่ปี 2547 แต่ทำไมสภาพตัดไม้เป็นการตัดไม้ยูคาซึ่งการตัดยังสด ๆ อยู่ แล้วก็มีการขนไม้ออกจากพื้นที่ตั้งแต่เดือนเมษายน และมายุติตอนที่ผมมายุติการแถลงข่าวเรื่องนี้ ดังนั้น ประเด็นนี้เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยกันในการดูแลส่วนป่าของทางราชการ จะเดินหน้าดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้ต่อไป” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ ฝากความเป็นห่วงใยถึงนายยงยุทธว่า การที่นายยงยุทธกล้าค้ำประกันว่าไม่มีการตัดไม้หลวง ลักลอบตัดไปหลวงไปขาย ขอให้ออกมายืนยันและไปลงพื้นที่พร้อมกับตนในสัปดาห์หน้า อย่าฟังรายเงานเฉพาะที่อยู่ในห้องแอร์ อย่าปกป้องเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการเรื่องนี้ เปิดใจกว้าง เปิดหูเปิดตาให้กว้าง เพราะเป็นรัฐมนตรีที่ทำงานจะต้องทำงานละเอียดรอบคอบและรู้จริง ลงพื้นที่ถึง ไม่ใช่นั่งฟังแต่รายงาน
“ผมคิดว่าสวนป่าป่ายูคาลิปตัสเป็นส่วนป่าของหลวง ใครก็ตามที่ไปตัดทำลาย และลักลอบขายนั้นถือว่าเป็นการกระทำที่ผิด ดังนั้น ขอให้ทางรัฐมนตรีได้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบเรื่องนี้ในสัปดาห์หน้าต่อไป และผมคิดว่า รัฐมนตรีในฐานะผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งไม่ควรที่จะมีชี้นำการสอบสวน และไม่ควรรีบตัดตอนการสอบสวน อย่างน้อยเมื่อปรากฎชัดว่ามีการจ่ายเงินจริง ส่วนเงินนั้นจะมีการไปจ่ายให้รัฐมนตรีหรือผู้บริหาร ออป.หรือไม่เป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะดำเนินการต่อไป กรุณาอย่าเบี่ยงเบนประเด็น” นายอลงกรณ์กล่าว
นายอลงกรณ์ ฝากทิ้งท้ายถึงนายยงยุทธอีกว่า ตนเห็นใจว่าเมื่อมีเชื่อพาดพิง ตนไม่ได้พาดพิง แต่ว่าเอกสารได้ระบุถึงนายยงยุทธ ดังนั้น นายยงยุทธต้องไปพิสูจน์กันในชั้นพนักงานสอบสวนจนถึงได้ขอให้พนักงานสอบสวนได้เชิญผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ไปสอบปากคำ และ ปปง.ไปตรวจสอบเส้นทางการเมือง แต่ไม่ใช่รัฐมนตรีไปสอบสวนเอง ไม่มีที่ไหนในโลกในกระบวนการสอบสวน
“ผมคิดว่า นายยงยุทธคงหลงประเด็นจึงลดความน่าเชื่อถือด้วยการเบี่ยงประเด็น ทำไมไม่พูดล่ะว่า เอกสารทั้งหมดเป็นเรื่องจริง และก็การรับสารภาพของบุคคลในเอกสารต่อหน้าสื่อมวลชนซึ่งท่านยังไม่ได้พบตัวด้วยซ้ำไป และด่วนสรุปว่าเป็นแก๊งต้มตุ๋น จะเป็นแก๊งต้มตุ๋นหรือไม่เราไม่รู้ จะจ่ายให้รัฐมนตรี ผู้บริการระดับสูง ออป.หรือไม่เราไม่รู้ แต่รู้ว่ามีการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ใบอนุญาติเป็นเรื่องของพนักงานสอบสวนที่จะต้องสอบสวน” นายอลงกรณ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 11 ส.ค. 2549--จบ--