นายวิชัย ศรีประเสริฐ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไรซ์แลนด์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กรรมการสมาคมผ้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าวภายหลังกลับจากการประชุมข้าวโลก (Global Rice Conference) เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ประเทศเวียดนาม ว่า ระหว่างการประชุมได้มีการพูดถึงทิศทางราคาข้าวโลกต่อจากนี้ไปจนถึง 2550 มี่แนวโน้มจะปรับตัวสูงขึ้นจากมากจาก 3 สาเหตุหลัก ได้แก่
1) หลายประเทศประสบปัญหาภัยธรรมชาติ ดินฟ้าอากาศปั่นป่วนจากปรากฏการณ์
เอลนิโญ ทำให้ประเทศผู้ผลิตข้าวบางประเทศมีผลผลิตไม่เพียงพอต่อการบริโภคภายในประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ บังกลาเทศ บราซิล ออสเตรเลีย และจีน จึงมีแนวโน้มว่า ประเทศเหล่านี้มีความต้องการนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้นจำนวนมาก
2) พื้นที่ปลูกข้าวทั่วโลกลดลง เนื่องจากมีการใช้ที่ดินไปปลูกพืชเกษตรอื่น โดยเฉพาะพืชน้ำมันที่สามารถนำไปผลิตเป็นพลังงานทดแทน ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการค้าข้าวทั่วโลก
3) สต๊อกพืชพันธุ์ธัญญาหารทุกประเภท “ต่ำที่สุด” เป็นประวัติการณ์ จึงถือเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่จะระบายข้าวในสต๊อกประมาณ 3 ล้านตันออกมา จึงมีความเป็นไปได้ที่ประเทศไทยจะสามารถส่งออกข้าวได้สูงสุดถึง 12 ล้านตันในปี 2550 จากปัจจัยทั้งหมดที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นโอกาสของประเทศไทยที่จะส่งข้าวออกไปขายและรัฐบาลเองก็สามารถระบายสต๊อกข้าวออกมาได้โดยไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องราคาจะตกต่ำ
ประเด็นวิเคราะห์
การที่ราคาน้ำมันที่กำลังปรับตัวสูงขึ้น จึงส่งผลให้เกษตรกรนำที่ดินซึ่งปลูกข้าวไปปลูกพืชเกษตรอื่น เพื่ผลิตแก๊สโซฮอล์ทดแทนพลังงานน้ำมันโดยเฉพาะ การปลูกข้าวโพด-มันสำปะหลัง-อ้อยและอื่น ๆ เพราะได้ราคาดีกว่า เรื่องนี้กำลังจะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของหลายประเทศมีการปลูกข้าวลดลงและไม่พอบริโภคภายในประเทศ
ที่มา: http://www.depthai.go.th