เมื่อเวลา 9.39 น. วันนี้ (18 สค. 49) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพานิช นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล นายวิทยา แก้วภารดัย นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ และคณะ ได้ทำพิธีบวงสรวงอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) พร้อมกันนี้ได้ขอพรให้คุ้มครองประชาชนชาวไทย และคนดีที่มีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้ามาทำงานเพื่อประชาชนและประเทศชาติจริง ๆ ภายหลังสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ก่อนทำพิธีเปิดสำนักงานพรรคประชาธิปัตย์ สาขาจังหวัดนครราชสีมา
นายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดกิจกรรมสมัชชาประชาชนครั้งนี้ เพื่อพบกับพ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ ผู้สูงอายุ กลุ่มสตรี กลุ่มอาชีพอิสระ พันธมิตร เกษตรกร ผู้ชุมนุม ตลอดทั้งแกนนำชุมชน และอสม. เพื่อเป็นการระดมพลังในการผลักดันวาระประชาชนต่อไป ซึ่งขณะนี้พรรคฯ ได้เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องผู้สมัครและนโยบายของพรรคฯ และจะเร่งเดินหน้าอย่างเต็มที่ และหลังจากสัปดาห์นี้ พรรคฯ จะเดินหน้าจัดทำกิจกรรมต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ โดยอยู่ในกรอบของกฎหมายและกรอบกำหนดเวลาตามพระราชกฤษฎีกาอย่างเคร่งครัด ซึ่งในวาระประชาชนจะมีนโยบายการพัฒนาพิเศษและยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สอดคล้องกับพื้นที่ เพราะพรรคเชื่อว่าการที่จะให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งต้องมาจากรากฐานของชุมชนที่เข้มแข็งเพราะฉะนั้นในทุกจังหวัดทุกจุดต้องมีนโยบายเฉพาะในการพัฒนาบนพื้นฐานของความเข้มแข็งของตนเอง
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวภายหลังเปิดงานว่า การเปิดสำนักงานครั้งนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงานทางการเมืองเพื่อเป็นที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ให้กับประชาชนและเป็นศูนย์กลางของข่าวสารทางการเมืองเพื่อบริการให้ประชาชนในพื้นที่ตรงนี้ ขอเรียนว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่ยืนหยัดอยู่คู่กับประชาชนชาวไทยมากว่า 60 ปีเป็นพรรคที่ได้ก่อตั้งขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของนักการเมืองทั่วทุกภูมิภาคซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ต่างๆ และมีโอกาสรับใช้ประชาชน โดยทำหน้าที่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลผ่านมาหลายยุคหลายสมัย สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้ว่า เป็นความผูกพันระหว่างประชาธิปัตย์กับประชาชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง ที่มีกระแสนิยมทั้งขึ้นและลง การทำงานของพรรคการเมืองทุกพรรค ก็เป็นธรรมดา บางช่วงการทำงานก็เป็นที่ชื่นชอบของแประชาชน แต่บางช่วงก็เป้นการดำเนินงานทางการเมืองก็ถือว่าไม่ถูกใจประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมืองทั่วไป แต่พรรคกระชาธิปัตย์ที่ยืนยาวมาได้ ขอบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ว่ากระแสการเมืองจะเป็นอย่างไร สิ่งที่พรรคยึดมั่นและยืนหยัดมาตลอดคือ อุดมการณ์ที่ประกาศไว้เมื่อปี 2489 เป็นอุดมการณ์ที่บอกได้ชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เพราะความเชื่อพื้นฐานของพรรคคือความศรัทธาในประชาชน และมั่นใจว่า ประชาชนคือเจ้าของประเทศ และย่อมรู้ปัญหาว่าเป็นอย่างไร หากมีกระบวนการทางการเมือง สถาบันทางการเมืองที่ดี เพื่อเอื้ออำนวยให้ประชาชนได้ใช้สิทธิและเสียง มามีส่วนร่วมทางการเมืองแล้ว หมายความว่า กระบวนการต่างๆ การทำงานก็จะมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
‘ในฐานะหัวหน้าพรรคคนที่ 7 ผมขอยืนยันว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคของประชาชน สมาชิกทุกคนที่ตัดสินใจเดินเข้ามาร่วมอุดมการณ์ มีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนให้มีบทบาททางการเมือง อย่างไม่มีข้อจำกัด ผมต้องการพาพรรคประชาธิปัตย์ สื่อสารอุดมการณ์ของพรรค เข้าสู่การเมืองยุคใหม่ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม’ นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า สิ่งที่ตนเชื่อมั่นคือการทำให้พรรคการเมือง มีความกลมกลืนกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม และมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ และหวงแหนการเมือง การปกครองของบ้านเมืองอย่างแท้จริง พรรคจึงได้เริ่มโครงการ ‘สมัชชา ประชาชน ประชาธิปัตย์’ และวันนี้ที่ได้เดินทางมาร่วมสัมมนาที่จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการระดมสมองเพื่อยืนยันว่า แนวทางนี้คือคำตอบสำคัญของปัญหาของประชาชน เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความทุกข์กับวิกฤตทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะการมืองที่สับสนวุ่นวาย แม้ขณะนี้จะมีความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งขึ้นในช่วงปลายปี แต่วิกฤตอีกหลายวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้ง เศรษฐกิจ ราคาน้ำมันแพง ประชาชนเป็นหนี้ ค้าขายประสบปัญหา การลงทุนที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนวิกฤตสังคมที่พรรคถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ความแตกแยกของประชาชน ที่เกิดขึ้นอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนหลายเรื่องมาจากวิกฤตคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้การเมืองไม่โปร่งใส เศรษฐกิจไม่เป็นธรรม และสังคมมีปัญหา นี่คือสิ่งที่เป็นทุกข์ของประชาชนทั้งประเทศ ประชาธิปัตย์จึงถือว่าเป็นหน้าที่ ที่จะต้องคลี่คลายปัญหาตรงนี้ให้ได้ จึงได้มาพบปะแสวงหาเครือข่าย เพื่อให้ประชาชนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งเราเรียกว่า ‘วาระประชาชน’ การทำสิ่งนี้ สิ่งที่จำเป็นคือ บุคลากรที่มีคุณภาพ และมีกลไกผลักดันให้งานเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามตนขอยืนยันว่า พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่ที่สำคัญ ที่รอการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน แต่ต้องเป็นการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ดังนั้นวันนี้ ประชาธิปัตย์จึงได้เดินทางมาเพื่อระดมสมอง ซึ่งพรรคหวังว่าจะทำให้การทำงานต่อเนื่อง และหวังว่าจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน กับประชาธิปัตย์อย่างแนบแน่น บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศชาติ ตามแนวทางที่ประกาศว่า ประชาชนต้องมาก่อน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ส.ค. 2549--จบ--
นายอภิสิทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า การจัดกิจกรรมสมัชชาประชาชนครั้งนี้ เพื่อพบกับพ่อค้า นักธุรกิจ ข้าราชการ ผู้สูงอายุ กลุ่มสตรี กลุ่มอาชีพอิสระ พันธมิตร เกษตรกร ผู้ชุมนุม ตลอดทั้งแกนนำชุมชน และอสม. เพื่อเป็นการระดมพลังในการผลักดันวาระประชาชนต่อไป ซึ่งขณะนี้พรรคฯ ได้เตรียมความพร้อมทั้งเรื่องผู้สมัครและนโยบายของพรรคฯ และจะเร่งเดินหน้าอย่างเต็มที่ และหลังจากสัปดาห์นี้ พรรคฯ จะเดินหน้าจัดทำกิจกรรมต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ โดยอยู่ในกรอบของกฎหมายและกรอบกำหนดเวลาตามพระราชกฤษฎีกาอย่างเคร่งครัด ซึ่งในวาระประชาชนจะมีนโยบายการพัฒนาพิเศษและยุทธศาสตร์การพัฒนาที่สอดคล้องกับพื้นที่ เพราะพรรคเชื่อว่าการที่จะให้เศรษฐกิจชุมชนเข้มแข็งต้องมาจากรากฐานของชุมชนที่เข้มแข็งเพราะฉะนั้นในทุกจังหวัดทุกจุดต้องมีนโยบายเฉพาะในการพัฒนาบนพื้นฐานของความเข้มแข็งของตนเอง
ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ได้กล่าวภายหลังเปิดงานว่า การเปิดสำนักงานครั้งนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางการประสานงานทางการเมืองเพื่อเป็นที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ให้กับประชาชนและเป็นศูนย์กลางของข่าวสารทางการเมืองเพื่อบริการให้ประชาชนในพื้นที่ตรงนี้ ขอเรียนว่าพรรคประชาธิปัตย์ที่ยืนหยัดอยู่คู่กับประชาชนชาวไทยมากว่า 60 ปีเป็นพรรคที่ได้ก่อตั้งขึ้นมาจากน้ำพักน้ำแรงของนักการเมืองทั่วทุกภูมิภาคซึ่งเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ต่างๆ และมีโอกาสรับใช้ประชาชน โดยทำหน้าที่ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลผ่านมาหลายยุคหลายสมัย สิ่งเหล่านี้ยืนยันได้ว่า เป็นความผูกพันระหว่างประชาธิปัตย์กับประชาชน
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของพรรคการเมือง ที่มีกระแสนิยมทั้งขึ้นและลง การทำงานของพรรคการเมืองทุกพรรค ก็เป็นธรรมดา บางช่วงการทำงานก็เป็นที่ชื่นชอบของแประชาชน แต่บางช่วงก็เป้นการดำเนินงานทางการเมืองก็ถือว่าไม่ถูกใจประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของพรรคการเมืองทั่วไป แต่พรรคกระชาธิปัตย์ที่ยืนยาวมาได้ ขอบอกว่าประชาธิปัตย์ไม่ว่ากระแสการเมืองจะเป็นอย่างไร สิ่งที่พรรคยึดมั่นและยืนหยัดมาตลอดคือ อุดมการณ์ที่ประกาศไว้เมื่อปี 2489 เป็นอุดมการณ์ที่บอกได้ชัดเจนว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่สนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เพราะความเชื่อพื้นฐานของพรรคคือความศรัทธาในประชาชน และมั่นใจว่า ประชาชนคือเจ้าของประเทศ และย่อมรู้ปัญหาว่าเป็นอย่างไร หากมีกระบวนการทางการเมือง สถาบันทางการเมืองที่ดี เพื่อเอื้ออำนวยให้ประชาชนได้ใช้สิทธิและเสียง มามีส่วนร่วมทางการเมืองแล้ว หมายความว่า กระบวนการต่างๆ การทำงานก็จะมีประสิทธิภาพ ตอบสนองความต้องการของประชาชนได้อย่างแท้จริง
‘ในฐานะหัวหน้าพรรคคนที่ 7 ผมขอยืนยันว่า ประชาธิปัตย์เป็นพรรคของประชาชน สมาชิกทุกคนที่ตัดสินใจเดินเข้ามาร่วมอุดมการณ์ มีโอกาสที่จะได้รับการสนับสนุนให้มีบทบาททางการเมือง อย่างไม่มีข้อจำกัด ผมต้องการพาพรรคประชาธิปัตย์ สื่อสารอุดมการณ์ของพรรค เข้าสู่การเมืองยุคใหม่ ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกและสังคม’ นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่า สิ่งที่ตนเชื่อมั่นคือการทำให้พรรคการเมือง มีความกลมกลืนกับประชาชน เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม และมีความรู้สึกว่าเป็นเจ้าของประเทศ และหวงแหนการเมือง การปกครองของบ้านเมืองอย่างแท้จริง พรรคจึงได้เริ่มโครงการ ‘สมัชชา ประชาชน ประชาธิปัตย์’ และวันนี้ที่ได้เดินทางมาร่วมสัมมนาที่จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งในการระดมสมองเพื่อยืนยันว่า แนวทางนี้คือคำตอบสำคัญของปัญหาของประชาชน เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา ประชาชนมีความทุกข์กับวิกฤตทั้งหลาย ไม่ใช่เฉพาะการมืองที่สับสนวุ่นวาย แม้ขณะนี้จะมีความชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งขึ้นในช่วงปลายปี แต่วิกฤตอีกหลายวิกฤตที่กำลังเผชิญอยู่ ทั้ง เศรษฐกิจ ราคาน้ำมันแพง ประชาชนเป็นหนี้ ค้าขายประสบปัญหา การลงทุนที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนวิกฤตสังคมที่พรรคถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคือ ความแตกแยกของประชาชน ที่เกิดขึ้นอย่างไม่เคยเห็นมาก่อนหลายเรื่องมาจากวิกฤตคุณธรรม จริยธรรม ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้การเมืองไม่โปร่งใส เศรษฐกิจไม่เป็นธรรม และสังคมมีปัญหา นี่คือสิ่งที่เป็นทุกข์ของประชาชนทั้งประเทศ ประชาธิปัตย์จึงถือว่าเป็นหน้าที่ ที่จะต้องคลี่คลายปัญหาตรงนี้ให้ได้ จึงได้มาพบปะแสวงหาเครือข่าย เพื่อให้ประชาชนหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาของประเทศ ซึ่งเราเรียกว่า ‘วาระประชาชน’ การทำสิ่งนี้ สิ่งที่จำเป็นคือ บุคลากรที่มีคุณภาพ และมีกลไกผลักดันให้งานเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ อย่างไรก็ตามตนขอยืนยันว่า พื้นที่จังหวัดนครราชสีมา และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่ที่สำคัญ ที่รอการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความยากจน แต่ต้องเป็นการแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ดังนั้นวันนี้ ประชาธิปัตย์จึงได้เดินทางมาเพื่อระดมสมอง ซึ่งพรรคหวังว่าจะทำให้การทำงานต่อเนื่อง และหวังว่าจะกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประชาชน กับประชาธิปัตย์อย่างแนบแน่น บนพื้นฐานผลประโยชน์ของประเทศชาติ ตามแนวทางที่ประกาศว่า ประชาชนต้องมาก่อน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 18 ส.ค. 2549--จบ--