ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ปริมาณการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 47 ขยายตัวร้อยละ 82.9 เทียบ
ต่อปี รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปริมาณการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตใน
ไตรมาส 4 ปี 47 มีจำนวน 38,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,343 ล้านบาท หรือขยายตัวสูงถึงร้อยละ 82.9 หาก
เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 46 โดยส่วนใหญ่เป็นการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดย ธพ.ไทยมี
จำนวน 27,585 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 96.9 หรือเพิ่มขึ้น 13,579 ล้านบาท ขณะที่เบิกเงินผ่านบัตรที่ออกโดย
บริษัทประกอบธุรกิจเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) มี 9,014 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 69.2 เพิ่ม
ขึ้น 3,687 ล้านบาท ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมอยู่ที่ 154,910 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 31.1
เพิ่มขึ้น 36,740 ล้านบาท ซึ่งปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรในประเทศมี 110,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,524 ล้าน
บาท ขยายตัวร้อยละ 20.2 ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศอยู่ที่ 6,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
873 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16.4 สำหรับจำนวนบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 47 อยู่ที่ 8,804,180 บัตร
ขยายตัวร้อยละ 30.7 เพิ่มขึ้น 2,069,279 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างใน
ไตรมาส 4 ปี 47 อยู่ที่ 118,456 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 25.6 เพิ่มขึ้น 212,802 ล้านบาท (เดลินิวส์, มติชน, สยามรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.แจ้งความกล่าวโทษดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของ ธปท.เข้าพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.
เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีอนุมัติสินเชื่อแก่
บ.โกลเด้นเทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด และกรณีการขายหุ้นบุริมสิทธิ์ให้กับ บ.แกรนด์คอมพิวเตอร์แอ
นคอมมูนิเคชั่น จำกัด พร้อมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งห้ามบุคคลดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ชั่วคราว เป็นเวลาไม่เกิน 15 วัน เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่าได้กระทำความผิด ม.46 นว แห่งพระราชบัญญัติ
การธนาคารพาณิชย์.พ.ศ.2505 และแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษทั้งหมดมีทั้งสิ้น 11 คน ประกอบ
ด้วย ร.ท.สุชาย เชาวว์วิศิษฐ นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา นายวิโรจน์ นวลแข นายไพโรจน์ รัตนะภา
นายประวิทย์ อดีตโต นางศิริวรรณ ชินอิสระยศ นายประพันธ์พงศ์ ปราโมทย์กุล นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา นายบัญชา ยินดี
นายไมตรี เหลือนิมิตรมาศ น.ส.วราลี บุนนาค (ไทยรัฐ, ไทยโพสต์)
3. บสก.เตรียมหารือกับ ธปท.และ ก.คลังในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนใน ตลท. กรรมการผู้จัดการ
บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) เปิดเผยว่า บสก.เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
และ ก.คลัง เพื่อขอความเห็นในแนวทางที่ บสก.จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ภายหลังจากที่บริษัทสามารถบริหารสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้น
ของบริษัทร้อยละ 100 ได้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าภายในปีนี้บริษัทจะสามารถส่งคืนเงินแก่กองทุนฟื้นฟูฯ ได้หมดทั้ง
จำนวน โดยแนวทางที่จะหารือนอกเหนือจากแผนงานที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนใน ตลท.แล้วบริษัทจะขอเข้า
บริหารสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทุนฟื้นฟูฯ ทั้งหมด เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ (บ้านเมือง)
4. สศอ.จัดทำแผนแม่บทให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอินโดจีน รมว.ก.อุตสาหกรรม เปิดเผย
ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดทำแผนแม่บทให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอินโด
จีน โดยกำหนดให้มีการจัดทำแผนพัฒนาโลจิสติกส์ในอุตสาหกรรม 5 ประเภท เช่น ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น
ยานยนต์และชิ้นส่วน อ้อยและน้ำตาล และอาหาร อีกทั้งวางกรอบให้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์นำร่องเป็นกลุ่มแรก
เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย ทั้งในด้านการผลิต ลงทุน จ้างงาน การส่งออก และ
เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคนิคการผลิตอย่างรวดเร็ว (บ้านเมือง)
5. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 จะยึดแนวทางต่อยอดจากแผนพัฒนาฯ ฉบับ 8
และ 9 เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า
การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ว่า จะเป็นแผนในเชิงยุทธศาสตร์ โดยยังคงยึดกระบวน
การจัดทำแผนเช่นเดียวกับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 และ 9 ซึ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม และ
ยังคงยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 โดยเฉพาะในเรื่องความสมดุล รวมทั้ง
ยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจคู่ขนานที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้เข้มแข็งควบคู่ไปกับการเสริม
สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาหรือ OECD มี
แนวโน้มชะลอตัวลง รายงานจากปารีส เมื่อ 11 ก.พ.48 องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการ
พัฒนาหรือ OECD รายงานดัชนีชี้แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกจำนวน 30 ประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ
103.9 ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ 103.7 ในเดือน พ.ย.47 โดยมีอัตราการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนดีขึ้น
สำหรับ สรอ.และเยอรมนี โดยดัชนีชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับ สรอ.เพิ่มขึ้น 0.4 จุดมาอยู่ที่ 102.6 ในเดือน ธ.ค.47
และมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันและดัชนีสำหรับเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 108.7
ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ 108.4 ในเดือนก่อน ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ
หรือ G7 และประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปมีอัตราการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนลดลงโดยเฉพาะแคนาดา
อังกฤษ ฝรั่งเศสและอิตาลีแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยดัชนีชี้วัดแนวโน้ม
เศรษฐกิจสำหรับ 15 ประเทศในสหภาพยุโรปในเดือน ธ.ค.47 อยู่ที่ 105.8 ลดลงจากระดับ 105.9 ในเดือน
พ.ย.47 และดัชนีสำหรับแคนาคาอยู่ที่ 101.6 ลดลงจาก 102.0 ในเดือนก่อน เช่นเดียวกับฝรั่งเศส, อิตาลีและ
อังกฤษที่ดัชนีอยู่ที่ 106.7, 97.8 และ 100.8 ลดลงจากระดับ 106.9, 98.4 และ 101.3 ในเดือนก่อนตาม
ลำดับ ในขณะที่ดัชนีสำหรับญี่ปุ่นคงที่อยู่ที่ 98.8 โดยมีอัตราการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนอยู่ที่ 0.8 จาก 0.9 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษจะใช้ระบบตรึงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนในเดือนหน้า รายงานจากกรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.48 ธ.กลางอังกฤษจะเริ่มใช้ระบบการตรึงอัตราดอกเบี้ยแบบตายตัวกับการให้
กู้ยืมข้ามคืนในเดือนหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานแบบกว้าง ๆ ที่ออกใช้ในปี 47 เพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยในตลาดให้กู้ยืมระยะสั้น ในขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษยัง
คงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระยะสั้นในปัจจุบันไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนสามารถขึ้นลงได้
แบบกว้าง ๆ และจะจำกัดจำนวนผู้ค้าในการทำธุรกรรมในแต่ละวันด้วย โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.48 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทั้งหมดที่จะปรับปรุงการดำเนินงานของตลาดการเงินที่เริ่มมา
ตั้งแต่เดือน พ.ย.47 โดยตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.47 ธ.กลางอังกฤษจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนในตลาดพันธบัตร
บวก 25 basis points สำหรับดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืน ส่วนการรับฝากข้ามคืนจะกำหนดไว้ที่ระดับลบ 25 basis
points ซึ่ง ธ.กลางอังกฤษกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่รวมถึงการซื้อคืนตั๋วเงินคลังและวิธีปฏิบัติงานตามปกติ
ในการรับรองตั๋วเงินของธนาคาร โดย ธ.กลางอังกฤษจะให้ระยะเวลาปลอดหนี้สูงสุดถึง 6 เดือน รวมถึงขยาย
เวลาการใช้ยอดการรับรองตั๋วเงินของธนาคารในปัจจุบันเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้ยืมจนถึงวันที่ 17 ส.ค.48 (รอยเตอร์)
3. เดือน ม.ค.48 ดัชนีราคาขายส่งของเยอรมนีขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน
รายงานจากเบอร์ลินเมื่อ 11 ก.พ.48 Federal Statistics Office เปิดเผยว่า ดัชนีราคาขายส่งของ
เยอรมนีในเดือน ม.ค.48 อยู่ที่ระดับ 106.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 106.4 ในเดือนก่อน โดยเมื่อเทียบต่อเดือน
ดัชนีฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลดลงร้อยะ 0.3 ในเดือนก่อน สาเหตุจากราคาผักและผลไม้เพิ่มขึ้นร้อยละ
4.2 ราคายาสูบเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันและถ่านหินลดลงร้อยละ 0.9
และราคาสินแร่ โลหะ เหล็กกล้า โลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก และสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่เกี่ยวข้อง ไม่เปลี่ยน
แปลงจากเดือนก่อน สำหรับดัชนีราคาขายส่งเมื่อเทียบต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ขยายตัวชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 3.8 ในเดือนก่อน สาเหตุจากราคาสินแร่ โลหะ เหล็กกล้า โลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก และสินค้ากึ่งสำเร็จ
รูปที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.9 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันและถ่านหิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2
ราคายาสูบเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0 ขณะที่ราคาข้าว ถั่ว และอาหารสัตว์ลดลงร้อยละ 25.3 ราคาอุปกรณ์สำนักงานลด
ลงร้อยละ 10.6 และราคาเภสัชภัณฑ์ลดลงร้อยละ 5.0 เทียบต่อปี (รอยเตอร์)
4. คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีและจีดีพีจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ.48 รายงาน
จากเบอร์ลินเมื่อ 11 ก.พ.48 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าความเชื่อ
มั่นของนักลงทุนเยอรมนีในเดือน ก.พ.48 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 30.0 จากระดับ 26.9 ใน
เดือนก่อน สาเหตุหลักจากการที่เงินยูโรอ่อนค่าลง และมีสัญญาณการฟื้นตัวของความต้องการภายในประเทศหลังจาก
ที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีก่อนท่ามกลางภาวะชะลอตัวของการส่งออก นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า นัก
เศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 47 ว่าจะขยายตัวเพิ่ม
ขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ
เยอรมนี แม้ว่าจะเป็นการขยายตัวในระดับที่ไม่มากเมื่อเทียบกับฝรั่งเศสและสเปน ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
0.7-0.8 อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ DIW ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวของจีดีพีในช่วงเวลาเดียว
กันไว้ที่ร้อยละ 0.3 รวมทั้งได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวของจีดีพีในช่วงไตรมาสแรกปี 48 ที่ร้อยละ 0.5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ก.พ. 48 11 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.582 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.4074/38.7012 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 726.20/22.40 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,550/7,650 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.98 39.22 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ปริมาณการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 47 ขยายตัวร้อยละ 82.9 เทียบ
ต่อปี รายงานจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ปริมาณการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตใน
ไตรมาส 4 ปี 47 มีจำนวน 38,266 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17,343 ล้านบาท หรือขยายตัวสูงถึงร้อยละ 82.9 หาก
เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 46 โดยส่วนใหญ่เป็นการเบิกเงินสดล่วงหน้าผ่านบัตรเครดิตที่ออกโดย ธพ.ไทยมี
จำนวน 27,585 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 96.9 หรือเพิ่มขึ้น 13,579 ล้านบาท ขณะที่เบิกเงินผ่านบัตรที่ออกโดย
บริษัทประกอบธุรกิจเครดิตที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (นอนแบงก์) มี 9,014 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 69.2 เพิ่ม
ขึ้น 3,687 ล้านบาท ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตรวมอยู่ที่ 154,910 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 31.1
เพิ่มขึ้น 36,740 ล้านบาท ซึ่งปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรในประเทศมี 110,449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18,524 ล้าน
บาท ขยายตัวร้อยละ 20.2 ส่วนปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในต่างประเทศอยู่ที่ 6,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น
873 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 16.4 สำหรับจำนวนบัตรเครดิตในไตรมาส 4 ปี 47 อยู่ที่ 8,804,180 บัตร
ขยายตัวร้อยละ 30.7 เพิ่มขึ้น 2,069,279 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะที่ยอดสินเชื่อคงค้างใน
ไตรมาส 4 ปี 47 อยู่ที่ 118,456 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 25.6 เพิ่มขึ้น 212,802 ล้านบาท (เดลินิวส์, มติชน, สยามรัฐ, ผู้จัดการรายวัน)
2. ธปท.แจ้งความกล่าวโทษดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทยและบุคคลที่เกี่ยวข้อง ผู้ว่าการ
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายของ ธปท.เข้าพบ พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ ผบ.ตร.
เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร ธ.กรุงไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง กรณีอนุมัติสินเชื่อแก่
บ.โกลเด้นเทคโนโลยี อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด และกรณีการขายหุ้นบุริมสิทธิ์ให้กับ บ.แกรนด์คอมพิวเตอร์แอ
นคอมมูนิเคชั่น จำกัด พร้อมทั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งห้ามบุคคลดังกล่าวเดินทางออกนอกราชอาณาจักร
ชั่วคราว เป็นเวลาไม่เกิน 15 วัน เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่าได้กระทำความผิด ม.46 นว แห่งพระราชบัญญัติ
การธนาคารพาณิชย์.พ.ศ.2505 และแก้ไขเพิ่มเติม ทั้งนี้ ผู้ที่ถูกร้องทุกข์กล่าวโทษทั้งหมดมีทั้งสิ้น 11 คน ประกอบ
ด้วย ร.ท.สุชาย เชาวว์วิศิษฐ นายมัชฌิมา กุญชร ณ อยุธยา นายวิโรจน์ นวลแข นายไพโรจน์ รัตนะภา
นายประวิทย์ อดีตโต นางศิริวรรณ ชินอิสระยศ นายประพันธ์พงศ์ ปราโมทย์กุล นายสุบิน แสงสุวรรณเมฆา นายบัญชา ยินดี
นายไมตรี เหลือนิมิตรมาศ น.ส.วราลี บุนนาค (ไทยรัฐ, ไทยโพสต์)
3. บสก.เตรียมหารือกับ ธปท.และ ก.คลังในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนใน ตลท. กรรมการผู้จัดการ
บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ (บสก.) เปิดเผยว่า บสก.เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)
และ ก.คลัง เพื่อขอความเห็นในแนวทางที่ บสก.จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
ภายหลังจากที่บริษัทสามารถบริหารสินทรัพย์ของกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้น
ของบริษัทร้อยละ 100 ได้เรียบร้อยแล้ว คาดว่าภายในปีนี้บริษัทจะสามารถส่งคืนเงินแก่กองทุนฟื้นฟูฯ ได้หมดทั้ง
จำนวน โดยแนวทางที่จะหารือนอกเหนือจากแผนงานที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนใน ตลท.แล้วบริษัทจะขอเข้า
บริหารสินทรัพย์ที่อยู่ภายใต้การดูแลของกองทุนฟื้นฟูฯ ทั้งหมด เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ (บ้านเมือง)
4. สศอ.จัดทำแผนแม่บทให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอินโดจีน รมว.ก.อุตสาหกรรม เปิดเผย
ว่า ได้สั่งการให้สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) จัดทำแผนแม่บทให้ไทยเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ในอินโด
จีน โดยกำหนดให้มีการจัดทำแผนพัฒนาโลจิสติกส์ในอุตสาหกรรม 5 ประเภท เช่น ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ แฟชั่น
ยานยนต์และชิ้นส่วน อ้อยและน้ำตาล และอาหาร อีกทั้งวางกรอบให้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์นำร่องเป็นกลุ่มแรก
เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจไทย ทั้งในด้านการผลิต ลงทุน จ้างงาน การส่งออก และ
เป็นอุตสาหกรรมที่มีการเปลี่ยนแปลงเทคนิคการผลิตอย่างรวดเร็ว (บ้านเมือง)
5. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 10 จะยึดแนวทางต่อยอดจากแผนพัฒนาฯ ฉบับ 8
และ 9 เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้า
การจัดทำแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 10 ว่า จะเป็นแผนในเชิงยุทธศาสตร์ โดยยังคงยึดกระบวน
การจัดทำแผนเช่นเดียวกับแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 8 และ 9 ซึ่งเน้นกระบวนการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม และ
ยังคงยึดหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงต่อเนื่องจากแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 9 โดยเฉพาะในเรื่องความสมดุล รวมทั้ง
ยึดแนวนโยบายเศรษฐกิจคู่ขนานที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจระดับรากหญ้าให้เข้มแข็งควบคู่ไปกับการเสริม
สร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทย (โลกวันนี้)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. เศรษฐกิจของประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาหรือ OECD มี
แนวโน้มชะลอตัวลง รายงานจากปารีส เมื่อ 11 ก.พ.48 องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการ
พัฒนาหรือ OECD รายงานดัชนีชี้แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศสมาชิกจำนวน 30 ประเทศเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ
103.9 ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ 103.7 ในเดือน พ.ย.47 โดยมีอัตราการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนดีขึ้น
สำหรับ สรอ.และเยอรมนี โดยดัชนีชี้แนวโน้มเศรษฐกิจสำหรับ สรอ.เพิ่มขึ้น 0.4 จุดมาอยู่ที่ 102.6 ในเดือน ธ.ค.47
และมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันและดัชนีสำหรับเยอรมนีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 108.7
ในเดือน ธ.ค.47 จากระดับ 108.4 ในเดือนก่อน ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ
หรือ G7 และประเทศในเขตเศรษฐกิจยุโรปมีอัตราการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนลดลงโดยเฉพาะแคนาดา
อังกฤษ ฝรั่งเศสและอิตาลีแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีแนวโน้มชะลอตัวลง โดยดัชนีชี้วัดแนวโน้ม
เศรษฐกิจสำหรับ 15 ประเทศในสหภาพยุโรปในเดือน ธ.ค.47 อยู่ที่ 105.8 ลดลงจากระดับ 105.9 ในเดือน
พ.ย.47 และดัชนีสำหรับแคนาคาอยู่ที่ 101.6 ลดลงจาก 102.0 ในเดือนก่อน เช่นเดียวกับฝรั่งเศส, อิตาลีและ
อังกฤษที่ดัชนีอยู่ที่ 106.7, 97.8 และ 100.8 ลดลงจากระดับ 106.9, 98.4 และ 101.3 ในเดือนก่อนตาม
ลำดับ ในขณะที่ดัชนีสำหรับญี่ปุ่นคงที่อยู่ที่ 98.8 โดยมีอัตราการเปลี่ยนแปลงในช่วง 6 เดือนอยู่ที่ 0.8 จาก 0.9 ในเดือนก่อน (รอยเตอร์)
2. ธ.กลางอังกฤษจะใช้ระบบตรึงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนในเดือนหน้า รายงานจากกรุงลอนดอน
ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 11 ก.พ.48 ธ.กลางอังกฤษจะเริ่มใช้ระบบการตรึงอัตราดอกเบี้ยแบบตายตัวกับการให้
กู้ยืมข้ามคืนในเดือนหน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในแผนงานแบบกว้าง ๆ ที่ออกใช้ในปี 47 เพื่อยับยั้งการเปลี่ยนแปลงอย่าง
รวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยในตลาดให้กู้ยืมระยะสั้น ในขณะที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางอังกฤษยัง
คงอัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระยะสั้นในปัจจุบันไว้ที่ระดับร้อยละ 4.75 ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืนสามารถขึ้นลงได้
แบบกว้าง ๆ และจะจำกัดจำนวนผู้ค้าในการทำธุรกรรมในแต่ละวันด้วย โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะมีผลบังคับใช้
ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.48 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทั้งหมดที่จะปรับปรุงการดำเนินงานของตลาดการเงินที่เริ่มมา
ตั้งแต่เดือน พ.ย.47 โดยตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค.47 ธ.กลางอังกฤษจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยซื้อคืนในตลาดพันธบัตร
บวก 25 basis points สำหรับดอกเบี้ยกู้ยืมข้ามคืน ส่วนการรับฝากข้ามคืนจะกำหนดไว้ที่ระดับลบ 25 basis
points ซึ่ง ธ.กลางอังกฤษกล่าวว่ามาตรการดังกล่าวจะไม่รวมถึงการซื้อคืนตั๋วเงินคลังและวิธีปฏิบัติงานตามปกติ
ในการรับรองตั๋วเงินของธนาคาร โดย ธ.กลางอังกฤษจะให้ระยะเวลาปลอดหนี้สูงสุดถึง 6 เดือน รวมถึงขยาย
เวลาการใช้ยอดการรับรองตั๋วเงินของธนาคารในปัจจุบันเป็นหลักทรัพย์ประกันการกู้ยืมจนถึงวันที่ 17 ส.ค.48 (รอยเตอร์)
3. เดือน ม.ค.48 ดัชนีราคาขายส่งของเยอรมนีขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน
รายงานจากเบอร์ลินเมื่อ 11 ก.พ.48 Federal Statistics Office เปิดเผยว่า ดัชนีราคาขายส่งของ
เยอรมนีในเดือน ม.ค.48 อยู่ที่ระดับ 106.5 เพิ่มขึ้นจากระดับ 106.4 ในเดือนก่อน โดยเมื่อเทียบต่อเดือน
ดัชนีฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 หลังจากที่ลดลงร้อยะ 0.3 ในเดือนก่อน สาเหตุจากราคาผักและผลไม้เพิ่มขึ้นร้อยละ
4.2 ราคายาสูบเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.9 ขณะที่ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันและถ่านหินลดลงร้อยละ 0.9
และราคาสินแร่ โลหะ เหล็กกล้า โลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก และสินค้ากึ่งสำเร็จรูปที่เกี่ยวข้อง ไม่เปลี่ยน
แปลงจากเดือนก่อน สำหรับดัชนีราคาขายส่งเมื่อเทียบต่อปี เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.4 ขยายตัวชะลอลงจากที่เพิ่มขึ้นร้อย
ละ 3.8 ในเดือนก่อน สาเหตุจากราคาสินแร่ โลหะ เหล็กกล้า โลหะที่ไม่มีส่วนผสมของเหล็ก และสินค้ากึ่งสำเร็จ
รูปที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.9 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันและถ่านหิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2
ราคายาสูบเพิ่มขึ้นร้อยละ 22.0 ขณะที่ราคาข้าว ถั่ว และอาหารสัตว์ลดลงร้อยละ 25.3 ราคาอุปกรณ์สำนักงานลด
ลงร้อยละ 10.6 และราคาเภสัชภัณฑ์ลดลงร้อยละ 5.0 เทียบต่อปี (รอยเตอร์)
4. คาดว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมนีและจีดีพีจะขยายตัวเพิ่มขึ้นในเดือน ก.พ.48 รายงาน
จากเบอร์ลินเมื่อ 11 ก.พ.48 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักวิเคราะห์ ซึ่งคาดว่าความเชื่อ
มั่นของนักลงทุนเยอรมนีในเดือน ก.พ.48 จะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ที่ระดับ 30.0 จากระดับ 26.9 ใน
เดือนก่อน สาเหตุหลักจากการที่เงินยูโรอ่อนค่าลง และมีสัญญาณการฟื้นตัวของความต้องการภายในประเทศหลังจาก
ที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปีก่อนท่ามกลางภาวะชะลอตัวของการส่งออก นอกจากนี้ ผลการสำรวจยังพบว่า นัก
เศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของเยอรมนีในช่วงไตรมาสที่ 4 ปี 47 ว่าจะขยายตัวเพิ่ม
ขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.2 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาวะเศรษฐกิจ
เยอรมนี แม้ว่าจะเป็นการขยายตัวในระดับที่ไม่มากเมื่อเทียบกับฝรั่งเศสและสเปน ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ
0.7-0.8 อย่างไรก็ตาม สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ DIW ได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวของจีดีพีในช่วงเวลาเดียว
กันไว้ที่ร้อยละ 0.3 รวมทั้งได้คาดการณ์อัตราการขยายตัวของจีดีพีในช่วงไตรมาสแรกปี 48 ที่ร้อยละ 0.5 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 14 ก.พ. 48 11 ก.พ. 48 30 ม.ค. 47 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.582 39.263 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 38.4074/38.7012 39.0915/39.3765 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 2.1875-2.2000 1.1875 - 1.2800 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 726.20/22.40 698.90/29.26 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 7,700/7,800 7,550/7,650 7,400/7,500 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 38.98 39.22 28.18 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 19.69*/14.59 19.69*/14.59 16.99/14.59 ปตท.
* ปรับเพิ่ม ลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 26 ม.ค.47
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--