วันนี้(17 พ.ย.49 ) นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกสำนักเลือกตั้งพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงว่าจากการที่สมาชิกพรรคไทยรักไทย ได้ให้สัมภาษณ์ว่า “นายบรรหารเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี แต่กลับไม่มีวุฒิภาวะในการปกป้องประชาประชาธิปไตย ซึ่งมีพฤติกรรมคล้ายนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามที่จะยืมมือ คมช.และรัฐบาลทำลายพรรคไทยรักไทย ทั้งนายบรรหารและนายชวน เป็นพวกปากประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ ” นั้น นายบรรหาร ศิลปอาชา และนายชวน หลีกภัย เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีวุฒิภาวะทางการเมืองอยู่ในระดับสูง การออกมาสัมภาษณ์จาบจ้วงของสมาชิกพรรคไทยรักไทยต่อนักการเมืองอาวุโสของประเทศที่ผ่านการเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วนั้น แสดงว่าผู้ให้สัมภาษณ์นั้นขาดภาวะทางด้านจริยธรรมคุณธรรมและขาดสำนึกทางวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจของคนที่ไม่รู้จักตนเองในสภาวะเช่นนี้
สำหรับนายชวน หลีกภัย เป็นนักการเมืองผู้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยมา 40 ปี ตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 13 สมัย เรื่องคุณธรรมจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นนักประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์ชัดของคนไทยทั้งประเทศ ได้ผ่านการต่อสู้กับเผด็จการมาทุกยุคทุกสมัยเกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอดมาแล้ว นายเทพไท กล่าวว่า สมาชิกพรรคไทยรักไทยที่ให้ร้ายป้ายสีนายชวน อยากให้ย้อนกลับไปศึกษาบทบาทและชีวิตทางการเมืองของอดีตหัวหน้าพรรคตนเองว่าร่ำรวยมาจากไหน กวาดต้อนซื้อตัว ส.ส. เข้าพรรคให้เป็นพรรคการเมืองใหญ่ใช่หรือไม่ ควบรวมพรรคโดยมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนใช่หรือไม่ บริหารบ้านเมืองโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนและทำลายระบบราชการแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ จนทำให้บ้านเมืองเข้าสู่วิกฤติ ระบอบประชาธิปไตยได้ถูกทำลายไป จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ และขอปฏิเสธว่านายชวน หลีกภัย และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยยืมมือ คมช. มาจัดการพรรคไทยรักไทยตามที่กล่าวหา เพราะ
คมช.และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือความสัมพันธ์ใด ๆ ต่างฝ่ายต่างก็แสดงบทบาทและหน้าที่ของตนเองอย่างอิสระ พรรคไทยรักไทยเองนั้นแหละที่เป็นผู้ทำลายระบอบประชาธิปไตยจนเป็นเหตุผลให้ คปค.เข้ามายึดอำนาจตามเหตุผล 4 ข้อ ที่ คปค. ได้ประกาศไว้ ในสถานการณ์เช่นนี้ นายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองย่อมตระหนักดีว่าจะต้องวางตัวเองอย่างไรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ นายชวนเองยังเคยให้สัมภาษณ์ ในลักษณะเตือนสติและให้คำแนะนำแก่ คมช.ในหลายเรื่องเช่นการเรียกร้องให้คมช.ชี้แจงเหตุผลของการยึดอำนาจให้ประชาชนเข้าใจในเหตุผล 4 ข้อ ที่คปค.ได้อ้างไว้ เพราะนายชวน เป็นนักการเมืองที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เป็นนักการเมืองประเภทปากว่าตาขยิบเหมือนนักการเมืองบางคน เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมากล่าวหาว่าใครเป็นเผด็จการนั้นควรสำรวจตัวเองเสียก่อนว่าตนเองเป็นนักประชาธิปไตยมากกว่าผู้ถูกกล่าวหามากน้อยเพียงใด และมีเกียรติหรือศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะวิจารณ์ผู้อื่นได้หรือไม่ อย่าคิดทำตัวเป็นแค่ลิ้วล้อหรือลูกหาบปกป้องเจ้านายตัวเองที่ขณะนี้ตกอยู่ในลักษณะเป็นเจ้าไม่มีศาล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 พ.ย. 2549--จบ--
ซึ่งที่ผ่านมาก็พยายามที่จะยืมมือ คมช.และรัฐบาลทำลายพรรคไทยรักไทย ทั้งนายบรรหารและนายชวน เป็นพวกปากประชาธิปไตย แต่หัวใจเผด็จการ ” นั้น นายบรรหาร ศิลปอาชา และนายชวน หลีกภัย เคยเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นผู้มีวุฒิภาวะทางการเมืองอยู่ในระดับสูง การออกมาสัมภาษณ์จาบจ้วงของสมาชิกพรรคไทยรักไทยต่อนักการเมืองอาวุโสของประเทศที่ผ่านการเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้วนั้น แสดงว่าผู้ให้สัมภาษณ์นั้นขาดภาวะทางด้านจริยธรรมคุณธรรมและขาดสำนึกทางวัฒนธรรมไทยเป็นอย่างยิ่ง เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจของคนที่ไม่รู้จักตนเองในสภาวะเช่นนี้
สำหรับนายชวน หลีกภัย เป็นนักการเมืองผู้ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยมา 40 ปี ตลอดเวลาที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 13 สมัย เรื่องคุณธรรมจริยธรรมความซื่อสัตย์สุจริต ความเป็นนักประชาธิปไตยเป็นที่ประจักษ์ชัดของคนไทยทั้งประเทศ ได้ผ่านการต่อสู้กับเผด็จการมาทุกยุคทุกสมัยเกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอดมาแล้ว นายเทพไท กล่าวว่า สมาชิกพรรคไทยรักไทยที่ให้ร้ายป้ายสีนายชวน อยากให้ย้อนกลับไปศึกษาบทบาทและชีวิตทางการเมืองของอดีตหัวหน้าพรรคตนเองว่าร่ำรวยมาจากไหน กวาดต้อนซื้อตัว ส.ส. เข้าพรรคให้เป็นพรรคการเมืองใหญ่ใช่หรือไม่ ควบรวมพรรคโดยมีผลประโยชน์แลกเปลี่ยนใช่หรือไม่ บริหารบ้านเมืองโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อนและทำลายระบบราชการแทรกแซงการทำงานขององค์กรอิสระ จนทำให้บ้านเมืองเข้าสู่วิกฤติ ระบอบประชาธิปไตยได้ถูกทำลายไป จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ และขอปฏิเสธว่านายชวน หลีกภัย และพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เคยยืมมือ คมช. มาจัดการพรรคไทยรักไทยตามที่กล่าวหา เพราะ
คมช.และพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีความเกี่ยวข้องหรือความสัมพันธ์ใด ๆ ต่างฝ่ายต่างก็แสดงบทบาทและหน้าที่ของตนเองอย่างอิสระ พรรคไทยรักไทยเองนั้นแหละที่เป็นผู้ทำลายระบอบประชาธิปไตยจนเป็นเหตุผลให้ คปค.เข้ามายึดอำนาจตามเหตุผล 4 ข้อ ที่ คปค. ได้ประกาศไว้ ในสถานการณ์เช่นนี้ นายชวน หลีกภัย ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ทางการเมืองย่อมตระหนักดีว่าจะต้องวางตัวเองอย่างไรให้เหมาะสมกับสถานการณ์ นายชวนเองยังเคยให้สัมภาษณ์ ในลักษณะเตือนสติและให้คำแนะนำแก่ คมช.ในหลายเรื่องเช่นการเรียกร้องให้คมช.ชี้แจงเหตุผลของการยึดอำนาจให้ประชาชนเข้าใจในเหตุผล 4 ข้อ ที่คปค.ได้อ้างไว้ เพราะนายชวน เป็นนักการเมืองที่แสดงความคิดเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ไม่ใช่เป็นนักการเมืองประเภทปากว่าตาขยิบเหมือนนักการเมืองบางคน เพราะฉะนั้นก่อนที่จะมากล่าวหาว่าใครเป็นเผด็จการนั้นควรสำรวจตัวเองเสียก่อนว่าตนเองเป็นนักประชาธิปไตยมากกว่าผู้ถูกกล่าวหามากน้อยเพียงใด และมีเกียรติหรือศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะวิจารณ์ผู้อื่นได้หรือไม่ อย่าคิดทำตัวเป็นแค่ลิ้วล้อหรือลูกหาบปกป้องเจ้านายตัวเองที่ขณะนี้ตกอยู่ในลักษณะเป็นเจ้าไม่มีศาล
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 พ.ย. 2549--จบ--