“อลงกรณ์” แฉ ปลัด กทม.วางยา “อภิรักษ์” เตรียมเชิญสอบรอบ 2 หลังพบพิรุธให้ข้อมูลไม่ตรงกับเอกสาร ทวงถามถึงเจตนาที่แท้จริง ชี้ ดีเอสไอสอบสวนไม่ตรงไปตรงมา เลือกปฏิบัติ เผยดีเดย์ 29 ม.ค.นี้ เฉลย แน่ใครคือ “มาดาม ทเวลพอยท์ไฟท์” จอมฮั้วโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำสนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 8,000 ล้านบาท ยันเรียก “หญิงหน่อย” ชี้แจงแน่
นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาสอบสวนกรณีทุจริตโครงการก่อสร้างถนนและทางลอด 16 โครงการของกรุงเทพมหานคร ว่า กรรมาธิการจะเชิญผู้ว่าฯ กทม. รองผู้ว่าฯ กทม. และปลัด กทม.รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องและตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาที่ร้องเรียนเข้าชี้แจง โดยหลังจากฟังคำชี้แจงจากทุกฝ่ายแล้ว จะพิจารณาสรุปผลการสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการยังมีความสงสัยโดยเฉพาะกรณีของปลัดกทม. ที่ต้องเชิญมารอบ 2 เพราะคำให้การของปลัด กทม.เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่อพิรุธที่ปฏิเสธว่าไม่ได้อ่านเอกสารเลย ทั้งๆ ที่เป็นโครงการที่มีมูลค่าการลงทุนถึงหมื่นกว่าล้านบาท กรรมาธิการจึงข้องใจ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานบันทึกรายงานการประชุมกรรมการกลั่นกรองงานในความรับผิดชอบของปลัด กทม.ที่ประชุมครั้งที่ 7/2548 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2548 ซึ่งมีปลัด กทม.เป็นประธานในที่ประชุม มีรองปลัดที่รับผิดชอบโครงการก่อสร้างดังกล่าวเข้าร่วมประชุมด้วย
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ในรายงานการประชุม ระบุว่า ปลัด กทม.ได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยที่มีผู้ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่าโครงการก่อสร้างมีความไม่โปร่งใส จึงขอให้ระงับการประกวดราคาไปก่อน โดยปลัด กทม.ยังระบุว่า ยังมีโทรศัพท์ร้องเรียน และขอให้เลื่อนการประมูลออกไปด้วย โดยการประชุมเริ่มเมื่อเวลา 08.30 น.ก่อนเวลาที่จะทำการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ปรากฏว่า ในบันทึกรายงานการประชุมมีการทักท้วงว่าการร้องเรียนดังกล่าวเป็นการอุทธรณ์ต้องรายงานกับผู้ว่าฯกทม.ซึ่งท้ายที่สุด ที่ประชุมยืนยันว่า การกำหนดหลักเกณฑ์ทางเทคนิคและการประกวดราคาเป็นเรื่องที่ชี้แจงได้ ที่ประชุมจึงมีมติให้มีการประกวดราคาต่อ โดยจะรายงานผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ กทม.ให้รับทราบในภายหลัง
“ผมคิดว่าข้อเท็จจริงที่ยกรายงานการประชุมมา ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ตามที่ปลัด กทม.ระบุว่า อย่าไปเชื่อข่าวให้เชื่อเอกสาร จึงอยากถามปลัด กทม.ว่า ทำไมจึงไม่รายงานขอความเห็นจากรองผู้ว่าฯ กทม.(นายสามารถ ราชพลสิทธิ์) ซึ่งรับผิดชอบงานโยธา และผู้ว่าฯ กทม.เพื่อระงับการประมูล และเลื่อนการประมูลออกไป และทำไมจึงไม่ชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงต่อกรรมาธิการ ป.ป.ช.เสมือนหนึ่งมีพิรุธที่จะปกปิดข้อเท็จจริงบางประการ จึงขอถามว่า เจตนาที่แท้จริงของปลัด กทม.เป็นอย่างไร และนอกจากบันทึกดังกล่าวแล้ว ยังมีเอกสารยืนยันว่า ปลัด กทม.รู้เรื่องนี้ และยังลงชื่อให้รองฯผู้ว่าให้ความเห็นชอบ โดยได้เกษียณหนังสือให้เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงอยากถามเจตนาของปลัด กทม. ที่ไม่พูดความจริงทั้งหมด และการเร่งรัดโครงการโดยการเกษียณหนังสือหมายความว่าอย่างไร" นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการ ยืนยันว่า ประธานกรรมาธิการ (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคไทยรักไทย และกรรมาธิการในซีกของพรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบสวนโดยให้ความเป็นธรรมครบถ้วน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับ ซี 5-7 ไปจนถึงรองผู้ว่าฯ กทม.และผู้ว่าฯ กทม.โดยจะหาว่ามีการกระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาแก่หน่วยงานของรัฐหรือไม่ และจะสอบสวนว่ามีการทุจริตกินสินบนในโครงการนี้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือนักการเมือง หากพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดและบกพร่องต่อหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติจะต้องรับผิดชอบ
“เราไม่สอบแบบกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีการออกหมายเรียกระดับล่างและระดับบน แต่ผู้บริหารระดับกลางโดยเฉพาะปลัด กทม.ซึ่งมีความสำคัญแต่ไม่ปรากฏชื่อ จึงส่อว่าดีเอสไอไม่ได้ดำเนินการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเท่าที่ควรจะเป็นความจริงจะต้องพิสูจน์ว่าใครจะเป็นทองแท้ ทองเทียม ก็ต้องพิสูจน์ ขอเพียงอย่ากลัวความจริง แต่ที่ผ่านมาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด จะด้วยความจงใจหรือไม่ก็ตาม ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของ กทม.และเป็นการเสนอเรื่องให้ผู้ว่าฯกทม.ลงนาม ท่านมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้โดยตลอด ไม่ใช่บอกว่าไม่รู้รายละเอียดและลงนามโครงการระดับหมื่นล้านโดยไม่ได้อ่านเอกสาร จึงเป็นเรื่องที่รับฟังไม่ได้ กรรมาธิการจะให้โอกาสปลัด กทม.ชี้แจงในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (30 ม.ค.) โดยขอให้นำหลักฐานมายืนยันคำพูดด้วย เพราะกรรมาธิการจะพิจารณาบนหลักฐานข้อเท็จจริง" นายอลงกรณ์ กล่าว
ส่วนกรณี นายสามารถ ราชพลสิทธ์ รองผู้ว่าฯ กทม.ซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ด้วยเงินสด 5 ล้านบาทนั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยว่า คำกล่าวอ้างที่ระบุว่าเป็นเงินสะสมโดยได้ขายหลักทรัพย์เป็นเงินสดแล้วนำมาซื้อ จะต้องเอาหลักฐานมายืนยันถึงที่มาของรายได้ และหลักทรัพย์ที่ขายว่า มีการเบิกถอนจากบัญชีเงินฝากจริงหรือไม่ โดยจะต้องนำหลักฐานมาพิสูจน์และชี้แจงต่อกรรมาธิการ สำหรับการตรวจสอบผู้ว่าฯ กทม.จะสอบถามถึงการใช้อำนาจหน้าที่การมอบหมายงาน รวมถึงความรับผิดชอบในโครงการดังกล่าว โดยกรรมาธิการจะขอเอกสารทั้งหมด โดยเฉพาะคำสั่งยกเลิกการประมูลทั้ง 2 รอบ ตั้งแต่การร้องเรียนครั้งแรกและครั้งที่สอง พร้อมกับจะขอผลการสอบข้อเท็จจริงของ นายรัฐพล มีธนาถาวร ปลัด กทม.นอกจากนี้ กรรมาธิการได้เชิญบริษัทผู้รับเหมาทั้งที่ได้รับการประมูลแล้ว ถูกยกเลิกการประมูลและผู้รับเหมาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาให้ข้อมูลด้วย โดยกรรมาธิการจะดำเนินการให้เสร็จก่อนวันที่ 5 ก.พ.
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า การที่ปลัด กทม.ซึ่งเป็นข้าราชการประจำไม่รีบรายงานปัญหาทั้งหมดให้ผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองทราบ มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการวางยาผู้ว่าฯ เพราะหลายครั้งคำชี้แจงของปลัด กทม.กับหลักฐานไม่ตรงกัน ดังนั้น ขอให้ปลัด กทม.พูดความจริง เพราะเอกสารต่างๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ กรรมาธิการจึงให้โอกาสปลัด กทม.อีกครั้ง
“ในมุมของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นข่าวปล่อยของพรรคไทยรักไทยหรือไม่ก็ตาม แต่มีอยู่ 2 กรณีที่พรรคให้ความสนใจ คือ กรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้ข่าวว่ามีการจ่ายเงินสินบนในโครงการนี้ไปแล้ว 4,000 ล้านบาท ในเดือนตุลาคม 2548 และกรณีการปล่อยข่าวการแจกรถบีเอ็ม 2 คัน รถเบนซ์ 1 คัน โดยพรรคได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้มาโดยตลอดจากบริษัทขายรถยนต์ ซึ่งหากพบว่าเรื่องนี้เป็นการปล่อยข่าวก็ขอเรียกร้องจริยธรรมไปถึงคุณหญิงสุดารัตน์ และพรรคไทยรักไทย ว่า ต้องรับผิดชอบคำพูด แต่หากเป็นจริงพรรคจะลงโทษไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือใครก็ตาม เพราะเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวถึงโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำของสนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 8,000 ล้านบาท ด้วยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดเผย “มาดาม ทเวลพอยท์ไฟท์” ในโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำของสนามบินสุวรรณภูมิวงเงิน 8,000 ล้านบาท โดยกรรมาธิการได้รับร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการลงนามในสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทที่ประมูลได้เป็นบริษัทเจ้าของเดียวกับบริษัทเครือญาติในรัฐบาล ดังนั้น กรรมาธิการจะเรียกคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาชี้แจงด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ม.ค. 2549--จบ--
นายอลงกรณ์ พลบุตร ส.ส.เพชรบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ในฐานะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาสอบสวนกรณีทุจริตโครงการก่อสร้างถนนและทางลอด 16 โครงการของกรุงเทพมหานคร ว่า กรรมาธิการจะเชิญผู้ว่าฯ กทม. รองผู้ว่าฯ กทม. และปลัด กทม.รวมถึงข้าราชการที่เกี่ยวข้องและตัวแทนบริษัทผู้รับเหมาที่ร้องเรียนเข้าชี้แจง โดยหลังจากฟังคำชี้แจงจากทุกฝ่ายแล้ว จะพิจารณาสรุปผลการสอบสวนภายในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม กรรมาธิการยังมีความสงสัยโดยเฉพาะกรณีของปลัดกทม. ที่ต้องเชิญมารอบ 2 เพราะคำให้การของปลัด กทม.เมื่อวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ส่อพิรุธที่ปฏิเสธว่าไม่ได้อ่านเอกสารเลย ทั้งๆ ที่เป็นโครงการที่มีมูลค่าการลงทุนถึงหมื่นกว่าล้านบาท กรรมาธิการจึงข้องใจ นอกจากนี้ ยังพบหลักฐานบันทึกรายงานการประชุมกรรมการกลั่นกรองงานในความรับผิดชอบของปลัด กทม.ที่ประชุมครั้งที่ 7/2548 เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม 2548 ซึ่งมีปลัด กทม.เป็นประธานในที่ประชุม มีรองปลัดที่รับผิดชอบโครงการก่อสร้างดังกล่าวเข้าร่วมประชุมด้วย
นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า ในรายงานการประชุม ระบุว่า ปลัด กทม.ได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยที่มีผู้ร้องเรียนต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่าโครงการก่อสร้างมีความไม่โปร่งใส จึงขอให้ระงับการประกวดราคาไปก่อน โดยปลัด กทม.ยังระบุว่า ยังมีโทรศัพท์ร้องเรียน และขอให้เลื่อนการประมูลออกไปด้วย โดยการประชุมเริ่มเมื่อเวลา 08.30 น.ก่อนเวลาที่จะทำการประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ แต่ปรากฏว่า ในบันทึกรายงานการประชุมมีการทักท้วงว่าการร้องเรียนดังกล่าวเป็นการอุทธรณ์ต้องรายงานกับผู้ว่าฯกทม.ซึ่งท้ายที่สุด ที่ประชุมยืนยันว่า การกำหนดหลักเกณฑ์ทางเทคนิคและการประกวดราคาเป็นเรื่องที่ชี้แจงได้ ที่ประชุมจึงมีมติให้มีการประกวดราคาต่อ โดยจะรายงานผู้ว่าฯ และรองผู้ว่าฯ กทม.ให้รับทราบในภายหลัง
“ผมคิดว่าข้อเท็จจริงที่ยกรายงานการประชุมมา ไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่เป็นข่าวทางหน้าหนังสือพิมพ์ตามที่ปลัด กทม.ระบุว่า อย่าไปเชื่อข่าวให้เชื่อเอกสาร จึงอยากถามปลัด กทม.ว่า ทำไมจึงไม่รายงานขอความเห็นจากรองผู้ว่าฯ กทม.(นายสามารถ ราชพลสิทธิ์) ซึ่งรับผิดชอบงานโยธา และผู้ว่าฯ กทม.เพื่อระงับการประมูล และเลื่อนการประมูลออกไป และทำไมจึงไม่ชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงต่อกรรมาธิการ ป.ป.ช.เสมือนหนึ่งมีพิรุธที่จะปกปิดข้อเท็จจริงบางประการ จึงขอถามว่า เจตนาที่แท้จริงของปลัด กทม.เป็นอย่างไร และนอกจากบันทึกดังกล่าวแล้ว ยังมีเอกสารยืนยันว่า ปลัด กทม.รู้เรื่องนี้ และยังลงชื่อให้รองฯผู้ว่าให้ความเห็นชอบ โดยได้เกษียณหนังสือให้เร่งรัดการดำเนินการในเรื่องดังกล่าว จึงอยากถามเจตนาของปลัด กทม. ที่ไม่พูดความจริงทั้งหมด และการเร่งรัดโครงการโดยการเกษียณหนังสือหมายความว่าอย่างไร" นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ กล่าวอีกว่า คณะกรรมาธิการ ยืนยันว่า ประธานกรรมาธิการ (นายเทวัญ ลิปตพัลลภ) ซึ่งเป็น ส.ส.พรรคไทยรักไทย และกรรมาธิการในซีกของพรรคประชาธิปัตย์ ได้สอบสวนโดยให้ความเป็นธรรมครบถ้วน ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ระดับ ซี 5-7 ไปจนถึงรองผู้ว่าฯ กทม.และผู้ว่าฯ กทม.โดยจะหาว่ามีการกระทำความผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาแก่หน่วยงานของรัฐหรือไม่ และจะสอบสวนว่ามีการทุจริตกินสินบนในโครงการนี้หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือนักการเมือง หากพบว่าเข้าข่ายกระทำความผิดและบกพร่องต่อหน้าที่ในการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติจะต้องรับผิดชอบ
“เราไม่สอบแบบกรมสอบสวนคดีพิเศษ ที่มีการออกหมายเรียกระดับล่างและระดับบน แต่ผู้บริหารระดับกลางโดยเฉพาะปลัด กทม.ซึ่งมีความสำคัญแต่ไม่ปรากฏชื่อ จึงส่อว่าดีเอสไอไม่ได้ดำเนินการสอบสวนอย่างตรงไปตรงมาเท่าที่ควรจะเป็นความจริงจะต้องพิสูจน์ว่าใครจะเป็นทองแท้ ทองเทียม ก็ต้องพิสูจน์ ขอเพียงอย่ากลัวความจริง แต่ที่ผ่านมาไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด จะด้วยความจงใจหรือไม่ก็ตาม ในฐานะผู้บริหารระดับสูงของ กทม.และเป็นการเสนอเรื่องให้ผู้ว่าฯกทม.ลงนาม ท่านมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้โดยตลอด ไม่ใช่บอกว่าไม่รู้รายละเอียดและลงนามโครงการระดับหมื่นล้านโดยไม่ได้อ่านเอกสาร จึงเป็นเรื่องที่รับฟังไม่ได้ กรรมาธิการจะให้โอกาสปลัด กทม.ชี้แจงในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ (30 ม.ค.) โดยขอให้นำหลักฐานมายืนยันคำพูดด้วย เพราะกรรมาธิการจะพิจารณาบนหลักฐานข้อเท็จจริง" นายอลงกรณ์ กล่าว
ส่วนกรณี นายสามารถ ราชพลสิทธ์ รองผู้ว่าฯ กทม.ซื้อรถบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 ด้วยเงินสด 5 ล้านบาทนั้น นายอลงกรณ์ กล่าวว่า คณะกรรมาธิการจะสอบสวนเรื่องนี้ด้วยว่า คำกล่าวอ้างที่ระบุว่าเป็นเงินสะสมโดยได้ขายหลักทรัพย์เป็นเงินสดแล้วนำมาซื้อ จะต้องเอาหลักฐานมายืนยันถึงที่มาของรายได้ และหลักทรัพย์ที่ขายว่า มีการเบิกถอนจากบัญชีเงินฝากจริงหรือไม่ โดยจะต้องนำหลักฐานมาพิสูจน์และชี้แจงต่อกรรมาธิการ สำหรับการตรวจสอบผู้ว่าฯ กทม.จะสอบถามถึงการใช้อำนาจหน้าที่การมอบหมายงาน รวมถึงความรับผิดชอบในโครงการดังกล่าว โดยกรรมาธิการจะขอเอกสารทั้งหมด โดยเฉพาะคำสั่งยกเลิกการประมูลทั้ง 2 รอบ ตั้งแต่การร้องเรียนครั้งแรกและครั้งที่สอง พร้อมกับจะขอผลการสอบข้อเท็จจริงของ นายรัฐพล มีธนาถาวร ปลัด กทม.นอกจากนี้ กรรมาธิการได้เชิญบริษัทผู้รับเหมาทั้งที่ได้รับการประมูลแล้ว ถูกยกเลิกการประมูลและผู้รับเหมาที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมาให้ข้อมูลด้วย โดยกรรมาธิการจะดำเนินการให้เสร็จก่อนวันที่ 5 ก.พ.
นายอลงกรณ์ กล่าวด้วยว่า การที่ปลัด กทม.ซึ่งเป็นข้าราชการประจำไม่รีบรายงานปัญหาทั้งหมดให้ผู้ว่าฯ กทม.ซึ่งเป็นข้าราชการการเมืองทราบ มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นการวางยาผู้ว่าฯ เพราะหลายครั้งคำชี้แจงของปลัด กทม.กับหลักฐานไม่ตรงกัน ดังนั้น ขอให้ปลัด กทม.พูดความจริง เพราะเอกสารต่างๆ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้ กรรมาธิการจึงให้โอกาสปลัด กทม.อีกครั้ง
“ในมุมของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นข่าวปล่อยของพรรคไทยรักไทยหรือไม่ก็ตาม แต่มีอยู่ 2 กรณีที่พรรคให้ความสนใจ คือ กรณีที่ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ให้ข่าวว่ามีการจ่ายเงินสินบนในโครงการนี้ไปแล้ว 4,000 ล้านบาท ในเดือนตุลาคม 2548 และกรณีการปล่อยข่าวการแจกรถบีเอ็ม 2 คัน รถเบนซ์ 1 คัน โดยพรรคได้ดำเนินการสอบสวนเรื่องนี้มาโดยตลอดจากบริษัทขายรถยนต์ ซึ่งหากพบว่าเรื่องนี้เป็นการปล่อยข่าวก็ขอเรียกร้องจริยธรรมไปถึงคุณหญิงสุดารัตน์ และพรรคไทยรักไทย ว่า ต้องรับผิดชอบคำพูด แต่หากเป็นจริงพรรคจะลงโทษไม่ว่าจะเป็น ส.ส.หรือใครก็ตาม เพราะเรื่องนี้อยู่ในความสนใจของประชาชน” นายอลงกรณ์ กล่าว
นายอลงกรณ์ ยังกล่าวถึงโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำของสนามบินสุวรรณภูมิ วงเงิน 8,000 ล้านบาท ด้วยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดเผย “มาดาม ทเวลพอยท์ไฟท์” ในโครงการก่อสร้างระบบระบายน้ำของสนามบินสุวรรณภูมิวงเงิน 8,000 ล้านบาท โดยกรรมาธิการได้รับร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2548 ซึ่งเรื่องนี้ได้มีการลงนามในสัญญาไปเรียบร้อยแล้ว โดยบริษัทที่ประมูลได้เป็นบริษัทเจ้าของเดียวกับบริษัทเครือญาติในรัฐบาล ดังนั้น กรรมาธิการจะเรียกคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มาชี้แจงด้วย
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 ม.ค. 2549--จบ--