อาเซียนเปิดศึกแย่งตลาดจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday February 15, 2006 11:51 —กรมส่งเสริมการส่งออก

สรุปสถานการณ์:          
นับตั้งแต่ได้มีการเปิดการค้าเสรีระหว่างอาเซียน-จีน ซึ่งมีผลบังคับใช้มาได้ 2 ปีแล้วและในเวลานี้ได้มีสินค้าหลายรายการได้ลดภาษีลงเป็น 0% แล้วและมีอีกหลายรายการเริ่มลดลง การเริ่มลดภาษีลงดังกล่าวทำให้สินค้าไทยได้รับผลกระทบจากสินค้าเพื่อนบ้านแล้วหลายรายการ เช่น ยางพารา ที่ต้องแข่งกับมาเลเซียและอินโดนีเซีย เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ต้องแข่งกับมาเลเซีย เช่นกัน ทั้งนี้ผู้ส่งออกของไทยในหลายประเภทกลุ่มสินค้ามีความเห็นว่าหลังจากที่ข้อตกลงเอฟทีเอ อาเซียน-จีนได้ส่งผลบังคับแล้วเมื่อวันที่ 1 ม.ค.47 ที่ผ่านมาสินค้าของไทยต้องแข่งขันอย่างรุนแรงมากขึ้นกับสินค้าของประเทศเพื่อนบ้าน
โดยนายหลักชัย กิตติพล นายกสมาคมยางพาราไทย ได้กล่าวว่าขณะนี้สินค้ายางพาราของไทยต้องแข่งขันรุนแรงมากยิ่งขึ้นกับสินค้ายางพาราจากมาเลเซียและอินโดนีเซียที่ส่งเข้าไปจำหน่ายในจีนเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าไทยยังสามารถครองตลาดยางพาราเป็นอันดับ 1 แต่ขณะนี้ไทยเริ่มเสียความสามารถในการแข่งให้กับอินโดนีเซียเนื่องจากต้นทุนการซื้อจากเกษตรกรต่ำกว่าของไทย และถือว่าอินโดนีเซียเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวมากในตลาดจีน
สำหรับสินค้าข้าว นายเจริญ เหล่าธรรมทัศน์ อุปนายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวต่างประเทศ ได้แสดงความเห็นว่าขณะนี้จีนได้เก็บภาษีนำเข้าข้าวที่ 1% ในขณะที่ไทยได้ส่งออกข้าวไปยังจีนเป็นอันดับ 1 โดยปี 2548 ที่ผ่านมาได้ส่งออกข้าวไปจีนปริมาณ 4.2 แสนตัน ในขณะที่เวียดนาม ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของไทยยังไม่ได้ส่งข้าวมายังจีน แต่สำหรับการค้าชายแดนตัวเลขสถิติไม่ปรากฎเป็นที่แน่ชัดว่าส่งออกมากหรือน้อยเพียงใด แต่อย่างไรก็ตามเวียดนามกำลังพัฒนาข้าวจัสมิน 85 ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายกับข้าวหอมปทุมของไทย จึงคาดว่าจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญในสินค้าข้าวหอมปทุมของไทยในอนาคต
นายกำจร คุณวพานิชกุล รองเลขาธิการกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เห็นว่าสินค้าประเภทนี้โดยส่วนใหญ่ภาษีภายใต้เอฟทีเออาเซียน-จีนจะเป็น 0% ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้านำเข้าจีนอัตราภาษียังอยู่ที่ประมาณ 20-25% โดยทั้ง 2 กลุ่มนี้มีมาเลเซียถือเป็นคู่แข่งขันของไทยทั้งด้านราคาและเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยแปลงอย่างรวดเร็ว
ส่วนกลุ่มสินค้าผัก ผลไม้ นางซิง ชิง ทองดี ประธานสมาคมผู้ค้าและส่งออกผลไม้ไทย กล่าวว่ามีผลไม้หลายรายการที่ไทยต้องแข่งขันกับเพื่อนบ้านในตลาดจีน เช่น มะม่วง และ กล้วย ต้องแข่งกับฟิลิปปินส์ มังคุด ต้องแข่งกับอินโดนีเซีย และมะละกอ ต้องแข่งกับมาเลเซีย แต่
ไทยยังได้เปรียบกว่าเนื่องจากมีผลไม้ที่หลากหลาย ในขณะที่ฟิลิปปินส์ได้เปรียบไทยในเรื่องค่าขนส่งที่อยู่ใกล้กว่าไทย ส่วนการแข่งขันภายในจีนถือเป็นเรื่องของผู้นำเข้า ซึ่งการจะขายถูกหรือแพงขี้นอยู่กับความต้องการมีมากหรือน้อยเป็นหลัก
ประเด็นวิเคราะห์:
ผลกระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอระหว่างอาเซียน-จีน นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2547 เป็นต้นมา ทำให้สินค้าของไทยต้องแข่งขันอย่างรุนแรงกับตลาดเพื่อนบ้านเป็นอย่างมากเช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เป็นต้น ในขณะที่มีสินค้าบางรายการของไทยที่ยังคงได้เปรียบเพือนบ้านอยู่เนื่องจากมีความหลากหลาย เช่น ผลไม้ เป็นต้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ