ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. กนง.ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5% ต่อปีเช่นเดิม นายอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 ปี 49 ว่ามีแนวโน้มชะลอตัว
ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนหลายประการ รวมทั้งราคาน้ำมันซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวต่อไประยะหนึ่ง โดย
เฉพาะการลงทุนภาคเอกชน โดยที่ประชุมได้มีการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบจากระดับ 62 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล เป็น
71 ดอลลลาร์ สรอ./บาร์เรล ซึ่งแรงกดดันจากราคาน้ำมันทำให้เงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าที่คาดไว้ และมีผลทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้
จริงกลับมาเป็นบวกช้ากว่าที่ประมาณการไว้เช่นกัน โดยคาดว่าในเดือน ส.ค. อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจึงจะกลับมาเป็นบวก สำหรับปัจจุบันอัตรา
ดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงติดลบที่ 0.4% อย่างไรก็ตาม การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง จะช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อพื้นฐาน ทำให้เงินเฟ้อพื้น
ฐานยังอยู่ในเป้าหมายคือระหว่าง 0-3.5% ดังนั้น กนง.จึงเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันน่าจะเหมาะสม และเอื้อให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภค
สามารถปรับตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงเห็นควรคงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืน พธบ.ระยะ 14 วัน (อาร์พี) ไว้ที่ 5% ต่อปี (ข่าวสด,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. การส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย.49 ขยายตัวดีเมื่อเทียบกับปีก่อน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นรม.และ รมว.พาณิชย์
กล่าวถึงตัวเลขการส่งออกในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า มูลค่าการส่งออกมีอัตราการเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 18 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ เป็นการส่งออกที่มีมูลค่าเกินกว่า 1 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เป็นเดือนที่ 3 อย่างไร
ก็ตาม จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มการขาดดุลการค้ายังคงอยู่ แต่คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. นักลงทุนญี่ปุ่นลดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นรม.และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภาย
หลังการหารือร่วมกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ถึงผลวิจัยทรรศนะของนักลงทุนญี่ปุ่นต่อการลงทุนในไทย ซึ่ง
พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นมีความกังวลต่อราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น โดยมองว่าจะกระทบต่อเนื่องต่อต้นทุนและการค้าเป็นอันดับแรก และปัจจัยที่มีน้ำหนักเพิ่ม
มากขึ้นคือ สถานการณ์ทางการเมืองจากเคยอยู่อันดับที่ 18 ของปัจจัยทั้งหมดพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 6 ทั้งนี้ จากการสอบถามดัชนีความรู้สึกของนักลงทุน
ญี่ปุ่นต่อประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นได้ลดอันดับน่าลงทุนของไทยเหลือเท่ากับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ยัง
ต่ำกว่ามาเลเซีย จากที่ช่วงก่อนหน้า ไทยเคยอยู่เหนืออินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และพัฒนาเรื่อยมาจนอยู่เหนือสิงคโปร์ (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้,
ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานสรอ. ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นขณะที่ตลาดบ้านชะลอตัว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 49
ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย.ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหาร และพลังงาน ของสรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และมากกว่าที่วอลสตรีทคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมคาดว่าจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เนื่องจากคาดว่าราคาพลังงานในเดือน มิ.ย. จะลดลงร้อยละ 0.9 ทั้งนี้นาย Ben Bernanke ประธาน ธ.กลาง สรอ.
กล่าวว่า เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นอันตรายต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ ธ.กลาง คาดว่าทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อจะอยู่
ในระดับกลาง เขากล่าวว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว และคาดว่าจะสามารถลดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อลงได้ ความเห็นของประธาน
ธ.กลางดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีการเทขายเงินดอลลาร์ สรอ. อย่างมาก ส่วนตลาดบ้านชะลอตัวลงเนื่องจากความวิตกว่าภาวะ
เงินเฟ้อจะทำให้ ธ.กลาง พิจารณาตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ (รอยเตอร์)
2. เขตยูโรขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.49 รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 19 ก.ค.49
สนง.สถิติของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า เขตยูโรขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.49 เพิ่มขึ้น โดยตัวเลขที่ยังไม่ปรับตามฤดูกาลอยู่ที่ 3.2 พันล้านยูโร
(4 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับตัวเลขขาดดุลการค้าที่ปรับแล้ว 1.9 พันล้านยูโร ในเดือน เม.ย.49 และเกินดุลการค้า 2.3 พันล้านยูโร
ในเดือน พ.ค.48 โดยมีปัจจัยมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นและความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กระตุ้นให้
มีการนำเข้าสินค้ามากกว่าการส่งออก ซึ่งตัวเลขการนำเข้าที่ยังไม่ปรับตามฤดูกาลในเดือน พ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เทียบต่อปี ขณะที่การ
ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ส่วนตัวเลขที่ปรับแล้วเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้น 0.9 พันล้านยูโร จาก 0.7 พันล้านยูโร ในเดือน เม.ย. โดยการส่งออก
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการส่งออกยังคงขยายตัวต่อเนื่องและเป็นปัจจัยหลักสำหรับการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้พร้อมกับการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ทั้งนี้ แม้ว่าการนำเข้าของเขตยูโรจะขยายตัวสูงขึ้นใน
เดือน พ.ค. ซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันแพง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศมีส่วนสัมพันธ์กับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเช่นกัน
โดยคณะกรรมาธิการของสหภาพยุโรปและ ธ.กลางสหภาพยุโรปคาดว่าเศรษฐกิจของเขตยูโรในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.3
ในปี 48 ซึ่งการส่งออกและความต้องการบริโภคภายในประเทศจะเป็นปัจจัยหลักในการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ อนึ่ง การขาดดุลการค้าของ
25 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปในเดือน พ.ค.49 อยู่ที่ระดับ 15.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจาก 14.5 พันล้านยูโร ในเดือน เม.ย. และ
7.3 พันล้านยูโร ในปีก่อน (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมนีในเดือน มิ.ย.49 ชะลอลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนที่ร้อยละ 6.1 เทียบต่อปี รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 19 ก.ค.49 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมนีในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อ
เดือน และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 นับเป็นการชะลอลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หลังจากที่ในเดือน พ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1
และร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบต่อเดือนและต่อปีตามลำดับ (ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 24 ปี) ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดย
รอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบต่อปี อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมราคา
พลังงานแล้ว ดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 และร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบต่อเดือน และต่อปี ตามลำดับ หลังจากที่
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และร้อยละ 2.3 ในเดือนก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปีต่ำกว่าที่คาดไว้ รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ
19 ก.ค.49 ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปีในเดือน มิ.ย.49 ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
4.2 ต่อปี โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการขึ้นค่าใช้กระแสไฟฟ้าเฉลี่ยร้อยละ 12 นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.49 เป็นต้นมาเป็นครั้งแรกในรอบ
9 ปีจะทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.49 สูงขึ้น แต่เนื่องจากค่าใช้กระแสไฟฟ้ามีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคไม่มากนัก ดัชนี
ราคาผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.49 จึงยังอยู่ในระดับคงที่ที่ร้อยละ 3.9 ต่อปีเท่ากับเดือน พ.ค.49 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ต่อปีในเดือน
เม.ย.49 และร้อยละ 4.8 ต่อปีในเดือน มี.ค.49 ซึ่งนับเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีในเดือน ม.ค.42 ทั้งนี้ในช่วง
6 เดือนแรกของปี 49 ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าขนส่งและราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และ
บุหรี่ที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.49 จะเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า
ธ.กลางมาเลเซียจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมในวันที่ 28 ก.ค.49 นี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วร้อยละ
0.80 ต่อปีในเดือน พ.ย.48, ก.พ.และ เม.ย.49 ที่ผ่านมาทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปีเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อที่มี
แนวโน้มสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือน พ.ย.48 เป็นต้นมาจากราคาน้ำมัน บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่เพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 ก.ค. 49 19 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.196 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.9878/38.2828 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.15 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 660.11/ 8.83 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,550/11,650 11,400/11,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.13 69.18 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ก.ค. 49 30.19*/27.94* 30.19*/27.94* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. กนง.ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 5% ต่อปีเช่นเดิม นายอัจนา ไวความดี ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
(ธปท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประเมินเศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 ปี 49 ว่ามีแนวโน้มชะลอตัว
ภายใต้สถานการณ์ความไม่แน่นอนหลายประการ รวมทั้งราคาน้ำมันซึ่งเป็นความเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัวต่อไประยะหนึ่ง โดย
เฉพาะการลงทุนภาคเอกชน โดยที่ประชุมได้มีการเปลี่ยนแปลงสมมติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบจากระดับ 62 ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล เป็น
71 ดอลลลาร์ สรอ./บาร์เรล ซึ่งแรงกดดันจากราคาน้ำมันทำให้เงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มลดลงช้ากว่าที่คาดไว้ และมีผลทำให้อัตราดอกเบี้ยที่แท้
จริงกลับมาเป็นบวกช้ากว่าที่ประมาณการไว้เช่นกัน โดยคาดว่าในเดือน ส.ค. อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงจึงจะกลับมาเป็นบวก สำหรับปัจจุบันอัตรา
ดอกเบี้ยที่แท้จริงยังคงติดลบที่ 0.4% อย่างไรก็ตาม การขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง จะช่วยลดแรงกดดันต่อเงินเฟ้อพื้นฐาน ทำให้เงินเฟ้อพื้น
ฐานยังอยู่ในเป้าหมายคือระหว่าง 0-3.5% ดังนั้น กนง.จึงเห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันน่าจะเหมาะสม และเอื้อให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภค
สามารถปรับตัวได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป จึงเห็นควรคงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืน พธบ.ระยะ 14 วัน (อาร์พี) ไว้ที่ 5% ต่อปี (ข่าวสด,
กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้)
2. การส่งออกของไทยในเดือน มิ.ย.49 ขยายตัวดีเมื่อเทียบกับปีก่อน นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นรม.และ รมว.พาณิชย์
กล่าวถึงตัวเลขการส่งออกในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า มูลค่าการส่งออกมีอัตราการเติบโตดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยขยายตัวเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 18 คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้ เป็นการส่งออกที่มีมูลค่าเกินกว่า 1 หมื่น ล.ดอลลาร์ สรอ. เป็นเดือนที่ 3 อย่างไร
ก็ตาม จากภาวะราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ส่งผลให้แนวโน้มการขาดดุลการค้ายังคงอยู่ แต่คาดว่าจะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
(ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
3. นักลงทุนญี่ปุ่นลดความเชื่อมั่นต่อการลงทุนในประเทศไทย นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รอง นรม.และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภาย
หลังการหารือร่วมกับประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ถึงผลวิจัยทรรศนะของนักลงทุนญี่ปุ่นต่อการลงทุนในไทย ซึ่ง
พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นมีความกังวลต่อราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น โดยมองว่าจะกระทบต่อเนื่องต่อต้นทุนและการค้าเป็นอันดับแรก และปัจจัยที่มีน้ำหนักเพิ่ม
มากขึ้นคือ สถานการณ์ทางการเมืองจากเคยอยู่อันดับที่ 18 ของปัจจัยทั้งหมดพุ่งขึ้นมาเป็นอันดับ 6 ทั้งนี้ จากการสอบถามดัชนีความรู้สึกของนักลงทุน
ญี่ปุ่นต่อประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นในเอเชีย พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นได้ลดอันดับน่าลงทุนของไทยเหลือเท่ากับอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ แต่ยัง
ต่ำกว่ามาเลเซีย จากที่ช่วงก่อนหน้า ไทยเคยอยู่เหนืออินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ และพัฒนาเรื่อยมาจนอยู่เหนือสิงคโปร์ (ผู้จัดการรายวัน, โลกวันนี้,
ไทยโพสต์, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานสรอ. ในเดือน มิ.ย. เพิ่มขึ้นขณะที่ตลาดบ้านชะลอตัว รายงานจากวอชิงตัน เมื่อวันที่ 19 ก.ค. 49
ก.แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า ในเดือน มิ.ย.ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐานซึ่งไม่นับรวมราคาอาหาร และพลังงาน ของสรอ. เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3
เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 และมากกว่าที่วอลสตรีทคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.2 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคโดยรวมคาดว่าจะ
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เนื่องจากคาดว่าราคาพลังงานในเดือน มิ.ย. จะลดลงร้อยละ 0.9 ทั้งนี้นาย Ben Bernanke ประธาน ธ.กลาง สรอ.
กล่าวว่า เงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูงจะเป็นอันตรายต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจ แต่ ธ.กลาง คาดว่าทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อจะอยู่
ในระดับกลาง เขากล่าวว่าเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว และคาดว่าจะสามารถลดแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อลงได้ ความเห็นของประธาน
ธ.กลางดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นและมีการเทขายเงินดอลลาร์ สรอ. อย่างมาก ส่วนตลาดบ้านชะลอตัวลงเนื่องจากความวิตกว่าภาวะ
เงินเฟ้อจะทำให้ ธ.กลาง พิจารณาตัดสินใจที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ (รอยเตอร์)
2. เขตยูโรขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นในเดือน พ.ค.49 รายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม เมื่อวันที่ 19 ก.ค.49
สนง.สถิติของสหภาพยุโรป เปิดเผยว่า เขตยูโรขาดดุลการค้าในเดือน พ.ค.49 เพิ่มขึ้น โดยตัวเลขที่ยังไม่ปรับตามฤดูกาลอยู่ที่ 3.2 พันล้านยูโร
(4 พันล้านดอลลาร์ สรอ.) เทียบกับตัวเลขขาดดุลการค้าที่ปรับแล้ว 1.9 พันล้านยูโร ในเดือน เม.ย.49 และเกินดุลการค้า 2.3 พันล้านยูโร
ในเดือน พ.ค.48 โดยมีปัจจัยมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นและความต้องการบริโภคภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่กระตุ้นให้
มีการนำเข้าสินค้ามากกว่าการส่งออก ซึ่งตัวเลขการนำเข้าที่ยังไม่ปรับตามฤดูกาลในเดือน พ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 21 เทียบต่อปี ขณะที่การ
ส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 15 ส่วนตัวเลขที่ปรับแล้วเทียบต่อเดือนเพิ่มขึ้น 0.9 พันล้านยูโร จาก 0.7 พันล้านยูโร ในเดือน เม.ย. โดยการส่งออก
เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 และการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.4 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการส่งออกยังคงขยายตัวต่อเนื่องและเป็นปัจจัยหลักสำหรับการฟื้นตัวของ
เศรษฐกิจในภูมิภาคนี้พร้อมกับการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ ทั้งนี้ แม้ว่าการนำเข้าของเขตยูโรจะขยายตัวสูงขึ้นใน
เดือน พ.ค. ซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันแพง แต่ก็แสดงให้เห็นว่าความต้องการบริโภคภายในประเทศมีส่วนสัมพันธ์กับเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเช่นกัน
โดยคณะกรรมาธิการของสหภาพยุโรปและ ธ.กลางสหภาพยุโรปคาดว่าเศรษฐกิจของเขตยูโรในปีนี้จะขยายตัวร้อยละ 2.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 1.3
ในปี 48 ซึ่งการส่งออกและความต้องการบริโภคภายในประเทศจะเป็นปัจจัยหลักในการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ อนึ่ง การขาดดุลการค้าของ
25 ประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรปในเดือน พ.ค.49 อยู่ที่ระดับ 15.7 พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นจาก 14.5 พันล้านยูโร ในเดือน เม.ย. และ
7.3 พันล้านยูโร ในปีก่อน (รอยเตอร์)
3. ดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมนีในเดือน มิ.ย.49 ชะลอลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือนที่ร้อยละ 6.1 เทียบต่อปี รายงานจาก
เบอร์ลิน เมื่อ 19 ก.ค.49 สำนักงานสถิติเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้ผลิตของเยอรมนีในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบต่อ
เดือน และหากเทียบต่อปีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.1 นับเป็นการชะลอลงเป็นครั้งแรกในรอบ 8 เดือน หลังจากที่ในเดือน พ.ค.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1
และร้อยละ 6.2 เมื่อเทียบต่อเดือนและต่อปีตามลำดับ (ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราสูงสุดในรอบเกือบ 24 ปี) ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดย
รอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.2 เมื่อเทียบต่อเดือน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.9 เมื่อเทียบต่อปี อย่างไรก็ตาม หากไม่นับรวมราคา
พลังงานแล้ว ดัชนีราคาผู้ผลิตในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 และร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบต่อเดือน และต่อปี ตามลำดับ หลังจากที่
เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 และร้อยละ 2.3 ในเดือนก่อนหน้า (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียในเดือน มิ.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปีต่ำกว่าที่คาดไว้ รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ
19 ก.ค.49 ดัชนีราคาผู้บริโภคของมาเลเซียเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปีในเดือน มิ.ย.49 ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ
4.2 ต่อปี โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการขึ้นค่าใช้กระแสไฟฟ้าเฉลี่ยร้อยละ 12 นับตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย.49 เป็นต้นมาเป็นครั้งแรกในรอบ
9 ปีจะทำให้ดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.49 สูงขึ้น แต่เนื่องจากค่าใช้กระแสไฟฟ้ามีน้ำหนักในการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคไม่มากนัก ดัชนี
ราคาผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.49 จึงยังอยู่ในระดับคงที่ที่ร้อยละ 3.9 ต่อปีเท่ากับเดือน พ.ค.49 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ต่อปีในเดือน
เม.ย.49 และร้อยละ 4.8 ต่อปีในเดือน มี.ค.49 ซึ่งนับเป็นอัตราสูงสุดนับตั้งแต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 ต่อปีในเดือน ม.ค.42 ทั้งนี้ในช่วง
6 เดือนแรกของปี 49 ดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.9 ต่อปี โดยส่วนใหญ่เป็นผลมาจากค่าขนส่งและราคาของเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์และ
บุหรี่ที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ดี แม้ว่าดัชนีราคาผู้บริโภคในเดือน มิ.ย.49 จะเพิ่มขึ้นต่ำกว่าที่คาดไว้ แต่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่า
ธ.กลางมาเลเซียจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกร้อยละ 0.25 ต่อปีในการประชุมในวันที่ 28 ก.ค.49 นี้ หลังจากขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วร้อยละ
0.80 ต่อปีในเดือน พ.ย.48, ก.พ.และ เม.ย.49 ที่ผ่านมาทำให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อปีเพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อที่มี
แนวโน้มสูงขึ้นนับตั้งแต่เดือน พ.ย.48 เป็นต้นมาจากราคาน้ำมัน บุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ที่เพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 20 ก.ค. 49 19 ก.ค. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อม
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 38.196 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.9878/38.2828 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.15 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 660.11/ 8.83 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,550/11,650 11,400/11,500 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 69.13 69.18 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 11 ก.ค. 49 30.19*/27.94* 30.19*/27.94* 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--