ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. แนวโน้มสินเชื่อและเอ็นพีแอลที่ลดลงทำให้ ธ.พาณิชย์กันสำรองน้อยลง นายทำนอง ดาศรี ผอ.ฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.
เปิดเผยถึงกรณีที่เอ็นพีแอลของ ธ.พาณิชย์ ณ สิ้นเดือน ส.ค. ยังทรงตัวในระดับเดิม แต่ ธ.พาณิชย์มีการกันเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงว่า
ธ.พาณิชย์มีการระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้า ทำให้ล่าสุดเอ็นพีแอลในระบบ ธ.พาณิชย์กลับลดลงและส่งผลให้การกันสำรองค่า
เผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม หาก ธ.พาณิชย์ไทยมีการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงแสดงให้เห็นว่าธนาคารแต่ละแห่งมี
เอ็นพีแอลลดลงหรือมีเอ็นพีแอลที่เกิดใหม่ลดลง ดังนั้น เงินที่มีการกันสำรองฯ ไว้จะสามารถนำกลับมาเป็นรายได้ให้แก่ธนาคารต่อไปจากเดิมที่บันทึก
ทางบัญชีเป็นต้นทุนในการดำเนินงานของ ธ.พาณิชย์รายนั้น ซึ่งมั่นใจว่า ธ.พาณิชย์ไทยจะลดเอ็นพีแอลในระบบให้เหลือร้อยละ 2 ภายในปี 50 ได้
อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เอ็นพีแอลในระบบสถาบันการเงินยังคงทรงตัวเช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า โดยล่าสุดยอดเอ็นพีแอล ณ สิ้นเดือน ส.ค.49 มี
จำนวนทั้งสิ้น 484,701.31 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.23 ของสินเชื่อรวม โดย ธ.กรุงเทพมียอดเอ็นพีแอลสูงสุดในระบบ 108,588 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 11.20 ของสินเชื่อรวม แต่มีการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 76,803 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 272 ล้านบาท แต่สูงกว่า
เกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด 22,211 ล้านบาท ธ.กรุงไทยมีเอ็นพีแอล 91,911 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.67 ของสินเชื่อรวม มีการกันสำรองฯ
38,493 ล้านบาท ลดลง 207 ล้านบาท แต่สูงกว่าเกณฑ์ 10,642 ล้านบาท และ ธ.ทหารไทยมีเอ็นพีแอล 66,905 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
11.88 ของสินเชื่อรวม มีการกันสำรองฯ 31,950 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 609 บาท แต่สูงกว่าเกณฑ์ 1,282 ล้านบาท ส่วน ธ.กสิกรไทย
มีเอ็นพีแอล 42,493 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.70 ของสินเชื่อรวม มีการกันสำรองฯ 29,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142 ล้านบาท ซึ่งเป็น
ธ.พาณิชย์รายใหญ่เพียงรายเดียวที่มีการกันสำรองฯ เพิ่มขึ้น แต่ยอดการกันสำรองฯ ยังคงสูงกว่าเกณฑ์ 10,613 ล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน)
2. การปฏิรูปฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นและระยะกลาง นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ที่ปรึกษาสำนักวิจัย
ธ.ไทยธนาคาร และ กก.ผจก. บลจ.บีที กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยหลังการเข้ายึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองฯ ในระยะสั้นและ
ระยะกลางเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบในเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนและการลงทุนในตลาดหุ้นซบเซาลง แต่เมื่อ
สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายลงค่าเงินบาทจะกลับมามีเสถียรภาพและยังมีแนวโน้มแข็งค่าตามแนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ
เนื่องจากวงจรดอกเบี้ย สรอ. สิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ สรอ. ยังคงเผชิญปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด สำหรับเศรษฐกิจในช่วง
ไตรมาส 4 จะชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะส่งผลกระทบทำให้เกิดการชะลอการลงทุน การท่องเที่ยว และ
การปรับลดอันดับความน่าเชื่อของประเทศ (โลกวันนี้)
3. ก.คลังยืนยันตัวเลขรายได้ที่จะใช้ในการจัดทำ งปม. ปี 50 ที่ 1.4 ล้านล้านบาท นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เปิดเผย
กรณีที่คณะปฏิรูปการปกครองฯ แถลงว่า ในวันที่ 25 ก.ย. จะมีการหารือเพื่อจัดทำ งปม. รายจ่ายประจำปี 50 และน่าจะประกาศตัวเลข งปม.
ได้ภายในวันที่ 26 ก.ย. เพื่อให้ทันกับการเริ่มต้นปี งปม. ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ว่า ก.คลังในฐานะหน่วยงานดูแลด้านการจัดเก็บรายได้จะยืนยันตัวเลข
รายได้ที่จะใช้ในการจัดทำ งปม. ปี 50 ที่ 1.4 ล้านล้านบาท ตามที่เคยนำเสนอ ครม. ให้คณะปฏิรูปฯ พิจารณา แต่ในส่วนของภาครายจ่ายทาง
สำนัก งปม. จะเป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตาม มีความเห็นว่าหากการจัดทำ งปม. รายจ่ายปี 50 สามารถมีผลบังคับใช้ได้ทันตามปฏิทิน งปม. จะส่งผล
ดีต่อระบบเศรษฐกิจและทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 50 ดีขึ้นกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.9 แน่นอน (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. รอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนีประจำเดือน ก.ย.49 จากผลสำรวจโดย Ifo จะลดลงเป็นเดือน
ที่ 3 ติดต่อกัน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 22 ก.ย.49 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 54 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัด
บรรยากาศทางธุรกิจจากผลสำรวจความเห็นของธุรกิจประมาณ 7,000 แห่งโดย Ifo จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 104.4 ในเดือน ก.ย.49 จากระดับ
105.0 ในเดือน ส.ค.49 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากดัชนีดังกล่าวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเดือน มิ.ย.49 ที่ผ่านมา ทั้งนี้คาด
ว่าเป็นผลมาจากความกลัวว่าการส่งออกจะชะลอตัวลงตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก สอดคล้องกับรายงานดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากผล
สำรวจโดย ZEW เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ที่ผ่านมาซึ่งลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปีจากความกังวลว่าการส่งออกจะชะลอตัวลง
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคอีกร้อยละ 3.0 ในปี 50 อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนกลับคาดว่าดัชนีชี้วัด
บรรยากาศทางธุรกิจดังกล่าวข้างต้นอาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 105.2 ในเดือน ก.ย.49 จากราคาน้ำมันที่ลดลง 10 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลที่
ตลาด สรอ.นับตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.49 ที่ผ่านมาซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตและภาระของผู้บริโภคลดลงและจากผลสำรวจที่คาดว่าจำนวนคนว่าง
งานจะลดลง 23,000 คน ในเดือน ก.ย.49 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว ทั้งนี้ Ifo มีกำหนดจะรายงานผลสำรวจอย่างเป็นทางการในวันที่
26 ก.ย.49 นี้ (รอยเตอร์)
2. คาดว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนในเดือน ก.ย. และ ต.ค. จะสูงถึง1 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. รายงานจาก
เชียงไฮ้ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 49 น.ส.พ. Securities Time อ้างแหล่งข่าวจากนาย Fan Gang กรรมาธิการนโยบายการเงินที่คาดว่า
ณ สิ้นสุดเดือน ก.ย. หรือเดือน ต.ค. ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนจะสูงถึง 1 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. โดยเพิ่มขึ้นเดือนละ 20 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการเกินดุลการค้า อย่างไรก็ตามนาย Fan Gang เสนอแนะว่า
ทางการจีนควรควบคุมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในจีนเพื่อที่จะติดตามการไหลออกของเงินลงทุน (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางมาเลเซียจะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่
22 ก.ย. 49 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 14 คนของรอยเตอร์นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 10 คนคาดว่า ธ.กลางมาเลเซียจะคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อไปอีกอย่างแน่นอน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์อีก 4 คนคาดว่ามีความเป็นไปได้น้อยกว่าร้อยละ 50 ที่
ธ.กลางมาเลเซียจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงจากราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่
เศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งนี้ ธ.กลางมาเลเซียมีกำหนดการประชุมนโยบายการเงินในวันอังคารนี้ และจะเผยแพร่ผลการประชุมในวันอังคารนี้เวลา
10.00 น. ตามเวลากรีนนิส ทั้งนี้ในระหว่างเดือน พ.ย. 48 ถึงเดือน เม.ย. 49 ธ.กลางมาเลเซียได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม
ร้อยละ 80 เพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ส่วนการประชุมในเดือน พ.ค. ก.ค. และส.ค. ไม่ได้มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่อย่างใด
ทั้งนี้การผ่อนคลายลงของราคาน้ำมันได้ช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อซึ่งส่วนใหญ่เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ในเดือน ส.ค.49 จะลดลงร้อยละ 5.5 เทียบต่อเดือน รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ
22 ก.ย.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่า ผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ในเดือน ส.ค.49 จะลดลง
ร้อยละ 5.5 นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และลดลงมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ลดลงเพียงร้อยละ 2.2 โดยมีสาเหตุหลักจากการ
ลดลงของผลผลิตยา ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 16 ของผลผลิตโรงงานโดยรวม สำหรับผลผลิตโรงงานในช่วง 7 เดือนแรกของปี
(ม.ค.-ก.ค.49) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ทางการสิงคโปร์ยังคงเชื่อว่าผลผลิตโรงงานในช่วงครึ่งหลัง
ของปี 49 มีแนวโน้มชะลอตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างแสดงความเห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์
มีความเสี่ยงที่จะประสบภาวะชะลอตัว หลังจากที่ตัวเลขการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil domestic exports — NODX) ในเดือน
เดียวกัน (ก.ย.49) ลดลงเหนือความคาดหมายถึงร้อยละ 6.4 อนึ่ง The Economic Development Board จะมีการเปิดเผยตัวเลขผลผลิต
โรงงานอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 26 ก.ย.49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 ก.ย. 49 22 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.469 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.2986/37.5844 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12359 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 681.71/24.49 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,350/10,450 10,350/10,450 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.22 57.02 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 23 ก.ย. 49 25.99*/25.19* 26.39/25.34 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. แนวโน้มสินเชื่อและเอ็นพีแอลที่ลดลงทำให้ ธ.พาณิชย์กันสำรองน้อยลง นายทำนอง ดาศรี ผอ.ฝ่ายปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ธปท.
เปิดเผยถึงกรณีที่เอ็นพีแอลของ ธ.พาณิชย์ ณ สิ้นเดือน ส.ค. ยังทรงตัวในระดับเดิม แต่ ธ.พาณิชย์มีการกันเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงว่า
ธ.พาณิชย์มีการระมัดระวังมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้า ทำให้ล่าสุดเอ็นพีแอลในระบบ ธ.พาณิชย์กลับลดลงและส่งผลให้การกันสำรองค่า
เผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงด้วย อย่างไรก็ตาม หาก ธ.พาณิชย์ไทยมีการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงแสดงให้เห็นว่าธนาคารแต่ละแห่งมี
เอ็นพีแอลลดลงหรือมีเอ็นพีแอลที่เกิดใหม่ลดลง ดังนั้น เงินที่มีการกันสำรองฯ ไว้จะสามารถนำกลับมาเป็นรายได้ให้แก่ธนาคารต่อไปจากเดิมที่บันทึก
ทางบัญชีเป็นต้นทุนในการดำเนินงานของ ธ.พาณิชย์รายนั้น ซึ่งมั่นใจว่า ธ.พาณิชย์ไทยจะลดเอ็นพีแอลในระบบให้เหลือร้อยละ 2 ภายในปี 50 ได้
อย่างแน่นอน ทั้งนี้ เอ็นพีแอลในระบบสถาบันการเงินยังคงทรงตัวเช่นเดียวกับเดือนก่อนหน้า โดยล่าสุดยอดเอ็นพีแอล ณ สิ้นเดือน ส.ค.49 มี
จำนวนทั้งสิ้น 484,701.31 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 8.23 ของสินเชื่อรวม โดย ธ.กรุงเทพมียอดเอ็นพีแอลสูงสุดในระบบ 108,588 ล้านบาท
คิดเป็นร้อยละ 11.20 ของสินเชื่อรวม แต่มีการกันสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ 76,803 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 272 ล้านบาท แต่สูงกว่า
เกณฑ์ที่ ธปท. กำหนด 22,211 ล้านบาท ธ.กรุงไทยมีเอ็นพีแอล 91,911 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 9.67 ของสินเชื่อรวม มีการกันสำรองฯ
38,493 ล้านบาท ลดลง 207 ล้านบาท แต่สูงกว่าเกณฑ์ 10,642 ล้านบาท และ ธ.ทหารไทยมีเอ็นพีแอล 66,905 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ
11.88 ของสินเชื่อรวม มีการกันสำรองฯ 31,950 ล้านบาท ลดลงจากเดือนก่อน 609 บาท แต่สูงกว่าเกณฑ์ 1,282 ล้านบาท ส่วน ธ.กสิกรไทย
มีเอ็นพีแอล 42,493 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.70 ของสินเชื่อรวม มีการกันสำรองฯ 29,076 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 142 ล้านบาท ซึ่งเป็น
ธ.พาณิชย์รายใหญ่เพียงรายเดียวที่มีการกันสำรองฯ เพิ่มขึ้น แต่ยอดการกันสำรองฯ ยังคงสูงกว่าเกณฑ์ 10,613 ล้านบาท (ผู้จัดการรายวัน)
2. การปฏิรูปฯ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะสั้นและระยะกลาง นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ที่ปรึกษาสำนักวิจัย
ธ.ไทยธนาคาร และ กก.ผจก. บลจ.บีที กล่าวว่า ทิศทางเศรษฐกิจไทยหลังการเข้ายึดอำนาจของคณะปฏิรูปการปกครองฯ ในระยะสั้นและ
ระยะกลางเศรษฐกิจจะได้รับผลกระทบในเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ ส่งผลให้ค่าเงินบาทผันผวนและการลงทุนในตลาดหุ้นซบเซาลง แต่เมื่อ
สถานการณ์ต่าง ๆ คลี่คลายลงค่าเงินบาทจะกลับมามีเสถียรภาพและยังมีแนวโน้มแข็งค่าตามแนวโน้มการไหลเข้าของเงินทุนจากต่างประเทศ
เนื่องจากวงจรดอกเบี้ย สรอ. สิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และ สรอ. ยังคงเผชิญปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัด สำหรับเศรษฐกิจในช่วง
ไตรมาส 4 จะชะลอตัวมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพราะการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะส่งผลกระทบทำให้เกิดการชะลอการลงทุน การท่องเที่ยว และ
การปรับลดอันดับความน่าเชื่อของประเทศ (โลกวันนี้)
3. ก.คลังยืนยันตัวเลขรายได้ที่จะใช้ในการจัดทำ งปม. ปี 50 ที่ 1.4 ล้านล้านบาท นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัด ก.คลัง เปิดเผย
กรณีที่คณะปฏิรูปการปกครองฯ แถลงว่า ในวันที่ 25 ก.ย. จะมีการหารือเพื่อจัดทำ งปม. รายจ่ายประจำปี 50 และน่าจะประกาศตัวเลข งปม.
ได้ภายในวันที่ 26 ก.ย. เพื่อให้ทันกับการเริ่มต้นปี งปม. ในวันที่ 1 ต.ค.นี้ว่า ก.คลังในฐานะหน่วยงานดูแลด้านการจัดเก็บรายได้จะยืนยันตัวเลข
รายได้ที่จะใช้ในการจัดทำ งปม. ปี 50 ที่ 1.4 ล้านล้านบาท ตามที่เคยนำเสนอ ครม. ให้คณะปฏิรูปฯ พิจารณา แต่ในส่วนของภาครายจ่ายทาง
สำนัก งปม. จะเป็นผู้ดูแล อย่างไรก็ตาม มีความเห็นว่าหากการจัดทำ งปม. รายจ่ายปี 50 สามารถมีผลบังคับใช้ได้ทันตามปฏิทิน งปม. จะส่งผล
ดีต่อระบบเศรษฐกิจและทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 50 ดีขึ้นกว่าระดับที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3.9 แน่นอน (มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. รอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจในเยอรมนีประจำเดือน ก.ย.49 จากผลสำรวจโดย Ifo จะลดลงเป็นเดือน
ที่ 3 ติดต่อกัน รายงานจากเบอร์ลิน เมื่อ 22 ก.ย.49 ผลสำรวจความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 54 คนโดยรอยเตอร์คาดว่าดัชนีชี้วัด
บรรยากาศทางธุรกิจจากผลสำรวจความเห็นของธุรกิจประมาณ 7,000 แห่งโดย Ifo จะลดลงมาอยู่ที่ระดับ 104.4 ในเดือน ก.ย.49 จากระดับ
105.0 ในเดือน ส.ค.49 ลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากดัชนีดังกล่าวอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 15 ปีเมื่อเดือน มิ.ย.49 ที่ผ่านมา ทั้งนี้คาด
ว่าเป็นผลมาจากความกลัวว่าการส่งออกจะชะลอตัวลงตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก สอดคล้องกับรายงานดัชนีชี้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากผล
สำรวจโดย ZEW เมื่อวันที่ 19 ก.ย.49 ที่ผ่านมาซึ่งลดลงมาอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 8 ปีจากความกังวลว่าการส่งออกจะชะลอตัวลง
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นและการขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคอีกร้อยละ 3.0 ในปี 50 อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์บางคนกลับคาดว่าดัชนีชี้วัด
บรรยากาศทางธุรกิจดังกล่าวข้างต้นอาจเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 105.2 ในเดือน ก.ย.49 จากราคาน้ำมันที่ลดลง 10 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรลที่
ตลาด สรอ.นับตั้งแต่ต้นเดือน ก.ย.49 ที่ผ่านมาซึ่งจะช่วยทำให้ต้นทุนของผู้ผลิตและภาระของผู้บริโภคลดลงและจากผลสำรวจที่คาดว่าจำนวนคนว่าง
งานจะลดลง 23,000 คน ในเดือน ก.ย.49 หลังปรับตัวเลขตามฤดูกาลแล้ว ทั้งนี้ Ifo มีกำหนดจะรายงานผลสำรวจอย่างเป็นทางการในวันที่
26 ก.ย.49 นี้ (รอยเตอร์)
2. คาดว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของจีนในเดือน ก.ย. และ ต.ค. จะสูงถึง1 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. รายงานจาก
เชียงไฮ้ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 49 น.ส.พ. Securities Time อ้างแหล่งข่าวจากนาย Fan Gang กรรมาธิการนโยบายการเงินที่คาดว่า
ณ สิ้นสุดเดือน ก.ย. หรือเดือน ต.ค. ทุนสำรองระหว่างประเทศของจีนจะสูงถึง 1 ล้าน ล้าน ดอลลาร์ สรอ. โดยเพิ่มขึ้นเดือนละ 20 พัน ล.
ดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ และการเกินดุลการค้า อย่างไรก็ตามนาย Fan Gang เสนอแนะว่า
ทางการจีนควรควบคุมการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในจีนเพื่อที่จะติดตามการไหลออกของเงินลงทุน (รอยเตอร์)
3. คาดว่า ธ.กลางมาเลเซียจะไม่เปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่เหลือของปีนี้ รายงานจากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อวันที่
22 ก.ย. 49 ผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์จำนวน 14 คนของรอยเตอร์นักเศรษฐศาสตร์จำนวน 10 คนคาดว่า ธ.กลางมาเลเซียจะคงอัตรา
ดอกเบี้ยนโยบายที่ปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 3.50 ต่อไปอีกอย่างแน่นอน ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์อีก 4 คนคาดว่ามีความเป็นไปได้น้อยกว่าร้อยละ 50 ที่
ธ.กลางมาเลเซียจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลงจากราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่
เศรษฐกิจชะลอตัว ทั้งนี้ ธ.กลางมาเลเซียมีกำหนดการประชุมนโยบายการเงินในวันอังคารนี้ และจะเผยแพร่ผลการประชุมในวันอังคารนี้เวลา
10.00 น. ตามเวลากรีนนิส ทั้งนี้ในระหว่างเดือน พ.ย. 48 ถึงเดือน เม.ย. 49 ธ.กลางมาเลเซียได้ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายรวม
ร้อยละ 80 เพื่อแก้ปัญหาภาวะเงินเฟ้อ ส่วนการประชุมในเดือน พ.ค. ก.ค. และส.ค. ไม่ได้มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายแต่อย่างใด
ทั้งนี้การผ่อนคลายลงของราคาน้ำมันได้ช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อซึ่งส่วนใหญ่เนื่องจากราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้น (รอยเตอร์)
4. คาดว่าผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ในเดือน ส.ค.49 จะลดลงร้อยละ 5.5 เทียบต่อเดือน รายงานจากสิงคโปร์เมื่อ
22 ก.ย.49 รอยเตอร์เปิดเผยผลการสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ ซึ่งคาดว่า ผลผลิตโรงงานของสิงคโปร์ในเดือน ส.ค.49 จะลดลง
ร้อยละ 5.5 นับเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และลดลงมากเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าที่ลดลงเพียงร้อยละ 2.2 โดยมีสาเหตุหลักจากการ
ลดลงของผลผลิตยา ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 16 ของผลผลิตโรงงานโดยรวม สำหรับผลผลิตโรงงานในช่วง 7 เดือนแรกของปี
(ม.ค.-ก.ค.49) เพิ่มขึ้นร้อยละ 16.6 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ตาม ทางการสิงคโปร์ยังคงเชื่อว่าผลผลิตโรงงานในช่วงครึ่งหลัง
ของปี 49 มีแนวโน้มชะลอตัวตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ บรรดานักเศรษฐศาสตร์ต่างแสดงความเห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมของสิงคโปร์
มีความเสี่ยงที่จะประสบภาวะชะลอตัว หลังจากที่ตัวเลขการส่งออกสินค้าที่ไม่ใช่น้ำมัน (non-oil domestic exports — NODX) ในเดือน
เดียวกัน (ก.ย.49) ลดลงเหนือความคาดหมายถึงร้อยละ 6.4 อนึ่ง The Economic Development Board จะมีการเปิดเผยตัวเลขผลผลิต
โรงงานอย่างเป็นทางการในวันอังคารที่ 26 ก.ย.49 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 25 ก.ย. 49 22 ก.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 37.469 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 37.2986/37.5844 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12359 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 681.71/24.49 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,350/10,450 10,350/10,450 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 55.22 57.02 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลด เมื่อ 23 ก.ย. 49 25.99*/25.19* 26.39/25.34 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--