วันนี้(26 พ.ย. 49) นายสาธิต ปิตุเตชะ รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงที่กรณีที่นายจตุพร พรมพันธุ์ รองโฆษกพรรคไทยรักไทย ออกมาพูดเกี่ยวกับการออกสมุดปกดำของ พรรคประชาธิปัตย์ และสมุดปกขาวของคมช. ว่า ตนเห็นว่าคมช.มีความกังวลในเรื่องการทำความเข้าใจกับ ประชาชน ถึงเหตุผลของการทำการปฏิรูปการปกครองครั้งนี้ ให้ประชาชนเข้าใจ อย่างไรก็ตามพรรคขอให้กำลังใจและขอให้ประชาชนเข้าใจ และให้เวลากับรัฐบาล และคมช. และคตส. ในการตรวจสอบโครงการทุจริตทั้งหลาย ทั้งนี้โดยการตรวจสอบบนนั้นต้องเป็นไปบนพื้นฐานของหลักกฎหมาย ความยุติธรรม โดยไม่ใช่อำนาจตามใจ อย่างไรก็ดีต้องนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะ 5 ปีที่ผ่านมามีการใช้อำนาจรัฐ เพื่อแสวงหาประโยชน์ในการทุจริตคอรัปชั่นมากมาย และที่สำคัญที่สุดพรรคไทยรักไทย ไม่ควรออกมาวิพากษ์วิจารณ์การตรวจสอบ เพราะเหตุการณ์และความผิด จนเกิดความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศ เกิดจากการกระทำของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย
“หากเปรียบเทียบความผิดทางอาญาพรรคไทยรักไทยก็เหมือนผู้สนับสนุน หรือผู้ร่วมก่อการณ์ เพราะฉะนั้นพรรคไทยรักไทยควรอยู่ในกติกา หากจะคิดก็ควรจะคิดหาอะไรที่สร้างสรรต่อบ้านเมืองบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น หรือการให้ความเห็นในการร่างรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์เพื่อกลับมาสู่การเลือกตั้งให้เร็วที่สุด.”นายสาธิต กล่าว
ส่วนกรณีที่นายจตุพร ออกมากล่าวว่า ไม่มีใครเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี นั้นนายสาธิตกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนักการเมืองที่เดินตามแบบกรอบระบอบประชาธิปไตย และยึดแนวทางแห่งความถูกต้อง ความชอบธรรม ส่วนจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินของประชาชนเจ้าของประเทศ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 พ.ย. 2549--จบ--
“หากเปรียบเทียบความผิดทางอาญาพรรคไทยรักไทยก็เหมือนผู้สนับสนุน หรือผู้ร่วมก่อการณ์ เพราะฉะนั้นพรรคไทยรักไทยควรอยู่ในกติกา หากจะคิดก็ควรจะคิดหาอะไรที่สร้างสรรต่อบ้านเมืองบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็น หรือการให้ความเห็นในการร่างรัฐธรรมนูญให้สมบูรณ์เพื่อกลับมาสู่การเลือกตั้งให้เร็วที่สุด.”นายสาธิต กล่าว
ส่วนกรณีที่นายจตุพร ออกมากล่าวว่า ไม่มีใครเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกรัฐมนตรี นั้นนายสาธิตกล่าวว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนักการเมืองที่เดินตามแบบกรอบระบอบประชาธิปไตย และยึดแนวทางแห่งความถูกต้อง ความชอบธรรม ส่วนจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการตัดสินของประชาชนเจ้าของประเทศ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 พ.ย. 2549--จบ--