รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ อยากเห็นนายกฯรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และทบทวนว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มีอะไรผิดพลาด พร้อมเรียกร้องให้เปลี่ยนท่าที เลิกส่งสัญญาณผิดๆ และหันมาใช้ท่าทีที่เป็นมิตรต่อกัน เพื่อร่วมมือแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้
วันนี้ (22 ก.พ. 2548) เวลา 10.45 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีในการแก้ปัญหาภาคใต้ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนี้ว่า อยากเรียนท่านด้วยความเคารพว่า อยากจะเห็นนายกฯใช้ท่าทีที่นุ่มนวลกว่าที่แสดงอยู่ในขณะนี้ วันนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยังคิด และใช้ท่าทีแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับท่าน ท่านก็จะตอบโต้กลับด้วยความรุนแรงทุกครั้ง มันไม่มีประโยชน์ เราพยายามเรียกร้องนายกฯมาตลอดว่า ควรใช้ท่าทีที่เป็นมิตรต่อกันในการร่วมมือแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านออกมาพูดและแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งพยายามเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา โดยนำเสนอในคำประกาศปัตตานี เพื่อมุ่งที่จะสะท้อนปัญหาให้นายกฯได้รับทราบจริงๆ
นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้องคมนตรีได้ออกมาพูดตอกย้ำ ว่า เราจะต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชนในพื้นที่ ต้องรับฟังปัญหาจากพื้นที่อย่างแท้จริง ถ้านายกฯลงไปในพื้นที่โดยมีกองกำลังล้อมหน้าล้อมหลัง คนที่ต้องการจะพูดความจริงคงไม่มีโอกาสได้พูดกับท่านนายกฯ ตนเชื่อว่าสิ่งที่องคมนตรีสะท้อนออกมา คือ ข้อมูลที่หลายฝ่ายในบ้านเมืองได้รับทราบ แสดงว่าอย่างน้อยที่สุดพรรคฝ่ายค้านก็ได้รับข้อมูลที่ตรงกับท่านองคมนตรี เราจึงได้กำหนดในคำประกาศปัตตานีอย่างชัดเจน ในข้อหนึ่งว่า จะลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเมิดกฎหมายในการปฏิบัติต่อประชาชนอย่างจริงจัง ‘วันนี้การที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ได้ออกมาเสนอปัญหา ผมคิดว่านายกฯควรจะรับฟัง ท่านไม่ควรจะคิดว่า คนเหล่านี้พูดติอยู่ได้ทั้งวัน ถ้าท่านนายกฯลองทบทวนสิ่งที่หลายท่านนำเสนอ ในช่วง 3 — 4 วันที่ผ่านมา เชื่อว่าทุกอย่างมันมีทางแก้ไขอยู่ในตัวเอง วันนี้ผมอยากเห็นปัญหา 3 จังหวัด ได้มีการพูดคุยกันในท่าทีที่เป็นมิตร มากกว่าที่จะใช้ความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกไม่พอใจ แล้วใช้ความรู้สึกส่วนตัว พูดจาในสิ่งที่ไม่สมควรออกมาสู่สาธารณะ’ นายนิพนธ์กล่าว
รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่ายินดีจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในทุกเรื่อง ขอเพียงแต่รัฐบาลต้องให้โอกาสในการนำเสนอความคิดเห็น และควรรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างบ้าง ถ้ารัฐบาลคิดว่าเดินมาถูกทาง และยังยืนยันที่จะเดินหน้าต่อไป เหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตนเชื่อว่าปัญหาจะยิ่งรุกรามบานปลาย และจะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศ ‘ถ้าวันนี้เราหยุดนิ่งสักนิดนึง หายใจลึกๆ แล้วลองทบทวนดูว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มันมีอะไรบ้าง ที่คิดว่าเป็นข้อผิดพลาด วันนี้จะได้ร่วมมือกันแก้ไข ร่วมมือกันเปลี่ยนท่าที เลิกส่งสัญญาณผิดๆ แล้วใช้การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายมาร่วมกันแก้ปัญหา ฟังคนอื่นสักนิด ดีกว่าจะพูดจาอะไรแล้ว เกิดความรู้สึกว่าต่างคน ต่างทำ ไม่ได้ร่วมมือกันทำ’ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส อยากให้นายกฯ ให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐมนตรีดูแลภาคใต้ มีความเป็นไปได้แค่ไหน นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณหมอประเวศ ที่ท่านได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหา ซึ่งตนคิดว่าข้อเสนอของท่านเป็นความปรารถนาดี ที่มีต่อบ้านเมือง ที่ต้องการเห็นความร่วมมือกันแก้ปัญหาจากทุกส่วน แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับนายกฯ ที่เป็นผู้รับผิดชอบในเชิงบริหาร แต่เท่าที่ดูจากท่าทีของนายกฯ อย่าว่าแต่ให้ประชาธิปัตย์เข้าไปมีส่วนร่วมเลย เพียงแค่ประชาธิปัตย์เสนอทางออก เสนอความเห็น ท่านก็ไม่อยากรับฟัง เพราะท่านมีความรู้สึกว่าฝ่ายค้านดีแต่พูด เพียงแค่นายกฯรับแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอในคำประกาศปัตตานี และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ตนคิดว่านี่คือสิ่งที่นายกฯได้จากประชาธิปัตย์แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำแนวทางนี้ ไปมอบให้นายกฯอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในวันที่ 28 ก.พ. 2548 นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ส.ส. ของพรรค จะลงพื้นที่ จ.ปัตตานี อีกครั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม หลังจากนั้นก็จะกำหนดวันไป จ.นราธิวาส จากนั้นจะเป็นโอกาสที่เราจะยื่นคำประกาศปัตตานีเสนอต่อนายกฯ หลังได้รับข้อมูลจากพี่น้องประชาชนและพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นครั้งสุดท้าย จึงคาดว่าน่าจะยื่นก่อนวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรกับการที่นายกฯส่งรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยลงพื้นที่วันเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์จะลงไปเช่นกัน นายนิพนธ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ถ้าใครจะลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ ก็เป็นเรื่องที่น่าแสดงความยินดี ซึ่งตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนภาคใต้รอต้อนรับทุกคน ที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ‘จะลงไปวันไหน เมื่อไหร่ก็ได้ จะไปเป็นคณะ หรือเป็นตัวบุคคล ก็ไม่สำคัญ เท่าความจริงใจในการแก้ปัญหา การลงไปเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ทอดทิ้งปัญหา ยังติดตามปัญหาอยู่ มันค่อนข้างจะไม่มีประโยชน์ เท่ากับการเข้าใจปัญหา และได้แก้ปัญหาอย่างถูกทิศ ถูกทาง สอดคล้องกับความต้องการและความรู้สึกของพี่น้องประชาชน’ นายนิพนธ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (22 ก.พ. 2548) เวลา 10.45 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายนิพนธ์ บุญญามณี รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงท่าทีในการแก้ปัญหาภาคใต้ของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนี้ว่า อยากเรียนท่านด้วยความเคารพว่า อยากจะเห็นนายกฯใช้ท่าทีที่นุ่มนวลกว่าที่แสดงอยู่ในขณะนี้ วันนี้ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะยังคิด และใช้ท่าทีแบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน ใครแสดงความคิดเห็นที่ไม่ตรงกับท่าน ท่านก็จะตอบโต้กลับด้วยความรุนแรงทุกครั้ง มันไม่มีประโยชน์ เราพยายามเรียกร้องนายกฯมาตลอดว่า ควรใช้ท่าทีที่เป็นมิตรต่อกันในการร่วมมือแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าสิ่งที่ฝ่ายค้านออกมาพูดและแสดงความคิดเห็น พร้อมทั้งพยายามเสนอแนะแนวทางในการแก้ปัญหา โดยนำเสนอในคำประกาศปัตตานี เพื่อมุ่งที่จะสะท้อนปัญหาให้นายกฯได้รับทราบจริงๆ
นายนิพนธ์ กล่าวว่า วันนี้องคมนตรีได้ออกมาพูดตอกย้ำ ว่า เราจะต้องให้ความเป็นธรรมกับประชาชนในพื้นที่ ต้องรับฟังปัญหาจากพื้นที่อย่างแท้จริง ถ้านายกฯลงไปในพื้นที่โดยมีกองกำลังล้อมหน้าล้อมหลัง คนที่ต้องการจะพูดความจริงคงไม่มีโอกาสได้พูดกับท่านนายกฯ ตนเชื่อว่าสิ่งที่องคมนตรีสะท้อนออกมา คือ ข้อมูลที่หลายฝ่ายในบ้านเมืองได้รับทราบ แสดงว่าอย่างน้อยที่สุดพรรคฝ่ายค้านก็ได้รับข้อมูลที่ตรงกับท่านองคมนตรี เราจึงได้กำหนดในคำประกาศปัตตานีอย่างชัดเจน ในข้อหนึ่งว่า จะลงโทษเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ละเมิดกฎหมายในการปฏิบัติต่อประชาชนอย่างจริงจัง ‘วันนี้การที่ผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง ได้ออกมาเสนอปัญหา ผมคิดว่านายกฯควรจะรับฟัง ท่านไม่ควรจะคิดว่า คนเหล่านี้พูดติอยู่ได้ทั้งวัน ถ้าท่านนายกฯลองทบทวนสิ่งที่หลายท่านนำเสนอ ในช่วง 3 — 4 วันที่ผ่านมา เชื่อว่าทุกอย่างมันมีทางแก้ไขอยู่ในตัวเอง วันนี้ผมอยากเห็นปัญหา 3 จังหวัด ได้มีการพูดคุยกันในท่าทีที่เป็นมิตร มากกว่าที่จะใช้ความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกไม่พอใจ แล้วใช้ความรู้สึกส่วนตัว พูดจาในสิ่งที่ไม่สมควรออกมาสู่สาธารณะ’ นายนิพนธ์กล่าว
รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์ยืนยันว่ายินดีจะให้ความร่วมมือกับรัฐบาลในทุกเรื่อง ขอเพียงแต่รัฐบาลต้องให้โอกาสในการนำเสนอความคิดเห็น และควรรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่างบ้าง ถ้ารัฐบาลคิดว่าเดินมาถูกทาง และยังยืนยันที่จะเดินหน้าต่อไป เหมือนช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ตนเชื่อว่าปัญหาจะยิ่งรุกรามบานปลาย และจะไม่เกิดประโยชน์กับประเทศ ‘ถ้าวันนี้เราหยุดนิ่งสักนิดนึง หายใจลึกๆ แล้วลองทบทวนดูว่า ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา มันมีอะไรบ้าง ที่คิดว่าเป็นข้อผิดพลาด วันนี้จะได้ร่วมมือกันแก้ไข ร่วมมือกันเปลี่ยนท่าที เลิกส่งสัญญาณผิดๆ แล้วใช้การมีส่วนร่วมของทุกฝ่ายมาร่วมกันแก้ปัญหา ฟังคนอื่นสักนิด ดีกว่าจะพูดจาอะไรแล้ว เกิดความรู้สึกว่าต่างคน ต่างทำ ไม่ได้ร่วมมือกันทำ’ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีที่ น.พ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส อยากให้นายกฯ ให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐมนตรีดูแลภาคใต้ มีความเป็นไปได้แค่ไหน นายนิพนธ์ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณหมอประเวศ ที่ท่านได้เสนอทางออกในการแก้ปัญหา ซึ่งตนคิดว่าข้อเสนอของท่านเป็นความปรารถนาดี ที่มีต่อบ้านเมือง ที่ต้องการเห็นความร่วมมือกันแก้ปัญหาจากทุกส่วน แต่ทั้งหมดต้องขึ้นอยู่กับนายกฯ ที่เป็นผู้รับผิดชอบในเชิงบริหาร แต่เท่าที่ดูจากท่าทีของนายกฯ อย่าว่าแต่ให้ประชาธิปัตย์เข้าไปมีส่วนร่วมเลย เพียงแค่ประชาธิปัตย์เสนอทางออก เสนอความเห็น ท่านก็ไม่อยากรับฟัง เพราะท่านมีความรู้สึกว่าฝ่ายค้านดีแต่พูด เพียงแค่นายกฯรับแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์เสนอในคำประกาศปัตตานี และนำไปปฏิบัติอย่างจริงจัง ตนคิดว่านี่คือสิ่งที่นายกฯได้จากประชาธิปัตย์แล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการนำแนวทางนี้ ไปมอบให้นายกฯอย่างเป็นทางการเมื่อไหร่ นายนิพนธ์ กล่าวว่า ในวันที่ 28 ก.พ. 2548 นี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย ส.ส. ของพรรค จะลงพื้นที่ จ.ปัตตานี อีกครั้ง เพื่อรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติม หลังจากนั้นก็จะกำหนดวันไป จ.นราธิวาส จากนั้นจะเป็นโอกาสที่เราจะยื่นคำประกาศปัตตานีเสนอต่อนายกฯ หลังได้รับข้อมูลจากพี่น้องประชาชนและพิจารณาอย่างรอบคอบเป็นครั้งสุดท้าย จึงคาดว่าน่าจะยื่นก่อนวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อรัฐสภา
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรกับการที่นายกฯส่งรัฐมนตรีและ ส.ส.ของพรรคไทยรักไทยลงพื้นที่วันเดียวกับที่พรรคประชาธิปัตย์จะลงไปเช่นกัน นายนิพนธ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหา ถ้าใครจะลงไปแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคใต้ ก็เป็นเรื่องที่น่าแสดงความยินดี ซึ่งตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนภาคใต้รอต้อนรับทุกคน ที่จะเข้าไปแก้ไขปัญหาความไม่สงบ ‘จะลงไปวันไหน เมื่อไหร่ก็ได้ จะไปเป็นคณะ หรือเป็นตัวบุคคล ก็ไม่สำคัญ เท่าความจริงใจในการแก้ปัญหา การลงไปเพื่อแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่ทอดทิ้งปัญหา ยังติดตามปัญหาอยู่ มันค่อนข้างจะไม่มีประโยชน์ เท่ากับการเข้าใจปัญหา และได้แก้ปัญหาอย่างถูกทิศ ถูกทาง สอดคล้องกับความต้องการและความรู้สึกของพี่น้องประชาชน’ นายนิพนธ์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 22 ก.พ. 2548--จบ--
-ดท-