เลขาธิการองค์การความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) นายแองเกล กูร์เรีย ได้ให้ความเห็นเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจในอีก 18 เดือนข้างหน้า ว่ายังคงต้องเผชิญความเสียงจากปัจจัยลบ 3 ประการ ได้แก่ ราคาน้ำมันที่ขยับตัวสูงขึ้น การเจรจาการค้าโลกที่หยุดชะงัก และความไม่สมดุลของค่าเงินในระดับโลก พร้อมกันนี้นายกูร์เรียยังได้กล่าวถึงอีกหนึ่งปัจจัยลบที่สำคัญ คือ ความเสี่ยงของการขาดดุลการค้าจำนวนมหาศาลของสหรัฐฯ ซึ่งจะเป็นแรงกระตุ้นให้ต้องมีการปรับลดค่าเงินดอลลาร์ลงมาอย่างเร่งด่วน เมื่อเทียบกับค่าเงินยูโรในยุโรปหรือเงินเยนของญี่ปุ่น ทั้งนี้ความไม่สมดุลดังกล่าวอาจนำมาซึ่งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป (soft landing) ในขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
นายเบน เบอร์นานคี ได้แสดงความกังวลเช่นกันในเรื่องราคาน้ำมันที่สูงขึ้น ซึ่งในขณะนี้ยังคงไต่ระดับอยู่ที่ 73 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และหากมีการปรับราคาขึ้นอีก 10-15 ดอลลาร์สหรัฐ ย่อมจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างแน่นอน ทั้งนี้ในไตรมาสแรกปี 2549 เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีอัตราขยายตัวสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่ง ในอัตราร้อยละ 5.6 ส่วนครึ่งปีหลังคาดว่าจะขยายตัวชะลอลงมาอยู่ในราวๆ ร้อยละ 3
ประเด็นวิเคราะห์:
จากราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องส่งผลให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลก เกิดภาวะการขาดดุล บัญชีเดินสะพัดที่ขยายวงกว้างขึ้นและส่งผลกระทบเป็นปฏิกริยาลูกโซ่ ความไม่สมดุลของภาวะเศรษฐกิจโลกจะเกิดขึ้น แม้ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจโลกจะมีแรงสนับสนุนจากภาคการส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีน แต่แรงขับเคลื่อนทั้งหมดก็มาจากดีมานด์ภายในประเทศ ซึ่งหากราคาน้ำมันยังคงปรับตัวสูงขึ้นต่อไปเรื่อยๆ ผู้บริโภคในประเทศและบริษัทต่างๆ ก็จะต้องหันมาควบคุมรายจ่ายอย่างจริงจัง ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจโลกโดยรวมชะลอตัวลงด้วยเช่นกัน
ที่มา: http://www.depthai.go.th