ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 50 สามารถเติบโต 4.5-5.5% ต่อเนื่องถึงปี 51 นางธาริษา วัฒนเกส รักษาการผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานปาฐกถาพิเศษเรื่อง “มองเศรษฐกิจไทยปี 50” ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังปรับตัวสู่เศรษฐกิจ
ในแนวทางใหม่หลังผ่านช่วงเลวร้ายของประเทศมาแล้ว จากราคาน้ำมันที่ลดลง และการขาดดุลการคลังในปี งปม.50 ประมาณ 1 แสน ล.บาท
แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลสามารถผ่านร่างและเบิกจ่าย งปม.ได้ เอื้อให้เศรษฐกิจปี 50 เติบโต 4.5-5.5%
ต่อเนื่องถึงปี 51 แต่ต้องติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยง คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลก ความชัดเจนของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และ
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทย (ข่าวสด)
2. รมว.คลังยืนยันไม่แทรกแซงกลไกตลาดทุนเพื่อให้มีการเติบโตตามปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม.
และ รมว.คลัง กล่าวในการสัมมนาประจำปีของสมาคมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เรื่อง ”การบริหารจัดการภายใต้วิกฤตและโอกาสของรัฐบาลใหม่”
ระบุว่า หน้าที่ของรัฐบาลมีเพียงการสร้างบรรยากาศการลงทุนให้น่าลงทุน จะไม่เข้าแทรกแซงกลไกตลาด หรือใช้มาตรการกระตุ้นจนผิดปกติ โดย
ให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดำเนินการไปตามระบบที่มีอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้ตลาดเติบโตตามปัจจัยพื้นฐานอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ
(ข่าวสด, ไทยโพสต์, มติชน)
3. คาดว่าจีดีพีในปี 50 จะขยายตัว 4.7% ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยถึงการคาดการณ์
ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 50 ว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ(จีดีพี)จะขยายตัว
4.7% การส่งออกมีมูลค่า 141,300 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเพียง 10% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลัก
ชะลอตัวลง และเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 145,900 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 12% ยอดขาดดุลการค้า 4,600 ล.ดอลลาร์
สรอ. หรือคิดเป็น 2% ของจีดีพี ซึ่งถือว่าไม่ใช่ระดับที่น่าเป็นห่วง จำนวนนักท่องเที่ยว 14.93 ล้านคน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 900 ล.ดอลลาร์
สรอ. เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.9% ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 61.5 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 36.3 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้
ปัจจัยบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องคือ เศรษฐกิจโลก ปริมาณการค้าโลก และอัตราดอกเบี้ยโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนปัจจัยลบ
คือเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออก สำหรับในปี 49 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 4.5% การส่งออกมีมูลค่า
128,500 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 15.8% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ ก.พาณิชย์กำหนดไว้ที่ 17.5% การนำเข้ามีมูลค่า 130,300 ล.ดอลลาร์ สรอ.
ขยายตัว 10.2% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1,800 ล.ดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. สถิติจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในไตรมาส 3 ปี 49 ลดลง 11.55% รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยสถิติจดทะเบียน
ธุรกิจไตรมาส 3 ปี 49 (เดือน ก.ค.-ก.ย.) ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วราชอาณาจักรจำนวน 11,913 ราย
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 11.55% แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 5,018 ราย และส่วนภูมิภาค 6,895 ราย ทั้งนี้ นิติบุคคลตั้งใหม่ที่มีทุนจด
ทะเบียนสูงสุดคือ ธุรกิจขายส่งวัสดุก่อสร้าง สำหรับประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรกคือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคาร ธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการจัดการ ขณะที่หมวดธุรกิจที่จดทะเบียนเพิ่มทุนสูงสุดคือ หมวดการขายส่ง-ขายปลีก
การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ ของใช้ส่วนบุคคล และของใช้ในครัวเรือน ในส่วนของสถิตินิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกในไตรมาส 3 มีจำนวน
4,054 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 2,068 ราย และส่วนภูมิภาค 1,986 ราย ลดลง 5.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจที่
จดทะเบียนเลิกสูงสุดคือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคาร (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปีแต่ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.49
รายงานจากแฟรงค์เฟิร์ทเมื่อ 2 พ.ย.49 ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี แต่ส่งสัญญาณว่าจะ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 3.50 ต่อปีในเดือน ธ.ค.49 พร้อมทั้งเปิดกว้างที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปี 50 โดย ECB มีความเห็นว่า
อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่เศรษฐกิจของ Euro zone ยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะในไตรมาสแรกปี 49 ที่เศรษฐกิจ
ขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 43 เป็นต้นมา ทำให้มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของ 12 ประเทศใน
เขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone จะอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 2.0 ซึ่ง ECB ตั้งเป้าไว้ทั้งในปี 49 และปี 50 โดยครั้งสุดท้ายที่อัตราเงินเฟ้อ
อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 คือปี 42 ตลาดจึงคาดว่ามีโอกาสร้อยละ 90 ที่ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในเดือน มิ.ย.50 ซึ่งจะ
ทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.75 ต่อปี (รอยเตอร์)
2. คาดว่าจีดีพีของจีนในปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 10.5 รายงานจากเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.49
State Information Centre ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยสังกัดสำนักงานสถิติ และ Reform Commission อันเป็นสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจชั้นนำ
ของจีน รายงานการประมาณการผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในปี 49 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.5 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคคาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.4 ขณะที่ในปี 48 ที่ผ่านมา จีดีพีขยายตัวร้อยละ 10.2 และดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 นอกจากนี้ ยังคาดว่าจีดีพีและดัชนีราคา
ผู้บริโภคในไตรมาส 4 ปี 49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 และ 1.6 เทียบต่อปี ตามลำดับ หลังจากเมื่อไตรมาส 3 ปี 49 จีดีพีชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ
10.4 จากร้อยละ 11.3 ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจีนจะพยายามลดความร้อนแรงของการลงทุนส่วนเกินได้สำเร็จ แต่
ภาวะเศรษฐกิจของจีนก็ยังคงมีความเสี่ยงจากความร้อนแรงอยู่ นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังคาดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในปี 49 จะขยายตัว
เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.2 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 ในไตรมาส 4 ปี 49 ส่วนภาวะเกินดุลการค้าในไตรมาส 4 ปี 49 จะอยู่ที่จำนวน 36.9 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ทั้งปี 49 จะเกินดุลจำนวน 146.8 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
3. IMF ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ สรอ. ปี 50 ลงเหลือร้อยละ 2.5 รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ.
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.49 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ปี 50 ลงเหลือร้อยละ
2.5 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ก.ย.49 ที่ระดับร้อยละ 2.9 เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการปรับลดการลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัย
และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคลดลง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันปรับลดลง สำหรับ
ปัจจัยเสี่ยงของการพยากรณ์เศรษฐกิจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นไปในทางลดลง โดยเฉพาะถ้ากิจกรรมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลายเดือนข้างหน้าชะลอ
ตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนแรงกดดันด้านภาวะเงินเฟ้อใน สรอ. คาดว่าจะสามารถควบคุมได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของ
ความสามารถในการผลิตและราคาน้ำมันที่ปรับลดลง (รอยเตอร์)
4. ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี รายงานจากสิงคโปร์เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 49
ผลการสำรวจ Purchasing Managers’ Index —PMI ของสถาบัน Purchasing & Materials Management ของสิงคโปร์ชี้ว่า ในเดือน
ต.ค. ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี ทั้งนี้ PMI ซึ่งเป็นมาตรวัดภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ
สิงคโปร์ในเดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 53.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.7 ในเดือน ก.ย. และอยู่ในระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 48 เนื่องจากมี
คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกล่าวว่า ตัวเลข PMI ชี้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในไตรมาสที่ 4 สะท้อนให้เห็นว่ามีการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น
เพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงในช่วงปลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องดิจิตอล คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และโทรศัพท์มือถือ โดย
นักเศรษฐศาสตร์จาก CIMB —GK Research กล่าวว่า ในเดือน ต.ค. ผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 60.2 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
สาเหตุจากเทศกาลฮาโลวีน และความต้องการสินค้าในช่วงคริสต์มาส อย่างไรก็ตามตัวเลข PMI ขัดแย้งกับผลการสำรวจโดย EDB
(Economic Development Board) ของทางการที่ชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสัดส่วนมากกว่า
1 ใน 3 ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตสิงคโปร์มีแนวโน้มไม่ดีนัก ทั้งนี้รัฐบาลสิงคโปร์มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขอุตสาหกรรมการผลิตของเดือน
ต.ค. ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 พ.ย. 49 2 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.659 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4550/36.7456 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12038 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 729.03/13.89 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,600/10,700 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.29 54.33 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 พ.ย. 49 25.29*/23.84* 25.69/24.24 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 50 สามารถเติบโต 4.5-5.5% ต่อเนื่องถึงปี 51 นางธาริษา วัฒนเกส รักษาการผู้ว่าการธนาคาร
แห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานปาฐกถาพิเศษเรื่อง “มองเศรษฐกิจไทยปี 50” ที่ จ.เชียงใหม่ ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจกำลังปรับตัวสู่เศรษฐกิจ
ในแนวทางใหม่หลังผ่านช่วงเลวร้ายของประเทศมาแล้ว จากราคาน้ำมันที่ลดลง และการขาดดุลการคลังในปี งปม.50 ประมาณ 1 แสน ล.บาท
แต่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้น ส่งผลให้รัฐบาลสามารถผ่านร่างและเบิกจ่าย งปม.ได้ เอื้อให้เศรษฐกิจปี 50 เติบโต 4.5-5.5%
ต่อเนื่องถึงปี 51 แต่ต้องติดตาม 3 ปัจจัยเสี่ยง คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลก ความชัดเจนของการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ และ
ความเชื่อมั่นของนักลงทุนไทย (ข่าวสด)
2. รมว.คลังยืนยันไม่แทรกแซงกลไกตลาดทุนเพื่อให้มีการเติบโตตามปัจจัยพื้นฐานที่แท้จริง ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รอง นรม.
และ รมว.คลัง กล่าวในการสัมมนาประจำปีของสมาคมบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เรื่อง ”การบริหารจัดการภายใต้วิกฤตและโอกาสของรัฐบาลใหม่”
ระบุว่า หน้าที่ของรัฐบาลมีเพียงการสร้างบรรยากาศการลงทุนให้น่าลงทุน จะไม่เข้าแทรกแซงกลไกตลาด หรือใช้มาตรการกระตุ้นจนผิดปกติ โดย
ให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ดำเนินการไปตามระบบที่มีอยู่ ทั้งนี้เพื่อให้ตลาดเติบโตตามปัจจัยพื้นฐานอย่างมั่นคงและมีเสถียรภาพ
(ข่าวสด, ไทยโพสต์, มติชน)
3. คาดว่าจีดีพีในปี 50 จะขยายตัว 4.7% ผอ.ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เปิดเผยถึงการคาดการณ์
ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 50 ว่ามีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการเมืองในประเทศมีเสถียรภาพ โดยคาดว่าผลิตภัณฑ์ในประเทศ(จีดีพี)จะขยายตัว
4.7% การส่งออกมีมูลค่า 141,300 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นเพียง 10% เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลัก
ชะลอตัวลง และเงินบาทแข็งค่าขึ้น ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 145,900 ล.ดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้น 12% ยอดขาดดุลการค้า 4,600 ล.ดอลลาร์
สรอ. หรือคิดเป็น 2% ของจีดีพี ซึ่งถือว่าไม่ใช่ระดับที่น่าเป็นห่วง จำนวนนักท่องเที่ยว 14.93 ล้านคน ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 900 ล.ดอลลาร์
สรอ. เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.9% ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ย 61.5 ดอลลาร์ สรอ.ต่อบาร์เรล อัตราแลกเปลี่ยน 36.3 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ทั้งนี้
ปัจจัยบวกที่จะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัวอย่างต่อเนื่องคือ เศรษฐกิจโลก ปริมาณการค้าโลก และอัตราดอกเบี้ยโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น ส่วนปัจจัยลบ
คือเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการส่งออก สำหรับในปี 49 คาดว่าจีดีพีจะขยายตัว 4.5% การส่งออกมีมูลค่า
128,500 ล.ดอลลาร์ สรอ. ขยายตัว 15.8% ต่ำกว่าเป้าหมายที่ ก.พาณิชย์กำหนดไว้ที่ 17.5% การนำเข้ามีมูลค่า 130,300 ล.ดอลลาร์ สรอ.
ขยายตัว 10.2% ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 1,800 ล.ดอลลาร์ สรอ. (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ, ผู้จัดการรายวัน)
4. สถิติจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในไตรมาส 3 ปี 49 ลดลง 11.55% รองอธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยสถิติจดทะเบียน
ธุรกิจไตรมาส 3 ปี 49 (เดือน ก.ค.-ก.ย.) ว่า มีผู้ประกอบธุรกิจขอจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วราชอาณาจักรจำนวน 11,913 ราย
เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือลดลง 11.55% แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 5,018 ราย และส่วนภูมิภาค 6,895 ราย ทั้งนี้ นิติบุคคลตั้งใหม่ที่มีทุนจด
ทะเบียนสูงสุดคือ ธุรกิจขายส่งวัสดุก่อสร้าง สำหรับประเภทธุรกิจที่มีการจดทะเบียนสูงสุด 3 อันดับแรกคือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคาร ธุรกิจ
อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจบริการให้คำปรึกษาทางธุรกิจและการจัดการ ขณะที่หมวดธุรกิจที่จดทะเบียนเพิ่มทุนสูงสุดคือ หมวดการขายส่ง-ขายปลีก
การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ ของใช้ส่วนบุคคล และของใช้ในครัวเรือน ในส่วนของสถิตินิติบุคคลที่จดทะเบียนเลิกในไตรมาส 3 มีจำนวน
4,054 ราย แยกเป็นกรุงเทพฯ 2,068 ราย และส่วนภูมิภาค 1,986 ราย ลดลง 5.96% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจที่
จดทะเบียนเลิกสูงสุดคือ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างอาคาร (โลกวันนี้, ผู้จัดการรายวัน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. ธ.กลางยุโรปตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปีแต่ส่งสัญญาณว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.49
รายงานจากแฟรงค์เฟิร์ทเมื่อ 2 พ.ย.49 ธ.กลางยุโรปหรือ ECB ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ร้อยละ 3.25 ต่อปี แต่ส่งสัญญาณว่าจะ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นร้อยละ 3.50 ต่อปีในเดือน ธ.ค.49 พร้อมทั้งเปิดกว้างที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในปี 50 โดย ECB มีความเห็นว่า
อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันยังอยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่เศรษฐกิจของ Euro zone ยังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะในไตรมาสแรกปี 49 ที่เศรษฐกิจ
ขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 ปีนับตั้งแต่ปี 43 เป็นต้นมา ทำให้มีแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสูงขึ้น โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ยของ 12 ประเทศใน
เขตเศรษฐกิจยุโรปหรือ Euro zone จะอยู่ในระดับสูงกว่าร้อยละ 2.0 ซึ่ง ECB ตั้งเป้าไว้ทั้งในปี 49 และปี 50 โดยครั้งสุดท้ายที่อัตราเงินเฟ้อ
อยู่ในระดับต่ำกว่าร้อยละ 2.0 คือปี 42 ตลาดจึงคาดว่ามีโอกาสร้อยละ 90 ที่ ECB จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในเดือน มิ.ย.50 ซึ่งจะ
ทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 3.75 ต่อปี (รอยเตอร์)
2. คาดว่าจีดีพีของจีนในปี 49 จะขยายตัวร้อยละ 10.5 รายงานจากเซี่ยงไฮ้ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.49
State Information Centre ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยสังกัดสำนักงานสถิติ และ Reform Commission อันเป็นสำนักงานวางแผนเศรษฐกิจชั้นนำ
ของจีน รายงานการประมาณการผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ของจีนในปี 49 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.5 ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคคาดว่าจะเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.4 ขณะที่ในปี 48 ที่ผ่านมา จีดีพีขยายตัวร้อยละ 10.2 และดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.8 นอกจากนี้ ยังคาดว่าจีดีพีและดัชนีราคา
ผู้บริโภคในไตรมาส 4 ปี 49 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 10.2 และ 1.6 เทียบต่อปี ตามลำดับ หลังจากเมื่อไตรมาส 3 ปี 49 จีดีพีชะลอลงอยู่ที่ร้อยละ
10.4 จากร้อยละ 11.3 ในไตรมาสก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม แม้รัฐบาลจีนจะพยายามลดความร้อนแรงของการลงทุนส่วนเกินได้สำเร็จ แต่
ภาวะเศรษฐกิจของจีนก็ยังคงมีความเสี่ยงจากความร้อนแรงอยู่ นอกจากนี้ สถาบันฯ ยังคาดว่าการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนในปี 49 จะขยายตัว
เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.2 และเพิ่มขึ้นร้อยละ 23.5 ในไตรมาส 4 ปี 49 ส่วนภาวะเกินดุลการค้าในไตรมาส 4 ปี 49 จะอยู่ที่จำนวน 36.9 พัน
ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้ทั้งปี 49 จะเกินดุลจำนวน 146.8 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. (รอยเตอร์)
3. IMF ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจ สรอ. ปี 50 ลงเหลือร้อยละ 2.5 รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศ สรอ.
เมื่อวันที่ 2 พ.ย.49 กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ปี 50 ลงเหลือร้อยละ
2.5 จากเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้เมื่อเดือน ก.ย.49 ที่ระดับร้อยละ 2.9 เนื่องจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการปรับลดการลงทุนในตลาดที่อยู่อาศัย
และการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคลดลง อย่างไรก็ตาม การลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะเมื่อราคาน้ำมันปรับลดลง สำหรับ
ปัจจัยเสี่ยงของการพยากรณ์เศรษฐกิจครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นไปในทางลดลง โดยเฉพาะถ้ากิจกรรมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงหลายเดือนข้างหน้าชะลอ
ตัวลงมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนแรงกดดันด้านภาวะเงินเฟ้อใน สรอ. คาดว่าจะสามารถควบคุมได้ โดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของ
ความสามารถในการผลิตและราคาน้ำมันที่ปรับลดลง (รอยเตอร์)
4. ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี รายงานจากสิงคโปร์เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 49
ผลการสำรวจ Purchasing Managers’ Index —PMI ของสถาบัน Purchasing & Materials Management ของสิงคโปร์ชี้ว่า ในเดือน
ต.ค. ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของสิงคโปร์เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในรอบเกือบ 1 ปี ทั้งนี้ PMI ซึ่งเป็นมาตรวัดภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ
สิงคโปร์ในเดือน ต.ค. อยู่ที่ระดับ 53.4 เพิ่มขึ้นจากระดับ 51.7 ในเดือน ก.ย. และอยู่ในระดับสูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 48 เนื่องจากมี
คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้น นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกล่าวว่า ตัวเลข PMI ชี้ว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดีในไตรมาสที่ 4 สะท้อนให้เห็นว่ามีการผลิตสินค้าเพิ่มขึ้น
เพื่อรองรับความต้องการสินค้าที่ใช้เทคโนโลยีสูงในช่วงปลายปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้องดิจิตอล คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล และโทรศัพท์มือถือ โดย
นักเศรษฐศาสตร์จาก CIMB —GK Research กล่าวว่า ในเดือน ต.ค. ผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สูงถึง 60.2 สูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีที่แล้ว
สาเหตุจากเทศกาลฮาโลวีน และความต้องการสินค้าในช่วงคริสต์มาส อย่างไรก็ตามตัวเลข PMI ขัดแย้งกับผลการสำรวจโดย EDB
(Economic Development Board) ของทางการที่ชี้ว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตโดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสัดส่วนมากกว่า
1 ใน 3 ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตสิงคโปร์มีแนวโน้มไม่ดีนัก ทั้งนี้รัฐบาลสิงคโปร์มีกำหนดที่จะเปิดเผยตัวเลขอุตสาหกรรมการผลิตของเดือน
ต.ค. ในวันที่ 24 พ.ย.นี้ (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 3 พ.ย. 49 2 พ.ย. 49 31 ม.ค. 49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 36.659 39.078 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 36.4550/36.7456 38.9113/39.2013 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 5.12038 4.29375 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 729.03/13.89 762.63/12.66 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 10,700/10,800 10,600/10,700 10,350/10,450 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 53.29 54.33 60.96 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) * ปรับลดลิตรละ 40 สตางค์ เมื่อ 3 พ.ย. 49 25.29*/23.84* 25.69/24.24 27.24/24.69 ปตท.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--