ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 29 มิถุนายน 2550 - 05 กรกฎาคม 2550
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไปตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักบางพื้นที่และลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนและตะวันตกของภาคในช่วงวันที่ 2-5 ก.ค.สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังและป้องกันความเสียหายสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ส่วนชาวสวนควรตรวจวัสดุค้ำยันกิ่งไม้ผลที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง เพื่อป้องกันความเสียหายเมื่อมีลมกระโชกแรง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนอง เกือบทั่วไปตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนและตะวันออกของภาคในช่วงวันที่ 2-5 ก.ค. สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ในโรงเรือน ควรดูแลโรงเรือนไม่ให้ฝนสาดและอับชื้น เพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้สัตว์เจ็บป่วยได้ง่าย นอกจากนี้ผู้ที่ต้องการปลูกพืชผักในระยะนี้ ควรคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารเคมีป้องกันเชื้อราก่อนปลูก
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากทางตะวันตกและตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 2-5 ก.ค. เนื่องจากระยะนี้อากาศชื้น ผู้ที่ปลูกไม้ดอกไม้ประดับควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคเน่าดำในกล้วยไม้ ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และทำทางระบายน้ำออกจากแปลงเกษตร เพื่อป้องกันการเกิดน้ำท่วมขัง
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปตลอดช่วง โดยมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณเทือกเขาและชายฝั่งในช่วงวันที่ 2-5 ก.ค. สวนไม้ผลที่อยู่ในที่ลุ่มควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นและการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราโดยเฉพาะโรครากเน่าและโคนเน่า
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ทางฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย โดยมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาคในช่วงวันที่ 2-5 ก.ค. ส่วนทางฝั่งตะวันตกของภาคในช่วงวันที่ 29 มิ.ย. — 1 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ส่วนในช่วงวันที่ 2-5 ก.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางพื้นที่ สำหรับบริเวณที่มีฝนตกหนัก อาจทำให้มีน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืช เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันโรครากเน่าโคนเน่า อนึ่ง บริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-