องค์กรเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศได้วิเคราะห์ความต้องการยางของโลกในอีก 25 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นถึง 21.3 ล้านตัน และต้นทุนการผลิตยางของไทยสูงขึ้นถึงกิโลละ 125 บาท เนื่องจากยางพารากลายเป็นสินค้าที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางในช่วงเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมาและส่งผลให้บางช่วงราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 100 บาท
ด้านนายสุขุม วงษ์เอก ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตรได้กล่าวว่าจากการวิจัยถึงสถานการณ์การผลิตและการตลาดยางของแอลเอ็มซี อินเตอร์เนชั่นแนลและองค์กรศึกษายางระหว่างประเทศได้พบว่าความต้องการใช้ยางธรรมชาติของโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าในปี 2578 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 15.027 ล้านตันจากปัจจุบันอยู่ที่ 8-9 ล้านตัน นอกจากนี้แอลเอ็มซี อินเตอร์เนชั่นแนล ยังคาดการณ์ถึงแนวโน้มการผลิตว่าภายในอีก 15 ปีข้างหน้าประเทศอินโดนีเซียจะเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกยางธรรมชาติเป็นอันดับ 1 ของโลกเนื่องจากมีศักยภาพสูงทั้งด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการขยายพื้นที่ปลูกทั้งปลูกแทนและปลูกใหม่ ส่วนประเทศไทยจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1-2 ต่อปีหรือเพิ่มขึ้นเป็น 3.825 ล้านตันโดยไทยจะปรับตัวเข้าสู่การเป็นผู้ใช้ยางมากขึ้น
นายแสง อุดมจารุมณี ประธานกรรมการบริหารบริษัท ร่วมทุนยางพาราระหว่างประเทศ (IRCO) ได้กล่าวถึงความต้องการยางธรรมชาติและยางสังเคราะห์ของโลกรวม 21 ล้านตันเป็นความต้องการยางธรรมชาติ 41% หรือ 8.6 ล้านตัน และยางสังเคราะห์ 59% หรือประมาณ 12.5 ล้านตัน
จากผลวิเคราะห์ขององค์กรเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศพบว่าในอีก 10 ปีข้างหน้าความต้องการยางพาราของโลกจะยังเพิ่มขึ้นแต่จะเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง เช่น ปี 2543-2548 จะเพิ่มขึ้น 18% ปี 2548-2553 เพิ่มขึ้น 12% ปี 2553-2558 เพิ่มขึ้น 11% ปี 2558-2563 เพิ่มขึ้น 10% เป็นต้น
ความต้องการยางธรรมชาติในตลาดโลกปี 2548 ได้มีการคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 15 ล้านตันแต่ประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย สามารถผลิตได้ประมาณ 10.6 ล้านตันซึ่งยังขาดแคลนอยู่ประมาณ 5-6 ล้านตันซึ่งจะเห็นว่าแนวโน้มราคายางยังคงจะสูงขึ้น และจากการคำนวณของผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์ขององค์กรระหว่างประเทศพบว่าในปี 2553 ต้นทุนการผลิตยางของไทยจะเพิ่มขึ้นเป็น 44 บาทต่อกิโลกรัม ปี 2558 จะเพิ่มเป็น 56 บาทต่อกิโลกรัม ปี 2563 จะเพิ่มเป็น 72 บาทต่อกิโลกรัม ปี 2568 จะเพิ่มเป็น 90 บาทต่อกิโลกรัม ปี 2573 เพิ่มเป็น 125 บาทต่อกิโลกรัม และปี 2578 เพิ่มเป็น 148 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่มาเลเซีย ต้นทุนการผลิตจะเพิ่มขึ้น 175 บาทต่อกิโลกรัม และอินโดนีเซีย ปี 2578 เพิ่มขึ้น 125 บาทต่อกิโลกรัม โดยเฉลี่ยทั้ง 3 ประเทศในปี 2578 ต้นทุนการผลิตเฉลี่ยอยู่ที่ 135 บาทต่อกิโลกรัม
ประเด็นวิเคราะห์
องค์กรเศรษฐศาสตร์ระหว่างประเทศได้วิเคราะห์ถึงความต้องการยางธรรมชาติในอีก 25 ปีข้างหน้าซึ่งยังคงมีแนวโน้มที่ยังสูงอยู่อย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นถึง 15.027 ล้านตันจากปัจจุบันที่มีความต้องการใช้อยู่ที่ 8-9 ล้านตัน ทั้งนี้ประเทศไทย อินโดนีเซียและมาเลเซีย จะไม่สามารถผลิตยางธรรมชาติให้ได้ทันตามความต้องการอีกทั้งต้นทุนการผลิตจะเพิ่มสูงขึ้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th