ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเกียรติ สิทธีอมร คณะทำงานตรวจสอบการขายหุ้นชินคอร์ป แถลงว่า จากการที่นายเอส. อัสวารัน กรรมการอำนวยการด้านการลงทุนของบริษัท เทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ระบุว่า ประเมินก่อนการลงทุนในกลุ่มชินคอร์ปแล้ว และจะไม่ถอย เพราะไม่ใช่ความผิดของเทมาเส็กนั้น ในความจริงมีความผิดและไม่โปร่งใสอยู่มาก โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นจากต่างประเทศคือกลุ่มเทมาเส็ก มีคำถามอีกมาก เช่น ทำไมเทมาเส็กไม่ลงทุนโดยตรงในกลุ่มชินคอร์ป แต่กลับผ่านทั้งไพน์ ทุนจดทะเบียน 4 แสนกว่าบาท ซิคามอร์ ที่มีทุนจดทะเบียน 2 เหรียญสิงคโปร์ หรือ 50 บาท ก่อนจะมาถึงไซเพลส, กุหลาบแก้ว และซีดาร์ โฮลดิ้งส์ หรือผ่านแอนเดอร์ตัน ทุนจดทะเบียน 1 เหรียญสิงคโปร์ หรือ 25 บาท แล้วมายังแอสเพน คิดได้แค่ 2 เหตุผล คือ เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายและลดภาระความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น หากเกิดอะไรก็รับภาระเท่ากับทุนจดทะเบียน มีอะไรเกิดขึ้นก็เสีย 1-2 เหรียญ
นายเกียรติกล่าวว่า นอกจานี้การที่นายเอส. อัสวารัน เป็นกรรมการในทุกบริษัทที่เกี่ยวข้อง เห็นได้ชัดว่าเป็นการครอบงำทางธุรกิจ โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย และการมีทุนจดทะเบียนน้อย คือ การหลีกเลี่ยงการนำทุนที่แท้จริงของบริษัทเข้ามาในประเทศ แล้วใช้การกู้ยืมแทนผ่านการค้ำประกันของธนาคาร
"ในเมื่อเทมาเส็กมั่นใจการลงทุนแล้วทำไมหลีกเลี่ยงการนำทุนเข้ามา ซึ่งเทมาเส็กยังไม่ได้ตอบ ยิ่งทำให้คนสงสัยว่าเทมาเส็กอาจมีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้การกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนั้น ต้องชี้แจงว่าทำไมไม่ลงทุนตรง หากโปร่งใสจะผ่านหลายบริษัททำไม และรัฐบาลสิงคโปร์ควรสนับสนุนให้เทมาเส็กแสดงความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูล ข้อตกลงการซื้อหุ้นชินคอร์ป" นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติกล่าวว่า ยังพบว่าทั้งไซเพรส, แอสเพน, ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ และกุหลาบแก้ว เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทุนจดทะเบียน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม โดยไซเพลสและแอสเพนเพิ่มจาก 1 แสนบาท เป็น 4 พันล้านบาท ส่วนซีดาร์ โฮลดิ้งส์ เพิ่มจาก 400 ล้านบาท เป็น 8 พันล้านบาท และกุหลาบแก้วจาก 1 แสนบาท เป็น 4 พันล้านบาท ทำให้มีคำถามว่าหากไม่ผิดทำไมต้องแก้ไข และทำไมราชการปล่อยให้ทำทั้งๆ ที่เป็นบริษัทต้องสงสัย กำลังตรวจสอบเรื่องการเป็นบริษัทต่างด้าว จะกลายเป็นการปล่อยให้แก้ความผิดเพื่อให้โทษน้อย หรือพยายามชะลอหรือไม่ เพื่อให้การเสนอซื้อหุ้นหรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ที่แล้วเสร็จในวันที่ 14 มีนาคม เสร็จเสียก่อนหรือไม่ เพราะหากบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทต่างด้าวจะทำให้การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปเกิดขึ้นไม่ได้
"ขอให้กระทรวงพาณิชย์ระงับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำธุรกรรมของบริษัทเหล่านี้ก่อน อย่าสับสนกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทุนตามกฎหมายจดทะเบียน แต่บริษัทเหล่านี้อยู่ภายใต้กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว" นายเกียรติกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มี.ค. 2549--จบ--
นายเกียรติกล่าวว่า นอกจานี้การที่นายเอส. อัสวารัน เป็นกรรมการในทุกบริษัทที่เกี่ยวข้อง เห็นได้ชัดว่าเป็นการครอบงำทางธุรกิจ โดยใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย และการมีทุนจดทะเบียนน้อย คือ การหลีกเลี่ยงการนำทุนที่แท้จริงของบริษัทเข้ามาในประเทศ แล้วใช้การกู้ยืมแทนผ่านการค้ำประกันของธนาคาร
"ในเมื่อเทมาเส็กมั่นใจการลงทุนแล้วทำไมหลีกเลี่ยงการนำทุนเข้ามา ซึ่งเทมาเส็กยังไม่ได้ตอบ ยิ่งทำให้คนสงสัยว่าเทมาเส็กอาจมีส่วนเกี่ยวข้องและรับรู้การกระทำผิดกฎหมายในประเทศไทย ดังนั้น ต้องชี้แจงว่าทำไมไม่ลงทุนตรง หากโปร่งใสจะผ่านหลายบริษัททำไม และรัฐบาลสิงคโปร์ควรสนับสนุนให้เทมาเส็กแสดงความโปร่งใส เปิดเผยข้อมูล ข้อตกลงการซื้อหุ้นชินคอร์ป" นายเกียรติกล่าว
นายเกียรติกล่าวว่า ยังพบว่าทั้งไซเพรส, แอสเพน, ซีดาร์ โฮลดิ้งส์ และกุหลาบแก้ว เปลี่ยนแปลงโครงสร้างทุนจดทะเบียน เมื่อวันที่ 10 มีนาคม โดยไซเพลสและแอสเพนเพิ่มจาก 1 แสนบาท เป็น 4 พันล้านบาท ส่วนซีดาร์ โฮลดิ้งส์ เพิ่มจาก 400 ล้านบาท เป็น 8 พันล้านบาท และกุหลาบแก้วจาก 1 แสนบาท เป็น 4 พันล้านบาท ทำให้มีคำถามว่าหากไม่ผิดทำไมต้องแก้ไข และทำไมราชการปล่อยให้ทำทั้งๆ ที่เป็นบริษัทต้องสงสัย กำลังตรวจสอบเรื่องการเป็นบริษัทต่างด้าว จะกลายเป็นการปล่อยให้แก้ความผิดเพื่อให้โทษน้อย หรือพยายามชะลอหรือไม่ เพื่อให้การเสนอซื้อหุ้นหรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์ ที่แล้วเสร็จในวันที่ 14 มีนาคม เสร็จเสียก่อนหรือไม่ เพราะหากบริษัทเหล่านี้เป็นบริษัทต่างด้าวจะทำให้การซื้อขายหุ้นชินคอร์ปเกิดขึ้นไม่ได้
"ขอให้กระทรวงพาณิชย์ระงับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำธุรกรรมของบริษัทเหล่านี้ก่อน อย่าสับสนกับการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทุนตามกฎหมายจดทะเบียน แต่บริษัทเหล่านี้อยู่ภายใต้กฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว" นายเกียรติกล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 16 มี.ค. 2549--จบ--