ประชาธิปัตย์ เชื่อ“ทักษิณ”ตั้ง“ชิดชัย” เป็นรองนายกฯอันดับ1 มีวาระซ่อนเร้น แนะจับตารัฐบาลอาจสร้างสถานการณ์หาข้ออ้างใช้ พรก.ฉุกเฉิน ทั้งที่ม็อบชุมนุมอย่างสงบ ระบุหากเหตุการณ์รุนแรงต้องรับผิดชอบ
วันนี้(15 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมแกนนำพรรค ว่า จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นรองนายกอันดับ 1 โดยให้เหตุผลว่าตัวนายกฯจะต้องเดินทางออกต่างจังหวัดและหากมีเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นใน กทม.ก็ให้ทำหน้าที่แทน ที่ประชุมเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะมีเหตุผลที่แอบแฝง หรือมีวาระซ่อนเร้นมากกว่า ซึ่งถ้าพิจารณากรณีของนายกฯก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ พล.ต.อ. ชิดชัย ขึ้นมาเป็นรองนายกฯอันดับ 1 เพราะ ไม่ใช่เป็นเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้เห็นว่าจะต้องมีอะไรลึกๆอยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งครั้งนี้อยู่แน่นอน ซึ่งทางพรรคจะต้องติดตามต่อไป
นายองอาจ กล่าวอีกว่า การที่พล.ต.อ. ชิดชัย กล่าวว่ามีการร่างประกาศภาวะฉุกเฉินไว้เรียบร้อยแล้วนั้นตนเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปเตรียมการล่วงหน้าเพราะโฆษกรัฐบาลบอกว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินจะต้องเรียกประชุม ครม.เพื่อให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้คิดว่าคำกล่าวที่นายกฯพูดเป็นการชี้นำว่าสังคมไทยพร้อมจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินตลอดเวลา และในช่วง 2 — 3 วันที่ผ่านมา นายกฯก็เริ่มอ้างหลายครั้งว่ามีกระบวนการที่ทำผิดกฎหมายทั้งหวย ใต้ดินและยาเสพติด ที่พยามล้มล้างรัฐบาลอยู่ จึงอยากให้สังคมไทยช่วยจับตาว่าเมื่อมีประกาศภาวะฉุกเฉินเกรงนายกฯจะอ้างว่า มีพวกนอกกฎหมายอยู่เบื้องหลังสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร เพราะจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ชุมนุมมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ และวุฒิภาวะ ที่จะสามรถตัดสินใจทางการเมืองได้ตามระบบประชาธิปไตย
นายองอาจ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายกฯยังบอกว่าจะมีคนเข้ามาสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างของคนในรัฐบาลต่อเนื่องตลอดมา จนถึงขณะนี้มีประชาชนเข้ามาชุมนุมอย่างต่อเนื่องจากไม่กี่ร้อยคนจนเป็นแสนคนในขณะนี้เรายังไม่เคยพบเห็นว่ามีการสร้างสถานการณ์เกิดขึ้น ถ้ารัฐบาลทราบหรือมีเบาะแสว่าจะมีการสร้างสถานการณ์รัฐบาลก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ รัฐบาลจะต้องระงับยับยั้งบุคคลหรือกลุ่มใดใด ถ้ารัฐบาลไม่สามารถดำเนินการเรื่องเหล่านี้ได้จะถือว่ารัฐบาลใช้คำกล่าวอ้างในเรื่องการสร้างสถานการณ์เพื่อมาบั่นทอนความเป็นบึกแผ่นของผู้ชุมนุม หรือเพื่อทำให้ประชาชนทั่วไปวิตกกังวลต่อการเข้ามาร่วมชุมนุมครั้งนี้อย่างเปิดเผย
“นายกฯบอกว่ามีการใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาถ่ายภาพผู้เข้าร่วมชุมนุมเก็บไว้ดูทั้งหมดว่าใครเข้ามาทำอะไรเพื่อใช้เป็นหลักฐานจึงอยากถามว่า ถ่ายภาพไว้เพื่ออะไร หรือว่าวันหนึ่งจะใช้อำนาจรัฐเข้าไปจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือ จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลว่าผู้ชุมนุมไม่ใช่อาชญากรแต่เป็นคนไทยธรรมดาที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาลต้องการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ดังนั้นรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถ่ายภาพเขา ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการข่มขู่ประชาชนไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างเปิดเผย” นายองอาจ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า จากการที่นายกฯไปพูดว่าตามกฎหมายแล้วถือว่าตนลาออกจากตำแหน่งไปแล้วจากการยุบสภาขณะนี้รักษาการนายกฯและจะอยู่จนถึงวันเลือกตั้งจนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่นั้น ถือเป็นการเล่นลิ้นกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศเพราะในทางพฤตินัย พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นนายกฯและมีอำนาจเต็มอยู่ ซึ่งนายกฯควรพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมากับประชาชนว่าอยู่ในสถานะไหนอย่างไรกันแน่น ทั้งในทางพฤตินัย และในทางกฎหมายไม่ควรเล่นลิ้นหรือเพียงกล่าวเพื่อหวังผลให้ประชาชนเชื่อตามท่านซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ด้าน นายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตั้ง พล.ต.อ. ชิดชัย เป็น รองนายกฯอันดับ 1 ขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อนายกฯรัฐมนตรีเพียงคนเดียวประเทศชาติไม่ได้อะไรจากการแต่งตั้งครั้งนี้และเป็นการปัดความรับผิดชอบเพื่อให้นายกฯลอยตัวหากมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น พล.ต.อ.ชิดชัยก็จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เพราะเมื่อครั้งที่นายกฯไปราชการที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็นสัปดาห์ก็ไม่เห็นจะต้องมีการตั้งใครมาทำหน้าที่แทน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มี.ค. 2549--จบ--
วันนี้(15 มี.ค.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมแกนนำพรรค ว่า จากการที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ เป็นรองนายกอันดับ 1 โดยให้เหตุผลว่าตัวนายกฯจะต้องเดินทางออกต่างจังหวัดและหากมีเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยเกิดขึ้นใน กทม.ก็ให้ทำหน้าที่แทน ที่ประชุมเห็นว่าเรื่องนี้น่าจะมีเหตุผลที่แอบแฝง หรือมีวาระซ่อนเร้นมากกว่า ซึ่งถ้าพิจารณากรณีของนายกฯก็ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ พล.ต.อ. ชิดชัย ขึ้นมาเป็นรองนายกฯอันดับ 1 เพราะ ไม่ใช่เป็นเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ทั้งนี้เห็นว่าจะต้องมีอะไรลึกๆอยู่เบื้องหลังการแต่งตั้งครั้งนี้อยู่แน่นอน ซึ่งทางพรรคจะต้องติดตามต่อไป
นายองอาจ กล่าวอีกว่า การที่พล.ต.อ. ชิดชัย กล่าวว่ามีการร่างประกาศภาวะฉุกเฉินไว้เรียบร้อยแล้วนั้นตนเห็นว่า ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปเตรียมการล่วงหน้าเพราะโฆษกรัฐบาลบอกว่าการประกาศภาวะฉุกเฉินจะต้องเรียกประชุม ครม.เพื่อให้ความเห็นชอบ ทั้งนี้คิดว่าคำกล่าวที่นายกฯพูดเป็นการชี้นำว่าสังคมไทยพร้อมจะมีการประกาศภาวะฉุกเฉินตลอดเวลา และในช่วง 2 — 3 วันที่ผ่านมา นายกฯก็เริ่มอ้างหลายครั้งว่ามีกระบวนการที่ทำผิดกฎหมายทั้งหวย ใต้ดินและยาเสพติด ที่พยามล้มล้างรัฐบาลอยู่ จึงอยากให้สังคมไทยช่วยจับตาว่าเมื่อมีประกาศภาวะฉุกเฉินเกรงนายกฯจะอ้างว่า มีพวกนอกกฎหมายอยู่เบื้องหลังสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมืองซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร เพราะจะเห็นได้ชัดเจนว่าผู้ชุมนุมมีคุณวุฒิ วัยวุฒิ และวุฒิภาวะ ที่จะสามรถตัดสินใจทางการเมืองได้ตามระบบประชาธิปไตย
นายองอาจ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้นายกฯยังบอกว่าจะมีคนเข้ามาสร้างสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งตลอดระยะเวลา 6 เดือน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นคำกล่าวอ้างของคนในรัฐบาลต่อเนื่องตลอดมา จนถึงขณะนี้มีประชาชนเข้ามาชุมนุมอย่างต่อเนื่องจากไม่กี่ร้อยคนจนเป็นแสนคนในขณะนี้เรายังไม่เคยพบเห็นว่ามีการสร้างสถานการณ์เกิดขึ้น ถ้ารัฐบาลทราบหรือมีเบาะแสว่าจะมีการสร้างสถานการณ์รัฐบาลก็ปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ รัฐบาลจะต้องระงับยับยั้งบุคคลหรือกลุ่มใดใด ถ้ารัฐบาลไม่สามารถดำเนินการเรื่องเหล่านี้ได้จะถือว่ารัฐบาลใช้คำกล่าวอ้างในเรื่องการสร้างสถานการณ์เพื่อมาบั่นทอนความเป็นบึกแผ่นของผู้ชุมนุม หรือเพื่อทำให้ประชาชนทั่วไปวิตกกังวลต่อการเข้ามาร่วมชุมนุมครั้งนี้อย่างเปิดเผย
“นายกฯบอกว่ามีการใช้เครื่องมือ และเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาถ่ายภาพผู้เข้าร่วมชุมนุมเก็บไว้ดูทั้งหมดว่าใครเข้ามาทำอะไรเพื่อใช้เป็นหลักฐานจึงอยากถามว่า ถ่ายภาพไว้เพื่ออะไร หรือว่าวันหนึ่งจะใช้อำนาจรัฐเข้าไปจัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุมหรือ จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลว่าผู้ชุมนุมไม่ใช่อาชญากรแต่เป็นคนไทยธรรมดาที่มีความคิดเห็นแตกต่างจากรัฐบาลต้องการแสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ดังนั้นรัฐบาลไม่มีสิทธิ์ที่จะไปถ่ายภาพเขา ถือเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลไม่เช่นนั้นจะถือว่าเป็นการข่มขู่ประชาชนไม่ให้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างเปิดเผย” นายองอาจ กล่าว
โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอีกว่า จากการที่นายกฯไปพูดว่าตามกฎหมายแล้วถือว่าตนลาออกจากตำแหน่งไปแล้วจากการยุบสภาขณะนี้รักษาการนายกฯและจะอยู่จนถึงวันเลือกตั้งจนกว่าจะได้นายกฯคนใหม่นั้น ถือเป็นการเล่นลิ้นกับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศเพราะในทางพฤตินัย พ.ต.ท.ทักษิณยังเป็นนายกฯและมีอำนาจเต็มอยู่ ซึ่งนายกฯควรพูดความจริงอย่างตรงไปตรงมากับประชาชนว่าอยู่ในสถานะไหนอย่างไรกันแน่น ทั้งในทางพฤตินัย และในทางกฎหมายไม่ควรเล่นลิ้นหรือเพียงกล่าวเพื่อหวังผลให้ประชาชนเชื่อตามท่านซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ด้าน นายเจือ ราชสีห์ อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การตั้ง พล.ต.อ. ชิดชัย เป็น รองนายกฯอันดับ 1 ขึ้นมาเพื่อเป็นประโยชน์ต่อนายกฯรัฐมนตรีเพียงคนเดียวประเทศชาติไม่ได้อะไรจากการแต่งตั้งครั้งนี้และเป็นการปัดความรับผิดชอบเพื่อให้นายกฯลอยตัวหากมีเหตุการณ์ที่ไม่ปกติเกิดขึ้น พล.ต.อ.ชิดชัยก็จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว เพราะเมื่อครั้งที่นายกฯไปราชการที่ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด เป็นสัปดาห์ก็ไม่เห็นจะต้องมีการตั้งใครมาทำหน้าที่แทน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 15 มี.ค. 2549--จบ--