นายดาร์ลอส เบอร์เมโจ อาคอสตา ที่ปรึกษาสำนักงานคณะผู้แทนคณะกรรมาธิการยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า สหภาพยุโรป (อียู) เป็นตลาดขนาดใหญ่ซึ่งมีประชากรมากถึง 450 ล้านคน และมีอำนาจการสั่งซื้อสูง โดยราว 801 ของการค้าโลกอยู่ในตลาดของอียู
นโยบายการค้าของอียูดำเนินโดยคณะกรรมาธิการอียูจะเข้าไปดูแลในส่วนการเจรจาระดับสูงหรือกรณีมีปัญหาการร้องเรียน ส่วนการส่งเสริมการค้าหรือความเชี่ยวชาญด้านต่าง ๆ ประเทศสมาชิกสามารถดำเนินการได้เอง
ในส่วนการทำข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) อียูมิได้คัดค้านการทำ FTA แต่เห็นว่าประโยชน์ที่ได้รับจะน้อยกว่าการเจรจาในเวที WTO เนื่องจากประเทศคู่เจรจามักจะได้ประโยชน์ไม่เท่าเทียมกัน บางครั้งฝ่ายที่เข้มเข็งกว่าจะได้ประโยชน์มากกว่า นอกจากนี้การเจรจา FTA ก็ไม่ได้รวดเร็วกว่าการเจรจาผ่าน WTO ดังนั้น อียูจึงให้ความสำคัญการเจรจาผ่าน WTO เป็นอันดับแรก ส่วนการเจรจา FTA เป็นระดับรองหรือการจะเกิดขึ้นเพื่อเสริมกรอบ WTO มากกว่า
ประเด็นวิเคราะห์ :
การที่สหภาพยุโรปให้ความสำคัญต่อการเจรจาในระดับ WTO มากกว่า FTA เนื่องจากการเจรจาแบบพหุภาคีจะให้ประโยชน์กับทุกประเทศไม่เหมือนกับการเจรจาแบบทวิภาคี ซึ่งก่อให้เกิดกฎระเบียบที่แตกต่างกัน เพราะขึ้นอยู่กับข้อสรุปในการเจรจา ทำให้นักธุรกิจและผู้ผลิตได้รับความยุ่งยากและผลกระทบจากกฎระเบียบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นใหม่
ที่มา: http://www.depthai.go.th
-ดท-