เศรษฐกิจภาคเหนือเดือนพฤศจิกายน 2547 ขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยการใช้จ่ายภาครัฐและเอกชนตลอดจนการส่งออกเร่งตัวจากเดือนก่อน รายได้เกษตรกรเพิ่มขึ้นจากราคาข้าวเป็นสำคัญ การผลิตอุตสาหกรรมขยายตัวรองรับความต้องการจากต่างประเทศ ขณะที่กิจกรรมการลงทุนขยายตัวมากขึ้น ระดับราคาชะลอลงจากเดือนก่อน เนื่องจากราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินและราคาไก่สดลดลง
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจในเดือนพฤศจิกายน ปี 2547 มีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 แต่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเพราะผลผลิตโดยเฉพาะข้าวนาปีในภาคเหนือตอนล่างเสียหายจากทั้งน้ำท่วมช่วงต้นฤดู และฝนหมดเร็วกว่าปกติ โดยผลผลิตพืชสำคัญลดลงร้อยละ 5.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามผลผลิตข้าวนาปีที่ลดลงร้อยละ 7.8 อย่างไรก็ตาม ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ตามแรงจูงใจของราคาปีก่อน ทำให้เกษตรกรขยายเนื้อที่เพาะปลูก ด้านราคาพืชผลสำคัญ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.2 ตามราคาข้าวเปลือกที่สูงขึ้นตามราคาในตลาดโลกและมาตรการของภาครัฐ และราคาข้าวโพดเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
2. ภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน การผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในนิคมฯ ภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เป็น 124.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เร่งตัวจากเดือนก่อน ตอบสนองความต้องการในญี่ปุ่น สิงคโปร์และสหรัฐฯ โดยเฉพาะเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในขณะที่ความต้องการ ทรานสฟอร์เมอร์และมอเตอร์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เครื่องมือแพทย์ลดลง ส่วนการผลิตสังกะสี ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เป็น 10,292 เมตริกตัน และได้ผลดีจากราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น
3. ภาคบริการ ภาวะท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่องตามฤดูกาล ประกอบกับการประชาสัมพันธ์เทศกาลงานลอยกระทงในจังหวัดต่างๆ และจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวภาคเหนือเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยบางส่วนที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์ความไม่สงบของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปลี่ยนมาท่องเที่ยวภาคเหนือแทน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของภาคเหนือสูงกว่าระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.4 ราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 963.2 บาทต่อห้องปีก่อน เป็นราคา 1,047.5 บาท ขณะที่จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 และภาษีมูลค่าเพิ่มโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.8
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน กิจกรรมการใช้จ่ายขยายตัวดี โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 51.5 เร่งตัวจากเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากการแข่งขันด้านการตลาดของผู้ผลิตรถยนต์ การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ประกอบกับบริษัทรถยนต์ทยอยส่งมอบรถยนต์กระบะรุ่นใหม่ให้ลูกค้าในเดือนนี้ นอกจากนั้นรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลให้การใช้จ่ายเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์สูงขึ้น โดยยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.8 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.9 เดือนก่อน และส่งผลต่อเนื่องให้ภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.0
5. การลงทุนภาคเอกชน กิจกรรมการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่านำเข้าเครื่องจักรกลและส่วนประกอบเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 58.4 จากการลงทุนเพิ่มของอุตสาหกรรมในนิคมฯ ภาคเหนือ ส่วนเงินลงทุนของอุตสาหกรรมจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนกว่า 3 เท่า จากการลงทุนผลิตในอุตสาหกรรมอาหารเป็นสำคัญ แต่ความสนใจลงทุนก่อสร้างชะลอลง สะท้อนจากพื้นที่ก่อสร้างรับอนุญาตในเขตเทศบาลลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.5 โดยเฉพาะการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมลดลงในภาคเหนือตอนล่างเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามค่าธรรมเนียมขายที่ดินเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 40.5 จากธุรกรรมซื้อขายที่ดินโดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย
6. การคลัง การเบิกจ่ายงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.4 เป็น 9,965.0 ล้านบาท เทียบกับร้อยละ 7.2 ในปีก่อน จากหมวดเงินอุดหนุนเป็นสำคัญ เนื่องจากเริ่มมีการเบิกจ่ายจากองค์การบริหารส่วนตำบลในหลายจังหวัด ทางด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.3 เป็น 1,141.2 ล้านบาท เร่งตัวเมื่อเทียบกับร้อยละ 10.5 ในปีก่อน จากการจัดเก็บภาษีทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นทุกจังหวัดโดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ดุลในงบประมาณขาดดุล 8,823.8 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 5,390.3 ล้านบาท ในเดือนก่อน และที่ขาดดุล 7,727.8 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
7. การค้าต่างประเทศ การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 เป็น 171.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งการส่งออกผ่านด่านนิคมฯ ภาคเหนือ และด่านชายแดน โดยการส่งออกผ่านด่านนิคมฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เป็น 124.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการสินค้า โดยเฉพาะสินค้าหมวด เครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา ด้านการส่งออกผ่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 เป็น 36.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้น แต่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า
ด้านการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 เป็น 112.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. แยกเป็นการนำเข้าผ่านด่านนิคมฯ ภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 เป็น 100.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตเพิ่มขึ้น และการนำเข้าชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 เป็น 11.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าสินค้าจากพม่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.7 เป็น 4.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเฉพาะนำเข้าสินค้าประมงเพิ่มขึ้นมาก
ดุลการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเดือนตุลาคม 2547 เกินดุล 58.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. สูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล 52.6 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 ชะลอตัวจากร้อยละ 3.9 เดือนก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินลดลง ทำให้ราคาหมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มชะลอตัว โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ต่ำกว่าร้อยละ 3.7 เดือนก่อน สำหรับราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มชะลอตัวเช่นกันเนื่องจากราคาไก่สดลดลงตามความต้องการบริโภค นอกจากนั้นผลผลิตเกษตรที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นทำให้ราคาผักสดชะลอตัวขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core Inflation) อยู่ในเกณฑ์ต่ำโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.5 เท่ากับเดือนก่อน
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เดือนตุลาคม 2547 มีแรงงานรวมจำนวน 6.8 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.7 ล้านคน เท่ากับร้อยละ 98.3 ของกำลังแรงงานรวม สูงกว่าร้อยละ 96.5 ระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีแรงงานภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 ตามการขยายตัวของการจ้างงานในสาขาการศึกษา และการขายส่ง/ ขายปลีก/ ซ่อมแซม ทำให้อัตราการว่างงานเหลือเพียงร้อยละ 1.7 ลดลงจากร้อยละ 3.2 ระยะเดียวกันปีก่อน
10. การเงิน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2547 ยอดคงค้างเงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.4 เป็น 293,501 ล้านบาท ส่วนเงินให้สินเชื่อขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนในอัตราเท่ากับเดือนก่อน คือ ร้อยละ 8.4 เป็น 212,201 ล้านบาท โดยเฉพาะประเภทตั๋วเงินซึ่งเป็นสินเชื่อที่ให้กับภาคอุตสาหกรรมส่งออกเป็นสำคัญ ในภาคเหนือตอนล่างได้แก่จังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และพิจิตร สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ 72.3 สูงกว่าร้อยละ 70.3 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--
รายละเอียดของแต่ละภาคเศรษฐกิจในเดือนพฤศจิกายน ปี 2547 มีดังนี้
1. ภาคเกษตร รายได้เกษตรกรจากการจำหน่ายพืชผลหลักเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.8 แต่ขยายตัวในอัตราที่ชะลอลงจากเดือนก่อน ส่วนหนึ่งเพราะผลผลิตโดยเฉพาะข้าวนาปีในภาคเหนือตอนล่างเสียหายจากทั้งน้ำท่วมช่วงต้นฤดู และฝนหมดเร็วกว่าปกติ โดยผลผลิตพืชสำคัญลดลงร้อยละ 5.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน ตามผลผลิตข้าวนาปีที่ลดลงร้อยละ 7.8 อย่างไรก็ตาม ผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.4 ตามแรงจูงใจของราคาปีก่อน ทำให้เกษตรกรขยายเนื้อที่เพาะปลูก ด้านราคาพืชผลสำคัญ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.2 ตามราคาข้าวเปลือกที่สูงขึ้นตามราคาในตลาดโลกและมาตรการของภาครัฐ และราคาข้าวโพดเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1
2. ภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน การผลิตและส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในนิคมฯ ภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เป็น 124.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เร่งตัวจากเดือนก่อน ตอบสนองความต้องการในญี่ปุ่น สิงคโปร์และสหรัฐฯ โดยเฉพาะเครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า และเครื่องใช้ไฟฟ้า ในขณะที่ความต้องการ ทรานสฟอร์เมอร์และมอเตอร์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เครื่องมือแพทย์ลดลง ส่วนการผลิตสังกะสี ผลผลิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 เป็น 10,292 เมตริกตัน และได้ผลดีจากราคาตลาดโลกที่สูงขึ้น
3. ภาคบริการ ภาวะท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่องตามฤดูกาล ประกอบกับการประชาสัมพันธ์เทศกาลงานลอยกระทงในจังหวัดต่างๆ และจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดการท่องเที่ยว ทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางมาเที่ยวภาคเหนือเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มยุโรป สหรัฐฯ และญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังได้รับผลดีจากนักท่องเที่ยวชาวไทยบางส่วนที่ไม่มั่นใจในสถานการณ์ความไม่สงบของ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปลี่ยนมาท่องเที่ยวภาคเหนือแทน ส่งผลให้อัตราการเข้าพักเฉลี่ยของภาคเหนือสูงกว่าระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.4 ราคาห้องพักเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 963.2 บาทต่อห้องปีก่อน เป็นราคา 1,047.5 บาท ขณะที่จำนวนผู้โดยสารผ่านท่าอากาศยานเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.8 และภาษีมูลค่าเพิ่มโรงแรมและภัตตาคารเพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.8
4. การอุปโภคบริโภคภาคเอกชน กิจกรรมการใช้จ่ายขยายตัวดี โดยยอดจดทะเบียนรถยนต์ใหม่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนถึงร้อยละ 51.5 เร่งตัวจากเดือนก่อนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.5 จากการแข่งขันด้านการตลาดของผู้ผลิตรถยนต์ การปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ ประกอบกับบริษัทรถยนต์ทยอยส่งมอบรถยนต์กระบะรุ่นใหม่ให้ลูกค้าในเดือนนี้ นอกจากนั้นรายได้เกษตรกรที่เพิ่มขึ้นยังส่งผลให้การใช้จ่ายเพื่อซื้อรถจักรยานยนต์สูงขึ้น โดยยอดจดทะเบียนรถจักรยานยนต์เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.8 เทียบกับที่ลดลงร้อยละ 1.9 เดือนก่อน และส่งผลต่อเนื่องให้ภาษีมูลค่าเพิ่มขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.0
5. การลงทุนภาคเอกชน กิจกรรมการลงทุนอยู่ในเกณฑ์ดี มูลค่านำเข้าเครื่องจักรกลและส่วนประกอบเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 58.4 จากการลงทุนเพิ่มของอุตสาหกรรมในนิคมฯ ภาคเหนือ ส่วนเงินลงทุนของอุตสาหกรรมจดทะเบียนตั้งใหม่เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนกว่า 3 เท่า จากการลงทุนผลิตในอุตสาหกรรมอาหารเป็นสำคัญ แต่ความสนใจลงทุนก่อสร้างชะลอลง สะท้อนจากพื้นที่ก่อสร้างรับอนุญาตในเขตเทศบาลลดลงจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.5 โดยเฉพาะการก่อสร้างที่อยู่อาศัยและพาณิชยกรรมลดลงในภาคเหนือตอนล่างเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตามค่าธรรมเนียมขายที่ดินเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 40.5 จากธุรกรรมซื้อขายที่ดินโดยเฉพาะในจังหวัดเชียงราย
6. การคลัง การเบิกจ่ายงบประมาณผ่านคลังจังหวัดในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.4 เป็น 9,965.0 ล้านบาท เทียบกับร้อยละ 7.2 ในปีก่อน จากหมวดเงินอุดหนุนเป็นสำคัญ เนื่องจากเริ่มมีการเบิกจ่ายจากองค์การบริหารส่วนตำบลในหลายจังหวัด ทางด้านการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาล จัดเก็บเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.3 เป็น 1,141.2 ล้านบาท เร่งตัวเมื่อเทียบกับร้อยละ 10.5 ในปีก่อน จากการจัดเก็บภาษีทุกประเภทเพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้นทุกจังหวัดโดยเฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่ ส่งผลให้ดุลในงบประมาณขาดดุล 8,823.8 ล้านบาท เทียบกับที่ขาดดุล 5,390.3 ล้านบาท ในเดือนก่อน และที่ขาดดุล 7,727.8 ล้านบาท ระยะเดียวกันปีก่อน
7. การค้าต่างประเทศ การส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.1 เป็น 171.7 ล้านดอลลาร์ สรอ. ทั้งการส่งออกผ่านด่านนิคมฯ ภาคเหนือ และด่านชายแดน โดยการส่งออกผ่านด่านนิคมฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 เป็น 124.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. เนื่องจากตลาดยังมีความต้องการสินค้า โดยเฉพาะสินค้าหมวด เครื่องตัดต่อวงจรไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และอุปกรณ์เกี่ยวกับสายตา ด้านการส่งออกผ่านชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 29.7 เป็น 36.6 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการส่งออกไปพม่าเพิ่มขึ้น แต่ชะลอลงจากเดือนก่อนหน้า
ด้านการนำเข้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.2 เป็น 112.8 ล้านดอลลาร์ สรอ. แยกเป็นการนำเข้าผ่านด่านนิคมฯ ภาคเหนือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.3 เป็น 100.2 ล้านดอลลาร์ สรอ. จากการนำเข้าวัตถุดิบเพื่อการผลิตเพิ่มขึ้น และการนำเข้าชายแดนเพิ่มขึ้นร้อยละ 30.5 เป็น 11.4 ล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการนำเข้าสินค้าจากพม่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 70.7 เป็น 4.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเฉพาะนำเข้าสินค้าประมงเพิ่มขึ้นมาก
ดุลการค้าผ่านด่านศุลกากรในภาคเหนือเดือนตุลาคม 2547 เกินดุล 58.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. สูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนที่เกินดุล 52.6 ล้านดอลลาร์ สรอ.
8. ระดับราคา ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 3.4 ชะลอตัวจากร้อยละ 3.9 เดือนก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินลดลง ทำให้ราคาหมวดอื่นๆ ที่มิใช่อาหารและเครื่องดื่มชะลอตัว โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 ต่ำกว่าร้อยละ 3.7 เดือนก่อน สำหรับราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มชะลอตัวเช่นกันเนื่องจากราคาไก่สดลดลงตามความต้องการบริโภค นอกจากนั้นผลผลิตเกษตรที่ออกสู่ตลาดมากขึ้นทำให้ราคาผักสดชะลอตัวขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน (Core Inflation) อยู่ในเกณฑ์ต่ำโดยเพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.5 เท่ากับเดือนก่อน
9. การจ้างงาน จากข้อมูลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากร ของสำนักงานสถิติแห่งชาติ เดือนตุลาคม 2547 มีแรงงานรวมจำนวน 6.8 ล้านคน เป็นผู้มีงานทำ 6.7 ล้านคน เท่ากับร้อยละ 98.3 ของกำลังแรงงานรวม สูงกว่าร้อยละ 96.5 ระยะเดียวกันปีก่อน เนื่องจากมีแรงงานภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 และการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.0 ตามการขยายตัวของการจ้างงานในสาขาการศึกษา และการขายส่ง/ ขายปลีก/ ซ่อมแซม ทำให้อัตราการว่างงานเหลือเพียงร้อยละ 1.7 ลดลงจากร้อยละ 3.2 ระยะเดียวกันปีก่อน
10. การเงิน ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2547 ยอดคงค้างเงินฝากของสาขาธนาคารพาณิชย์ในภาคเหนือ เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.4 เป็น 293,501 ล้านบาท ส่วนเงินให้สินเชื่อขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อนในอัตราเท่ากับเดือนก่อน คือ ร้อยละ 8.4 เป็น 212,201 ล้านบาท โดยเฉพาะประเภทตั๋วเงินซึ่งเป็นสินเชื่อที่ให้กับภาคอุตสาหกรรมส่งออกเป็นสำคัญ ในภาคเหนือตอนล่างได้แก่จังหวัดนครสวรรค์ กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อุทัยธานี และพิจิตร สัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากอยู่ที่ระดับร้อยละ 72.3 สูงกว่าร้อยละ 70.3 ระยะเดียวกันปีก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคเหนือ--