กรุงเทพ--26 มิ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. รัฐสภาสหรัฐฯ ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสที่ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 60 ปี
ดร. กันตธีร์ฯ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2549 สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ให้ความเห็นชอบข้อมติร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ ที่ 409 เพื่อเฉลิมฉลองและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทั้งนี้ ข้อมติมีสาระสรุปได้ว่า 1) รัฐสภาเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 60 ปี 2) ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ขอจงทรงพระเจริญ และอำนวยพรให้ราชอาณาจักรไทย จงมีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป และ 3) ขอให้สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพระหว่างประชาชนชาวไทยและชาวอเมริกันมั่นคงยืนยาวต่อไป
2. การเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การการประชุมอิสลาม (OIC ICFM 33) ครั้งที่ 33 ที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2549
ดร. กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของ OIC โดยในการประชุมครั้งล่าสุดมีความชัดเจนมาก สมาชิก OIC ประสงค์ที่จะมีบทบาทเรื่องการดูแลประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ปรับเปลี่ยนจากโลกแห่งการเผชิญหน้ามาสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีประเด็นความมั่นคงในความหมายใหม่ ทั้งเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย โรคระบาด การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน
นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ยังได้กล่าวว่า การประชุมฯ ครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ได้พบปะและทำความรู้จักมากขึ้นกับรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 57 ประเทศ พร้อมประเทศผู้สังเกตการณ์จึงเปรียบเสมือนได้พบเพื่อนเก่า ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร ทั้งนี้ ไทยได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศหลายประเทศ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บาห์เรน ตุรกี อินโดนีเซีย กาบอง และแอลจีเรีย พร้อมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีของอาเซอร์ไบจานด้วยโดยความสัมพันธ์ไทย-อาเซอร์ไบจานได้ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ในช่วงการเยือนครั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศได้เป็นประธานเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ณ กรุงบากู ในขณะเดียวกัน อาเซอร์ไบจานมีแผนการที่จะเปิดสถานเอกอัครราชทูตในประเทศไทยภายใน 2 ปี
ส่วนเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวว่า OIC มองว่าเรื่องปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย และไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางศาสนา ในการนี้ OIC ประณามการใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างเพื่อก่อความรุนแรง นอกจากนี้ OIC ย้ำว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่รักสันติและการอยู่ร่วมกันโดยสันติ
นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวถึงถ้อยแถลงที่ได้กล่าวในที่ประชุมฯ โดยเทิดพระเกียรติและเน้นบทบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในเรื่องการปรองดอง ความสมานฉันท์ และการพัฒนามนุษย์
สำหรับบทบาทของประเทศไทยใน OIC ดร. กันตธีร์ฯ แจ้งว่าไทยพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในลักษณะความสัมพันธ์หุ้นส่วน โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีประสบการณ์ อาทิ การพัฒนา และปัญหาไข้หวัดนก นอกจากนั้น ในแถลงการณ์ร่วมของ OIC ก็ได้ระบุว่า OIC ยินดีที่ได้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับไทย ในขณะเดียวกัน ไทยได้รับการสอบถามเกี่ยวกับความประสงค์ที่จะเข้าเป็นสมาชิก นอกจากนี้ เลขาธิการของ OIC ได้เชิญ ดร. กันตธีร์ฯ ให้ไปเยือนสำนักงานใหญ่ของ OIC ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียด้วย
3. สถานการณ์ในพม่า
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับท่าทีไทยและอาเซียนต่อสถานการณ์ในพม่านั้น ดร. กันตธีร์ฯ ได้กล่าวว่า อาเซียนมีนโยบายที่จะมีการหารือ (engagement) กับพม่าอย่างสม่ำเสมอ และอาเซียนประสงค์ที่จะเป็นประโยชน์ต่ออาเซียน อย่างไรก็ตาม พม่าก็ต้องให้โอกาสอาเซียนในการเป็นประโยชน์ต่อพม่า อาเซียนประสงค์เห็นพม่าดำเนินการไปสู่การปรองดองแห่งชาติและประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด อาเซียนมีท่าทีสนับสนุนให้สหประชาชาติมีบทบาทมากขึ้นในเรื่องพม่ามาโดยตลอด
ในการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนธันวาคม 2548 อาเซียนได้แสดงให้เห็นถึงความหนักใจ (frustration) เกี่ยวกับการพัฒนาการในพม่า โดยเฉพาะการที่พม่ามีพัฒนาการค่อนข้างช้ากว่าที่คาดหวังไว้ ทั้งนี้ อาเซียนได้ย้ำว่า เวลาไม่ได้มีอย่างไม่จำกัด (time is not unlimited) ไทยรวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศ ต่างผิดหวังที่ทางการพม่ามิได้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี เมื่อครบกำหนดการจำกัดบริเวณพื้นที่เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2549 แต่อาเซียนยังต้องการคงระดับการติดต่อกับพม่าต่อไป ซึ่งย่อมดีกว่าการ “ไม่ติดต่อกัน” และหวังว่าพม่าจะเดินหน้าไปสู่กระบวนการปรองดองแห่งชาติและประชาธิปไตยโดยเร็ว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-
เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2549 ดร. กันตธีร์ ศุภมงคล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศ ที่กระทรวงการต่างประเทศ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. รัฐสภาสหรัฐฯ ถวายพระพรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในวโรกาสที่ทรงเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 60 ปี
ดร. กันตธีร์ฯ แจ้งว่า เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2549 สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ให้ความเห็นชอบข้อมติร่วมของรัฐสภาสหรัฐฯ ที่ 409 เพื่อเฉลิมฉลองและเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ทั้งนี้ ข้อมติมีสาระสรุปได้ว่า 1) รัฐสภาเฉลิมฉลองในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติครบ 60 ปี 2) ถวายพระพรชัยมงคลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช ขอจงทรงพระเจริญ และอำนวยพรให้ราชอาณาจักรไทย จงมีความเจริญรุ่งเรืองสืบไป และ 3) ขอให้สายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพระหว่างประชาชนชาวไทยและชาวอเมริกันมั่นคงยืนยาวต่อไป
2. การเข้าร่วมประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศองค์การการประชุมอิสลาม (OIC ICFM 33) ครั้งที่ 33 ที่กรุงบากู ประเทศอาเซอร์ไบจาน ระหว่างวันที่ 19-21 มิถุนายน 2549
ดร. กันตธีร์ฯ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมเกี่ยวกับบทบาทและความสำคัญของ OIC โดยในการประชุมครั้งล่าสุดมีความชัดเจนมาก สมาชิก OIC ประสงค์ที่จะมีบทบาทเรื่องการดูแลประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่ปรับเปลี่ยนจากโลกแห่งการเผชิญหน้ามาสู่ยุคโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีประเด็นความมั่นคงในความหมายใหม่ ทั้งเรื่องการต่อต้านการก่อการร้าย โรคระบาด การพัฒนาเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน
นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ ยังได้กล่าวว่า การประชุมฯ ครั้งนี้ ได้เปิดโอกาสให้ได้พบปะและทำความรู้จักมากขึ้นกับรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 57 ประเทศ พร้อมประเทศผู้สังเกตการณ์จึงเปรียบเสมือนได้พบเพื่อนเก่า ท่ามกลางบรรยากาศที่อบอุ่นและเป็นมิตร ทั้งนี้ ไทยได้หารือทวิภาคีกับรัฐมนตรีต่างประเทศหลายประเทศ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บาห์เรน ตุรกี อินโดนีเซีย กาบอง และแอลจีเรีย พร้อมทั้งได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานาธิบดีของอาเซอร์ไบจานด้วยโดยความสัมพันธ์ไทย-อาเซอร์ไบจานได้ก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ ในช่วงการเยือนครั้งนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศได้เป็นประธานเปิดสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ไทย ณ กรุงบากู ในขณะเดียวกัน อาเซอร์ไบจานมีแผนการที่จะเปิดสถานเอกอัครราชทูตในประเทศไทยภายใน 2 ปี
ส่วนเรื่องสถานการณ์ภาคใต้ ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวว่า OIC มองว่าเรื่องปัญหาภาคใต้เป็นเรื่องภายในของประเทศไทย และไม่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทางศาสนา ในการนี้ OIC ประณามการใช้ศาสนาเป็นข้ออ้างเพื่อก่อความรุนแรง นอกจากนี้ OIC ย้ำว่าศาสนาอิสลามเป็นศาสนาที่รักสันติและการอยู่ร่วมกันโดยสันติ
นอกจากนี้ ดร. กันตธีร์ฯ กล่าวถึงถ้อยแถลงที่ได้กล่าวในที่ประชุมฯ โดยเทิดพระเกียรติและเน้นบทบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในเรื่องการปรองดอง ความสมานฉันท์ และการพัฒนามนุษย์
สำหรับบทบาทของประเทศไทยใน OIC ดร. กันตธีร์ฯ แจ้งว่าไทยพร้อมที่จะมีส่วนร่วมในลักษณะความสัมพันธ์หุ้นส่วน โดยเฉพาะในสาขาที่ไทยมีประสบการณ์ อาทิ การพัฒนา และปัญหาไข้หวัดนก นอกจากนั้น ในแถลงการณ์ร่วมของ OIC ก็ได้ระบุว่า OIC ยินดีที่ได้มีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับไทย ในขณะเดียวกัน ไทยได้รับการสอบถามเกี่ยวกับความประสงค์ที่จะเข้าเป็นสมาชิก นอกจากนี้ เลขาธิการของ OIC ได้เชิญ ดร. กันตธีร์ฯ ให้ไปเยือนสำนักงานใหญ่ของ OIC ที่ประเทศซาอุดิอาระเบียด้วย
3. สถานการณ์ในพม่า
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับท่าทีไทยและอาเซียนต่อสถานการณ์ในพม่านั้น ดร. กันตธีร์ฯ ได้กล่าวว่า อาเซียนมีนโยบายที่จะมีการหารือ (engagement) กับพม่าอย่างสม่ำเสมอ และอาเซียนประสงค์ที่จะเป็นประโยชน์ต่ออาเซียน อย่างไรก็ตาม พม่าก็ต้องให้โอกาสอาเซียนในการเป็นประโยชน์ต่อพม่า อาเซียนประสงค์เห็นพม่าดำเนินการไปสู่การปรองดองแห่งชาติและประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด อาเซียนมีท่าทีสนับสนุนให้สหประชาชาติมีบทบาทมากขึ้นในเรื่องพม่ามาโดยตลอด
ในการประชุมสุดยอดอาเซียนเมื่อเดือนธันวาคม 2548 อาเซียนได้แสดงให้เห็นถึงความหนักใจ (frustration) เกี่ยวกับการพัฒนาการในพม่า โดยเฉพาะการที่พม่ามีพัฒนาการค่อนข้างช้ากว่าที่คาดหวังไว้ ทั้งนี้ อาเซียนได้ย้ำว่า เวลาไม่ได้มีอย่างไม่จำกัด (time is not unlimited) ไทยรวมทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนหลายประเทศ ต่างผิดหวังที่ทางการพม่ามิได้ปล่อยตัวนางออง ซาน ซูจี เมื่อครบกำหนดการจำกัดบริเวณพื้นที่เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม 2549 แต่อาเซียนยังต้องการคงระดับการติดต่อกับพม่าต่อไป ซึ่งย่อมดีกว่าการ “ไม่ติดต่อกัน” และหวังว่าพม่าจะเดินหน้าไปสู่กระบวนการปรองดองแห่งชาติและประชาธิปไตยโดยเร็ว
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5170 โทรสาร. 643-5169 E-mail : div0704@mfa.go.th--จบ--
-พห-