โฆษกพรรคปชป. "องอาจ คล้ามไพบูลย์" ชี้ หากรัฐประกาศภาวะฉุกเฉิน เป็นการสร้างความหวาดกลัวให้กับประชาชนที่จะเข้าร่วมชุมนุมขับไล่นายกฯ พร้อมสกัดกั้นสื่อ ไม่ให้เสนอข่าวได้อย่างอิสระ
วันนี้(14 มี.ค.49)นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคว่า ที่ประชุมได้มีหารือถึงกรณีที่ครม.มีมติแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรมมาเป็นรองนายกฯอันดับที่ 1 แทนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างแน่นอนที่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังวิกฤติโดยมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก คงไม่ใช่เรื่องความเหมาะสมเพราะฟังไม่ขึ้น แต่เชื่อว่ามีนัยยะทางการเมืองและมีวาระซ่อนเร้นอย่างชัดเจน และอาจเกี่ยวพันไปถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯที่คิดอะไรอยู่ เพราะเป็นเรื่องน่าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรักษาการนายกฯอาจเกี่ยวข้องไปถึงการประกาศภาวะฉุกเฉิน
นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้ที่มีการชุมนุมของประชาชนจำนวนมากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลและเป็นการชุมนุมอย่างต่อเนื่องนั้น ปรากฎว่ามีแนวโน้มส่งสัญญาณออกมาหลายส่วน โดยเฉพาะในส่วนของผู้นำรัฐบาลหรือนายกฯว่าถ้ามีความจำเป็นอาจต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในกทม.และปริมณฑล ซึ่งเป็นการสร้างความวิตกกังวลและหวาดกลัวให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มาร่วมชุมนุม จึงพยายามปล่อยข่าวส่งสัญญาณทั้งทางตรงและทางอ้อมว่าพร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะนอกเหนือจะเป็นการสกัดกั้นการชุมนุมแล้ว หากมีการประกาศภาวะฉุกเฉินจริง การชุมนุมก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลถือว่าการชุมนุมเป็นหนามยอกอก
“หากมีการประกาศฉุกเฉินยังส่งผลต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่จะไม่สามารถเสนอข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมได้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังวิตกกังวล เพราะขณะนี้สื่อมวลชนกำลังเผยแพร่ปรากฎการณ์อันสำคัญ โดยไม่เฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น แต่สื่อของรัฐ รวมทั้งสื่อโทรทัศน์ก็เผยแพร่ข่าวการชุมนุมมากกว่าในอดีต จึงเป็นที่วิตกกังวลของรัฐบาลและเป็นไปได้ที่จะประกาศเพื่อยับยั้งสื่อมวลชน” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตุ และว่าพรรคไม่เห็นด้วยต่อท่าทีดังกล่าว เพราะสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ยังไม่มีการกระทำใด ๆ ที่จะทำให้ประกาศภาวะฉุกเฉินได้ จึงขอให้รัฐบาลยุติการกระทำใด ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติ
ด้านนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณตั้งพล.อ.ชิดชัยมาเป็นรองนายกฯคนที่1ส่อให้เห็นถึงความพยายามดิ้นของพ.ต.ท.ทักษิณที่ตอนนี้ดูเหมือนจะใกล้หมดหนทางมาถึงทางตันแล้ว เพียงแต่ยังมีชั้นเชิงเผื่อหนีรอดได้ ด้วยการตั้งตัวแทนสืบทอดอำนาจ ซึ่ง พล.ต.อ.ชิดชัยถือเป็นนอมินีที่พ.ต.ท.ทักษิณไว้ใจที่สุดหากจะต้องตัดสินใจอะไรลงไปก็ยังวางใจได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลัวที่สุดคือการถูกยึดทรัพย์ และถูกดำเนินดี ดังนั้นการเลือกให้ พล.ต.อ.ชิดชัยมาดูแลนั้นเหมาะสมที่สุดในสภาวะการณ์นี้จะมีประโยชน์มากกว่านายสมคิดที่ถนัดแต่งานด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่พล.อ.ชิดชัยมีความสามารถตัดสินใจทางการเมืองและด้านความปลอดภัยให้กับตัวนายกฯได้
“เป็นการก้าวถอยอย่างหนึ่งของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก้าวอย่างเบาที่สุดโดยที่ยังยึดโยงอำนาจไว้อยู่ ขณะเดียวกันก็ให้ลิ่วล้อออกมาพูดรื่องจะขอถอยคนละก้าว ผมขอให้ประชาชนอย่าได้ยอมเพราะเราเดินมาไกลแล้ว เกือบจะได้จับโจรขึ้นตะแลงแกง แล้วเราจะปล่อยให้โจรกับเจ้าของบ้านถอยคนละก้าวได้อย่างไร จะต้องยึดเอาทรัพย์สินที่พ.ต.ท.ทักษิณโกงประเทศชาติกลับคืนมาให้หมด อีกทั้งการแต่งตั้งพล.ต.อ.ชิดชัยยังเกิดขึ้นภายหลังที่กลุมเทมาเส็กจ่ายเงินค่าหุ้นชินคอร์ปครบหมดแล้ว จึงอาจมองได้ว่ากำลังหาทางหนีที่ไล่หรือไม่”นายถาวรกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 มี.ค. 2549--จบ--
วันนี้(14 มี.ค.49)นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคว่า ที่ประชุมได้มีหารือถึงกรณีที่ครม.มีมติแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ยุติธรรมมาเป็นรองนายกฯอันดับที่ 1 แทนนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ว่า เป็นเรื่องที่ไม่ปกติอย่างแน่นอนที่มีการเปลี่ยนแปลงในขณะที่สถานการณ์บ้านเมืองกำลังวิกฤติโดยมีผู้ชุมนุมจำนวนมาก คงไม่ใช่เรื่องความเหมาะสมเพราะฟังไม่ขึ้น แต่เชื่อว่ามีนัยยะทางการเมืองและมีวาระซ่อนเร้นอย่างชัดเจน และอาจเกี่ยวพันไปถึงตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกฯที่คิดอะไรอยู่ เพราะเป็นเรื่องน่าคิดว่าการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งรักษาการนายกฯอาจเกี่ยวข้องไปถึงการประกาศภาวะฉุกเฉิน
นายองอาจ กล่าวว่า ขณะนี้ที่มีการชุมนุมของประชาชนจำนวนมากบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลและเป็นการชุมนุมอย่างต่อเนื่องนั้น ปรากฎว่ามีแนวโน้มส่งสัญญาณออกมาหลายส่วน โดยเฉพาะในส่วนของผู้นำรัฐบาลหรือนายกฯว่าถ้ามีความจำเป็นอาจต้องประกาศภาวะฉุกเฉินในกทม.และปริมณฑล ซึ่งเป็นการสร้างความวิตกกังวลและหวาดกลัวให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่มาร่วมชุมนุม จึงพยายามปล่อยข่าวส่งสัญญาณทั้งทางตรงและทางอ้อมว่าพร้อมประกาศภาวะฉุกเฉิน เพราะนอกเหนือจะเป็นการสกัดกั้นการชุมนุมแล้ว หากมีการประกาศภาวะฉุกเฉินจริง การชุมนุมก็จะเกิดขึ้นไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลถือว่าการชุมนุมเป็นหนามยอกอก
“หากมีการประกาศฉุกเฉินยังส่งผลต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่จะไม่สามารถเสนอข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมได้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลกำลังวิตกกังวล เพราะขณะนี้สื่อมวลชนกำลังเผยแพร่ปรากฎการณ์อันสำคัญ โดยไม่เฉพาะสื่อสิ่งพิมพ์เท่านั้น แต่สื่อของรัฐ รวมทั้งสื่อโทรทัศน์ก็เผยแพร่ข่าวการชุมนุมมากกว่าในอดีต จึงเป็นที่วิตกกังวลของรัฐบาลและเป็นไปได้ที่จะประกาศเพื่อยับยั้งสื่อมวลชน” โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตุ และว่าพรรคไม่เห็นด้วยต่อท่าทีดังกล่าว เพราะสถานการณ์การชุมนุมในขณะนี้ยังไม่มีการกระทำใด ๆ ที่จะทำให้ประกาศภาวะฉุกเฉินได้ จึงขอให้รัฐบาลยุติการกระทำใด ๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดผลดีต่อประเทศชาติ
ด้านนายถาวร เสนเนียม รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณตั้งพล.อ.ชิดชัยมาเป็นรองนายกฯคนที่1ส่อให้เห็นถึงความพยายามดิ้นของพ.ต.ท.ทักษิณที่ตอนนี้ดูเหมือนจะใกล้หมดหนทางมาถึงทางตันแล้ว เพียงแต่ยังมีชั้นเชิงเผื่อหนีรอดได้ ด้วยการตั้งตัวแทนสืบทอดอำนาจ ซึ่ง พล.ต.อ.ชิดชัยถือเป็นนอมินีที่พ.ต.ท.ทักษิณไว้ใจที่สุดหากจะต้องตัดสินใจอะไรลงไปก็ยังวางใจได้ โดยเฉพาะสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณกลัวที่สุดคือการถูกยึดทรัพย์ และถูกดำเนินดี ดังนั้นการเลือกให้ พล.ต.อ.ชิดชัยมาดูแลนั้นเหมาะสมที่สุดในสภาวะการณ์นี้จะมีประโยชน์มากกว่านายสมคิดที่ถนัดแต่งานด้านเศรษฐกิจอย่างเดียว แต่พล.อ.ชิดชัยมีความสามารถตัดสินใจทางการเมืองและด้านความปลอดภัยให้กับตัวนายกฯได้
“เป็นการก้าวถอยอย่างหนึ่งของพ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก้าวอย่างเบาที่สุดโดยที่ยังยึดโยงอำนาจไว้อยู่ ขณะเดียวกันก็ให้ลิ่วล้อออกมาพูดรื่องจะขอถอยคนละก้าว ผมขอให้ประชาชนอย่าได้ยอมเพราะเราเดินมาไกลแล้ว เกือบจะได้จับโจรขึ้นตะแลงแกง แล้วเราจะปล่อยให้โจรกับเจ้าของบ้านถอยคนละก้าวได้อย่างไร จะต้องยึดเอาทรัพย์สินที่พ.ต.ท.ทักษิณโกงประเทศชาติกลับคืนมาให้หมด อีกทั้งการแต่งตั้งพล.ต.อ.ชิดชัยยังเกิดขึ้นภายหลังที่กลุมเทมาเส็กจ่ายเงินค่าหุ้นชินคอร์ปครบหมดแล้ว จึงอาจมองได้ว่ากำลังหาทางหนีที่ไล่หรือไม่”นายถาวรกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 14 มี.ค. 2549--จบ--