หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์เศรษฐกิจเชิงสังคม แผนกงานพัฒนาและปัญหาความยากจน (ESCAP) ขององค์การสหประชาชาติ ชามิกา ศิริมันนี ได้แถลงหลังจากการประชุมหัวข้อ World Economic Situation และ Pospect 2006 เมื่อเร็วๆ นี้เกี่ยวกับภาพรวมของเศรษฐกิจโลกปี 2549 โดยให้ความเห็นว่าจะยังคงขยายตัวในระดับปานกลางประมาณ 3.3% หลังจากปี 2548 โตในระดับ 3.2% ซึ่งต่ำกว่าปี 2547 อย่างเห็นได้ชัด แนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมพัฒนาแล้วซึ่งในปี 2548 ส่วนใหญ่เติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงและจะยังมีผลต่อเนื่องในปี 2549 เช่นเดียวกับสหรัฐอเมริกาจะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3.1% สหภาพยุโรป(อียู) 2.1% ส่วนญี่ปุ่นประมาณ 2%
การประมาณการตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในหลายประเทศเมื่อปีที่ผ่านมาซึ่งเริ่มถึงจุดอิ่มตัวรวมทั้งผลของความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติและปัญหาภัยก่อการร้าย แต่ในทางกลับกันประเทศที่กำลังพัฒนาได้มีการพบว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวที่มากกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว เนื่องจากได้ประโยชน์จากภาวะปัจจัยที่เอื้ออำนวย เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ เงินเฟ้อต่ำ ขณะที่ความต้องการซื้อสินค้าส่งออกประเภทสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ในรายงานได้ระบุว่าจีนและอินเดียยังคงเติบโตอย่างร้อนแรงในปี 2549 แม้ว่าสถิติในสองปีที่ผ่านมาจะลดลงก็ตาม อย่างไรก็ตามภาพรวมของเศรษฐกิจเอเซียตะวันออกและเอเซียใต้ไม่รวมถึงจีนและอินเดีย ก็ยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดีและจะมีการขยายตัวได้ในอัตราที่เกินกว่า 5% คือ เอเซียตะวันออกจะเติบโตประมาณ 6.7% ส่วนเอเซียใต้ประมาณ 6.5% สำหรับไทยจะขยายตัวประมาณ 5% นับว่าสูงกว่าปี 2548 ที่ผ่านมา
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่เอสแคปแนะให้เฝ้าระวังที่อาจจะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในปี 2549 แบ่งได้ 4 เรื่องใหญ่ๆ ปัจจัยที่ 1 ได้แก่ปัญหาความไม่สมดุลทางเศรษฐกิจซึ่งเห็นจากภาวะขาดดุลบัญชีเดินสะพัดและการขาดดุลการค้าในระดับมหาศาลของประเทศมหาอำนาจโลกอย่างอเมริกา ปัจจัยที่ 2 คือ เรื่องราคาน้ำมันดิบที่ยังมีราคาสูงซึ่งมีผลทำให้เกิดเงินเฟ้อตามมา ปัจจัยที่ 3 คือ หากเกิดสภาวะฟองสบู่แตกในภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตของจีดีพีในหลายประเทศจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อหลายภาคธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกัน และปัจจัยสุดท้าย คือ โรคระบาคที่อาจจะมีการขยายขอบเขตการแพร่ระบาคจากคนสู่คนอย่างแพร่หลายและรวดเร็วในวงกว้างโดยเฉพาะไข้หวัดนกที่ได้คร่าชีวิตเพิ่มขึ้นในเอเซียและยุโรป
ประเด็นวิเคราะห์
ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของจีนและอินเดียจะเป็นตัวผลักดันให้ภูมิภาคเอเซียตะวันออกมีการเติบโตอยู่ในระดับ 6.7% โดยเฉพาะจีนซึ่งเชื่อว่าจะยังคงเจริญเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งและมีอนาคตก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วยากที่คู่แข่งขันจะคาดการณ์ได้
ที่มา: http://www.depthai.go.th