วันนี้ (3 กย. 2549) ที่พรรคประชาธิปัตย์ เวลา 14.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ก.ดินแดง พรรคประชาธิปัตย์ และนายอภิชาติ หาลำเจียก ว่าที่ สก. กทม. ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีการปล่อยข่าวว่าแฟลตดินแดงทั้งหมด โดยเฉพาะหมายเลข 1 — 8, 21 — 32 มีปัญหาเกี่ยวกับความมั่นคงแข็งแรง และต้องย้ายประชาชนออกไปภายใน 7 วัน นั้นว่า เป็นการจัดฉากอีกฉากหนึ่ง เพราะหากได้เคยติดตามเรื่องนี้มาโดยตลอดแล้วจะพบว่าเป็นเรื่องเก่ามีมานานแล้ว การอ้างว่าจะทุบแฟลตเพื่อความมั่นคงแข็งแรงนั้น เจตนารมย์ที่แท้จริงคือต้องการเอาที่ดินซึ่งในอดีตเป็นที่ดินที่ไม่มีราคา แต่ปัจจุบันเป็นที่ดินที่มีราคาน่าสนใจ ทำเลงาม เพื่อเอาไปจัดสรรผลประโยชน์ให้เอกชนทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
นายพีระพันธุ์ ตั้งข้อสงสัยจากการที่กระทรวงมหาดไทยอ้างว่าแฟลตหมายเลข 1 — 8 และ 21 — 32 อันตรายมากนั้น เหตุใดจึงอันตรายตามกำหนดการก่อสร้างคอมเพล็กซ์ โดยแฟลตหมายเลข 1 — 8 จะรื้อเพื่อจัดเป็นสวน และด้านหลังเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนแฟลตหมายเลข 21 — 32 ริมถนนวิภาวดีรังสิต จะจัดทำเป็นคอมเพล็กซ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดง ของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะทำโครงการนี้มานานแล้ว แต่ติดตรงที่ว่าจะทำอย่างไรเนื่องจากพื้นที่นี้มีแฟลตทั้งหมดเป็นร้อยแฟลต แต่พื้นที่สำหรับทำโครงการนี้มี 64 แฟลต โดยแบ่งการทำงานเป็นเฟส มีประชาชนอาศัยบริเวณนี้ 4 — 5 หมื่นคน เฉพาะที่อยู่ในทะเบียนบ้าน และที่ผ่านมามีความพยายามทำในลักษณะนี้มาแล้วหลายยุค แม้กระทั่งสมัยรัฐบาลชวน 2 ก็ได้เคยมีการยื่นเรื่องขอทำโครงการดังกล่าวแต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรี สมัยนั้น นายชวน หลีกภัย มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน จึงเห็นว่าหากจะทำโครงการนี้โดยการอ้างเหตุผลว่าประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากอาคารทรุดโทรมและจะพังลงมา จึงได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พย. 2543 และมติครม.นี้ยังมีผลบังคับในทุกยุคทุกสมัย โดยมีเงื่อนไขโดยสรุปว่าประชาชนที่พักอาศัยบริเวณนั้น ต้องได้ประโยชน์ หากที่บริเวณนั้นเป็นร้านค้า ต้องให้ประชาชนที่พักอาศัยบริเวณนั้นถือหุ้น และต้องจัดที่อยู่อาศัยให้เข้าอยู่ที่เดิมในราคาที่สามารถจ่ายได้ ที่สำคัญคือต้องทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นของประชาชนทั้งหมดทั้งจำนวน 4 — 5 หมื่นคนเสียก่อน
นายพีระพันธุ์กล่าวต่อไปว่า วันนี้กฎหมายของการเคหะแห่งชาติไม่สอดคล้องกับการก่อสร้างโครงการใหญ่ขนาดนี้ จากมติคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลชวนได้มีการระบุว่าต้องแก้กฎหมายของการเคหะแห่งชาติก่อนเพื่อให้มีขีดความสามารถในการบริหารโครงการขนาดใหญ่ โดยมติครม.นั้นยังระบุอีกว่า ทั้งหมดที่วางเป็นเงื่อนไขนั้น การเคหะแห่งชาติต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จึงจะสามารถดำเนินโครงการได้ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ยังไม่เสร็จแม้แต่เรื่องเดียว
ดังนั้นหากรัฐบาลนี้จะทำโครงการนี้ก็ต้องแก้หรือกลับมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายพีระพันธุ์ อยากรู้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเลือกประชาชน 4 — 5 หมื่นคน หรือเลือกประชาชนเพียงไม่กี่คนที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นี้ นอกจากนี้นายพีระพันธุ์ในฐานะอดีต สส. เขตดินแดง ยังกล่าวอีกว่าเรื่องนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองตลอดมา ทุกครั้งที่ใกล้เลือกตั้งทุบแฟลตทุกที ตนได้เคยชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนมาตลอด ตั้งแต่สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลลงเลือกตั้งสมัยนั้นก็มีการปล่อยข่าวให้ระวังพรรคประชาธิปัตย์จะทุบแฟลต ต่อมาตอนนี้พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล เมื่อประมาณปีเศษที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งปี 48 นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณได้เคยนำคณะไปเยี่ยมแฟลตดินแดง และประกาศว่า จะไม่ทุบแฟลตดินแดง วันนี้ให้หลังปีเศษทุบอีกแล้ว
“ที่สำคัญคือจะมีการสร้างดาราเป็นพระเอกใหม่อีกคนหนึ่ง เพราะว่าสามารถระงับการทุบแฟลตได้ และมีงบประมาณมาซ่อมแซมอีก เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมขอเรียนว่าอย่าหาเสียงบนความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ข้างหลัง ให้นึกถึงว่าเป็นบ้านท่าน เช้าตื่นขึ้นมาเดี๋ยวก็โดนทุบบ้าน เย็นนี้กลับมาจะมีบ้านอยู่ไม๊ ผมขอร้องครับ” นายพีระพันธุ์ กล่าว
พร้อมกันนี้นายพีระพันธุ์ได้เรียกร้องผ่านสื่อมวลชนว่า หากพรรคการเมืองต้องการหาเสียง ต้องการเล่นการเมือง หรือจะทำอะไร อย่าเอาความเดือดร้อนของประชาชนมายุ่ง เห็นใจและสงสารประชาชนที่พักอาศัยบ้าง เขาไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่ต้องเอาเรื่องข้ออ้างในการทุบแฟลตดินแดงมาใช้ในการเลือกตั้ง ที่สำคัญประการสุดท้ายการที่การเคหะฯ จะเอาพื้นที่บริเวณนี้ไปทำโครงการศูนย์การค้า พาณิชย์ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะอำนาจหน้าที่ของการเคหะฯ ตามกฎหมายนั้นมีอำนาจหน้าที่เพียงจัดที่อยู่อาศัยเท่านั้น หากทำนอกเหนือจากนี้ไม่มีอำนาจหน้าที่ทำ จึงได้ขอเตือนฝากไว้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ก.ย. 2549--จบ--
นายพีระพันธุ์ ตั้งข้อสงสัยจากการที่กระทรวงมหาดไทยอ้างว่าแฟลตหมายเลข 1 — 8 และ 21 — 32 อันตรายมากนั้น เหตุใดจึงอันตรายตามกำหนดการก่อสร้างคอมเพล็กซ์ โดยแฟลตหมายเลข 1 — 8 จะรื้อเพื่อจัดเป็นสวน และด้านหลังเป็นที่อยู่อาศัย ส่วนแฟลตหมายเลข 21 — 32 ริมถนนวิภาวดีรังสิต จะจัดทำเป็นคอมเพล็กซ์ ซึ่งโครงการดังกล่าวเป็นโครงการฟื้นฟูเมืองดินแดง ของการเคหะแห่งชาติ ซึ่งก่อนหน้านี้มีความพยายามที่จะทำโครงการนี้มานานแล้ว แต่ติดตรงที่ว่าจะทำอย่างไรเนื่องจากพื้นที่นี้มีแฟลตทั้งหมดเป็นร้อยแฟลต แต่พื้นที่สำหรับทำโครงการนี้มี 64 แฟลต โดยแบ่งการทำงานเป็นเฟส มีประชาชนอาศัยบริเวณนี้ 4 — 5 หมื่นคน เฉพาะที่อยู่ในทะเบียนบ้าน และที่ผ่านมามีความพยายามทำในลักษณะนี้มาแล้วหลายยุค แม้กระทั่งสมัยรัฐบาลชวน 2 ก็ได้เคยมีการยื่นเรื่องขอทำโครงการดังกล่าวแต่เนื่องจากนายกรัฐมนตรี สมัยนั้น นายชวน หลีกภัย มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน จึงเห็นว่าหากจะทำโครงการนี้โดยการอ้างเหตุผลว่าประชาชนจะได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากอาคารทรุดโทรมและจะพังลงมา จึงได้มีมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 7 พย. 2543 และมติครม.นี้ยังมีผลบังคับในทุกยุคทุกสมัย โดยมีเงื่อนไขโดยสรุปว่าประชาชนที่พักอาศัยบริเวณนั้น ต้องได้ประโยชน์ หากที่บริเวณนั้นเป็นร้านค้า ต้องให้ประชาชนที่พักอาศัยบริเวณนั้นถือหุ้น และต้องจัดที่อยู่อาศัยให้เข้าอยู่ที่เดิมในราคาที่สามารถจ่ายได้ ที่สำคัญคือต้องทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นของประชาชนทั้งหมดทั้งจำนวน 4 — 5 หมื่นคนเสียก่อน
นายพีระพันธุ์กล่าวต่อไปว่า วันนี้กฎหมายของการเคหะแห่งชาติไม่สอดคล้องกับการก่อสร้างโครงการใหญ่ขนาดนี้ จากมติคณะรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลชวนได้มีการระบุว่าต้องแก้กฎหมายของการเคหะแห่งชาติก่อนเพื่อให้มีขีดความสามารถในการบริหารโครงการขนาดใหญ่ โดยมติครม.นั้นยังระบุอีกว่า ทั้งหมดที่วางเป็นเงื่อนไขนั้น การเคหะแห่งชาติต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จึงจะสามารถดำเนินโครงการได้ จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 6 ปีแล้ว ยังไม่เสร็จแม้แต่เรื่องเดียว
ดังนั้นหากรัฐบาลนี้จะทำโครงการนี้ก็ต้องแก้หรือกลับมติคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายพีระพันธุ์ อยากรู้ว่ารัฐบาลชุดนี้จะเลือกประชาชน 4 — 5 หมื่นคน หรือเลือกประชาชนเพียงไม่กี่คนที่จะได้ประโยชน์จากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นี้ นอกจากนี้นายพีระพันธุ์ในฐานะอดีต สส. เขตดินแดง ยังกล่าวอีกว่าเรื่องนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองตลอดมา ทุกครั้งที่ใกล้เลือกตั้งทุบแฟลตทุกที ตนได้เคยชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนมาตลอด ตั้งแต่สมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลลงเลือกตั้งสมัยนั้นก็มีการปล่อยข่าวให้ระวังพรรคประชาธิปัตย์จะทุบแฟลต ต่อมาตอนนี้พรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล เมื่อประมาณปีเศษที่ผ่านมาก่อนการเลือกตั้งปี 48 นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณได้เคยนำคณะไปเยี่ยมแฟลตดินแดง และประกาศว่า จะไม่ทุบแฟลตดินแดง วันนี้ให้หลังปีเศษทุบอีกแล้ว
“ที่สำคัญคือจะมีการสร้างดาราเป็นพระเอกใหม่อีกคนหนึ่ง เพราะว่าสามารถระงับการทุบแฟลตได้ และมีงบประมาณมาซ่อมแซมอีก เพราะฉะนั้นตรงนี้ผมขอเรียนว่าอย่าหาเสียงบนความเดือดร้อนของประชาชนที่อยู่ข้างหลัง ให้นึกถึงว่าเป็นบ้านท่าน เช้าตื่นขึ้นมาเดี๋ยวก็โดนทุบบ้าน เย็นนี้กลับมาจะมีบ้านอยู่ไม๊ ผมขอร้องครับ” นายพีระพันธุ์ กล่าว
พร้อมกันนี้นายพีระพันธุ์ได้เรียกร้องผ่านสื่อมวลชนว่า หากพรรคการเมืองต้องการหาเสียง ต้องการเล่นการเมือง หรือจะทำอะไร อย่าเอาความเดือดร้อนของประชาชนมายุ่ง เห็นใจและสงสารประชาชนที่พักอาศัยบ้าง เขาไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง และไม่ต้องเอาเรื่องข้ออ้างในการทุบแฟลตดินแดงมาใช้ในการเลือกตั้ง ที่สำคัญประการสุดท้ายการที่การเคหะฯ จะเอาพื้นที่บริเวณนี้ไปทำโครงการศูนย์การค้า พาณิชย์ อาจเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพราะอำนาจหน้าที่ของการเคหะฯ ตามกฎหมายนั้นมีอำนาจหน้าที่เพียงจัดที่อยู่อาศัยเท่านั้น หากทำนอกเหนือจากนี้ไม่มีอำนาจหน้าที่ทำ จึงได้ขอเตือนฝากไว้
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 ก.ย. 2549--จบ--