วอล-มาร์ตกำหนดมาตรฐานสินค้ากุ้งที่วางขายในห้าง

          วอล-มาร์ต ห้างขายปลีกรายใหญ่ของสหรัฐฯ ซึ่งมีสาขาราว 5,000 แห่งทั่วโลก ได้กำหนดให้สินค้ากุ้งที่วางจำหน่ายในห้างต้องเป็นกุ้งที่หน่วยงานรับรองมาตรฐานของภาคเอกชนในสหรัฐฯ หรือ Aquaculture Certification Council,Inc (ACC) รับรองว่ากระบวนการเพาะเลี้ยงและแปรรูปต้องเป็นไปตามมาตรฐาน Best Aquaculture Practices (BAP) ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ให้ความสำคัญกับสังคม สิ่งแวดล้อม
ความปลอดภัยด้านอาหาร และสามารถตรวจสอบย้อนกลับที่มาของสินค้าได้ โดยจะมีผลบังคับใช้สำหรับโรงงานแปรรูปกุ้ง (ห้องเย็น) ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2549 และสำหรับฟาร์มเพาะเลี้ยงกุ้งตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2550 
          ผู้แทนสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย ให้ความเห็นว่า แม้บริษัทรายใหญ่ที่ส่งออกกุ้งให้กับห้างวอล-มาร์ต จะต้องมีภาระเพิ่มขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและค่าใช้จ่ายในการสมัครขอรับการตรวจรับรองมาตรฐาน แต่บริษัทส่วนใหญ่ก็ได้ผ่านการรับรองมาตรฐานแล้ว อาทิ รูบิคอนกรุ๊ป บริษัทยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด และบริษัทไทยรอยัล ฟรอเซ่นฟู้ด จำกัด เป็นต้น โดยผู้แทนบริษัทต่างๆ ข้างต้นได้แสดงความเห็นว่า บริษัทและกลุ่มบริษัทยินยอมแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากวอล-มาร์ต เป็นผู้ซื้อรายใหญ่ในสหรัฐฯ ที่ไทยต้องรักษาตลาดเอาไว้ ทั้งนี้อย่างไรก็ตาม
          ภาครัฐบาลไทยโดยกรมประมงอยู่ระหว่างการติดต่อกับหน่วยงานอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐฯ เพื่อขอให้วอล-มาร์ตยอมรับหนังสือรับรองที่ออกโดยกรมประมงของไทยโดยไม่ต้องให้ ACC มาตรวจสอบ
มาตรฐานอีกครั้ง เพื่อเป็นการลดภาระค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ประกอบการ
ประเด็นวิเคราะห์
          การกำหนดมาตรฐานดังกล่าวของห้างวอล-มาร์ต อาจไม่ส่งผลกระทบมากนักต่อบริษัทส่งออกรายใหญ่ แต่ผู้ประกอบการรายย่อยจะได้รับส่งผลกระทบอย่างมากในการแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องเข้าสู่ระบบของวอล-มาร์ต ดังนั้นหากรัฐบาลไทยโดยกรมประมงสามารถเจรจาต่อรองกับ FDA ของสหรัฐฯสำเร็จก็จะเอื้ออำนวยให้ฟาร์มกุ้งที่มีอยู่ในประเทศไทยประมาณ 30,000 ฟาร์มสามารถอยู่รอดได้ ทั้งนี้อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการรายย่อยควรจะรวมกลุ่มกัน เพื่อเพิ่มอำนาจในการต่อรอง เพิ่มศักยภาพในการผลิตพร้อมกับสามารถเพิ่มช่องทางในการปรับปรุงมาตรฐานสินค้าได้มากขึ้นกว่าการดำเนินการเองแต่เพียงผู้เดียว
          ที่มา: http://www.depthai.go.th

---