ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือนธันวาคม 2549 การส่งออกยังเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ขณะที่อุปสงค์ ในประเทศยังคงอ่อนตัวต่อเนื่อง
ด้านอุปทาน แม้ว่าผลผลิตภาคเกษตรในเดือนนี้ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนเนื่องจากภาวะน้ำท่วมที่คลี่คลาย กอปรกับราคาพืชผลยังเพิ่มขึ้นส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวสูงขึ้น แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากเดือนก่อน สำหรับภาคบริการ การท่องเที่ยวในเดือนนี้ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีเนื่องจากเป็นฤดูท่องเที่ยวโดยเฉพาะฝั่งอันดามัน
เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุลต่อเนื่องและฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศ อยู่ในเกณฑ์สูง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเท่ากับเดือนก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลง
สำหรับทั้งปี 2549 ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2548 จากการส่งออกที่ขยายตัวดี ขณะที่การนำเข้าชะลอลงมากทำให้ดุลการค้ากลับมาเกินดุล เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้และเงินโอนที่ปรับตัวดีขึ้นจาก การท่องเที่ยว ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในประเทศชะลอตัวจากปีก่อน แม้เครื่องชี้ การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยแต่การลงทุนภาคเอกชนชะลอลงสอดคล้องกับการนำเข้าที่ชะลอตัว ในด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรขยายตัวสูงขึ้นจากปีก่อนจากราคาที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง กอปรกับผลผลิตภาคเกษตรกลับมาขยายตัวในปีนี้ ขณะที่เครื่องชี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ อย่างไรก็ดี ในหมวดสินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกยังขยายตัวดี สำหรับภาคบริการ การท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นมากหลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ
เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลและฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูงขึ้นมากและแรงกดดันด้านราคาปรับลดลงชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2549 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม และทั้งปี 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 7.0 จากระยะเดียวกันปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนจาก การผลิตในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการส่งออกยังขยายตัวดี ขณะที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มมีการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อสะสมสต็อกและรองรับเทศกาลปลายปี สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 74.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
สำหรับปี 2549 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 7.4 ชะลอตัวลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.1 โดยหมวดสินค้าที่มีการผลิตลดลง ได้แก่ เครื่องหนัง เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์เหล็ก ขณะที่หมวดการผลิตที่ยังขยายตัวดี ได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดื่มและอาหาร สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 74.2 ตามการผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และหมวดเครื่องดื่มเป็นสำคัญ
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 1.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว ร้อยละ 1.1 ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ มูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ และปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ซึ่งขยายตัวจากราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณ การจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ลดลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่กลับมาขยายตัวสูง เช่นเดียวกับปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นจากภาวะน้ำท่วมคลี่คลาย ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ลดลง
ในปี 2549 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 1.3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 0.6 โดยปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เนื่องจากอัตราการเพิ่มขึ้นของ ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินเฉลี่ยในปี 2549 น้อยกว่าปีก่อน ขณะที่เครื่องชี้การบริโภคอื่นชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 1.3 ชะลอลงมากจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 8.5 ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับลดลงจากปีก่อน โดยเครื่องชี้ การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอลงโดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์และมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ ขณะที่หมวดก่อสร้างลดลงทั้งพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ ในประเทศตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 108.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.0 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 ชะลอลงจากเดือนก่อน ทั้งรายได้จากฐานการค้าระหว่างประเทศที่หดตัวและรายได้ภาษีจากฐานการบริโภค ที่ชะลอตัวจากเดือนก่อนตามภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะภาษีที่เก็บจากการนำเข้าลดลงจากการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.8 จากการนำส่งรายได้รัฐพาณิชย์เป็นสำคัญ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตนำส่งเงินค้างนำส่งที่ไม่ได้มีการแปรรูป ดุลเงินสด รัฐบาลเกินดุลเงินสด 6.9 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.8 พันล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 351.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 ขณะที่ดุลเงินสดขาดดุล 25.5 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้า เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เกินดุลต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่เกินดุล 1.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่า 10.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 16.4 ตามการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก ผลิตภัณฑ์เคมีและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ส่วนด้านการนำเข้ามีมูลค่า 10.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 6.5 ชะลอตัวต่อเนื่องตามการนำเข้าวัตถุดิบ สินค้าทุน และยานพาหนะและชิ้นส่วน โดยในเดือนนี้ มีการนำเข้าเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 ลำ มูลค่า 143.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่เกินดุล 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามรายรับจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวร้อยละ 32.3 ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และ ดุลการชำระเงิน เกินดุล 3.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 อยู่ที่ระดับ 67.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 6.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ปี 2549 ดุลการค้า เกินดุล 2.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เปลี่ยนจากปีก่อนที่ขาดดุล 8.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จาก การส่งออกที่ขยายตัวร้อยละ 17.4 คิดเป็นมูลค่า 128.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเฉพาะหมวดสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูงที่ยังคงขยายตัวดีต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 7.0 คิดเป็นมูลค่า 126.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงตามอุปสงค์ในประเทศ ดุลบริการ รายได้และเงินโอน เกินดุล 1.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการเพิ่มขึ้นของรายรับจากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 3.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เปลี่ยนจากปีก่อนที่ขาดดุล 7.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการชำระเงิน เกินดุล 12.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนที่เกินดุล 5.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือนก่อนซึ่งยังสูงกว่าแนวโน้มปกติเนื่องจากภาวะน้ำท่วมทำให้ราคา อาหารสดเพิ่มขึ้นชั่วคราว ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.5 จากร้อยละ 1.7 ในเดือนก่อน
ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอตัวจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ยังลดลงเป็นสำคัญ
ทั้งปี 2549 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 4.7 และ 2.3 ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต อยู่ที่ร้อยละ 7.0 ชะลอลงจากปีก่อนที่ร้อยละ 9.0
6. ภาวะการเงิน ในเดือนธันวาคม 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 5.7 จากระยะเดียวกันปีก่อนและ อยู่ในแนวโน้มชะลอตัว สำหรับสิทธิเรียกร้องจากภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ 1/ ขยายตัวร้อยละ 2.8 ชะลอลงต่อเนื่องจาก เดือนพฤศจิกายนเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่เริ่มสูงในช่วงปลายปีก่อนที่มีธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่เข้ามาในระบบ และการชะลอตัวของสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์รายใหม่ รวมทั้งการตัดสินเชื่อออกจาก บัญชีและการโอนสินเชื่อไปยัง AMC สิทธิเรียกร้องฯ ขยายตัวร้อยละ 4.1
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวสูงในช่วงครึ่งแรกของปีจากการที่ธนาคารพาณิชย์แข่งขันกันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อรักษาฐานลูกค้าเงินฝาก แต่นับจากช่วงกลางปีเป็นต้นมาอัตราการขยายตัวของเงินฝากชะลอตัวเป็นลำดับตามการแข่งขันที่เริ่มบรรเทาลง ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวตลอดทั้งปี
ในเดือนธันวาคม 2549 ฐานเงินขยายตัวค่อนข้างต่ำในอัตราร้อยละ 2.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงิน M2a และ M3 ขยายตัวร้อยละ 5.8 และ 5.9 ตามลำดับ และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) 2/ ขยายตัวร้อยละ 6.2 ชะลอลงจากเดือนก่อน ทั้งนี้ การชะลอตัวของปริมาณเงินสอดคล้องกับการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศในช่วงที่ผ่านมา
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนธันวาคม 2549 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนั้น
สำหรับทั้งปี 2549 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยโน้มสูงขึ้น ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่เริ่มทรงตัวจากช่วงกลางปีถึงสิ้นปี เฉลี่ยทั้งปีอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและ อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันอยู่ที่ร้อยละ 4.64 และ 4.69 ต่อปี ตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยในปีก่อน
สำหรับช่วงวันที่ 1-25 มกราคม 2550 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับลดลงภายหลังจากที่มีการประกาศลด อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 17 มกราคม 2550
7. ค่าเงินบาท ในเดือนธันวาคม 2549 เฉลี่ยอยู่ที่ 35.83 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนพฤศจิกายน ที่ 36.54 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงและเงินทุนไหลเข้าเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เงินบาททำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 9 ปีที่ระดับ 35.23 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในช่วงกลางเดือน แต่เมื่อทางการได้ออกมาตรการดำรงเงินสำรอง เงินนำเข้าระยะสั้น เงินบาทได้อ่อนค่าลงก่อนที่จะกลับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงสิ้นเดือน
สำหรับทั้งปี 2549 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 37.93 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นมากจากค่าเฉลี่ย 40.29 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในปี 2548 โดยอยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้นตลอดปี และแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4
ระหว่างวันที่ 1-25 มกราคม 2550 ค่าเงินบาทค่อนข้างทรงตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบ ๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 36.01 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.
31 มกราคม 2550
ข้อมูลเพิ่มเติม: คุณพรรณพิลาศ เรืองวิสุทธิ์โทร. 0-2283-5639, 0-2283-5648
e-mail: punpilay@bot.or.th
1/ หมายถึง สินเชื่อภาคเอกชนรวมการถือครองหลักทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์
2/ หมายถึง ปริมาณเงินในความหมายที่กว้างกว่า M3 โดยรวมเงินรับฝากหรือเงินกู้ยืมที่มีลักษณะทดแทนเงินฝากได้ของสถาบันรับฝากเงินอื่น
นอกเหนือจาก ธพ.บง.ธนาคารเฉพาะกิจ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
ด้านอุปทาน แม้ว่าผลผลิตภาคเกษตรในเดือนนี้ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนก่อนเนื่องจากภาวะน้ำท่วมที่คลี่คลาย กอปรกับราคาพืชผลยังเพิ่มขึ้นส่งผลให้รายได้เกษตรกรขยายตัวสูงขึ้น แต่การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากเดือนก่อน สำหรับภาคบริการ การท่องเที่ยวในเดือนนี้ขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีเนื่องจากเป็นฤดูท่องเที่ยวโดยเฉพาะฝั่งอันดามัน
เสถียรภาพเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดยังเกินดุลต่อเนื่องและฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศ อยู่ในเกณฑ์สูง ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเท่ากับเดือนก่อน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลง
สำหรับทั้งปี 2549 ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับปี 2548 จากการส่งออกที่ขยายตัวดี ขณะที่การนำเข้าชะลอลงมากทำให้ดุลการค้ากลับมาเกินดุล เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้และเงินโอนที่ปรับตัวดีขึ้นจาก การท่องเที่ยว ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดกลับมาเกินดุลเช่นกัน อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ในประเทศชะลอตัวจากปีก่อน แม้เครื่องชี้ การบริโภคภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยแต่การลงทุนภาคเอกชนชะลอลงสอดคล้องกับการนำเข้าที่ชะลอตัว ในด้านอุปทาน รายได้เกษตรกรขยายตัวสูงขึ้นจากปีก่อนจากราคาที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง กอปรกับผลผลิตภาคเกษตรกลับมาขยายตัวในปีนี้ ขณะที่เครื่องชี้การผลิตภาคอุตสาหกรรมชะลอลงจากปีก่อน เนื่องจากได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ทรงตัวในระดับสูง รวมทั้งการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศ อย่างไรก็ดี ในหมวดสินค้าที่ผลิตเพื่อการส่งออกยังขยายตัวดี สำหรับภาคบริการ การท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นมากหลังจากได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์สึนามิ
เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี โดยดุลบัญชีเดินสะพัดที่เกินดุลและฐานะเงินสำรองระหว่างประเทศที่สูงขึ้นมากและแรงกดดันด้านราคาปรับลดลงชัดเจนในครึ่งหลังของปี 2549 แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยสูงขึ้นจากปีก่อนหน้า
รายละเอียดของภาวะเศรษฐกิจในเดือนธันวาคม และทั้งปี 2549 มีดังนี้
1. ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้ขยายตัวร้อยละ 7.0 จากระยะเดียวกันปีก่อนชะลอลงจากเดือนก่อนจาก การผลิตในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์และผลิตภัณฑ์เหล็กเป็นสำคัญ อย่างไรก็ตาม การผลิตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการส่งออกยังขยายตัวดี ขณะที่อุตสาหกรรมเครื่องดื่มมีการผลิตเพิ่มขึ้นเพื่อสะสมสต็อกและรองรับเทศกาลปลายปี สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้อยู่ที่ร้อยละ 74.5 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน
สำหรับปี 2549 ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 7.4 ชะลอตัวลงจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 9.1 โดยหมวดสินค้าที่มีการผลิตลดลง ได้แก่ เครื่องหนัง เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์เหล็ก ขณะที่หมวดการผลิตที่ยังขยายตัวดี ได้แก่ หมวดอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องดื่มและอาหาร สำหรับอัตราการใช้กำลังการผลิตของภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 74.2 ตามการผลิตในหมวดอิเล็กทรอนิกส์และหมวดเครื่องดื่มเป็นสำคัญ
2. ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 1.3 จากระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนที่ขยายตัว ร้อยละ 1.1 ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าสำหรับที่อยู่อาศัย ภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ มูลค่านำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค ณ ราคาคงที่ และปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ซึ่งขยายตัวจากราคาขายปลีกน้ำมันที่ปรับลดลงต่อเนื่อง ขณะที่ปริมาณ การจำหน่ายรถยนต์นั่งและรถจักรยานยนต์ลดลง โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะน้ำท่วมในหลายพื้นที่ สำหรับดัชนีการลงทุนภาคเอกชน (เบื้องต้น) ขยายตัวร้อยละ 1.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ที่กลับมาขยายตัวสูง เช่นเดียวกับปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นจากภาวะน้ำท่วมคลี่คลาย ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ลดลง
ในปี 2549 ดัชนีการอุปโภคบริโภคภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 1.3 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 0.6 โดยปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณการใช้น้ำมันเบนซินและแก๊สโซฮอล์ เนื่องจากอัตราการเพิ่มขึ้นของ ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินเฉลี่ยในปี 2549 น้อยกว่าปีก่อน ขณะที่เครื่องชี้การบริโภคอื่นชะลอตัวจากปีก่อน เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่ทรงตัวในระดับสูง ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายมากขึ้น ดัชนีการลงทุนภาคเอกชน ขยายตัวร้อยละ 1.3 ชะลอลงมากจากปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 8.5 ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ปรับลดลงจากปีก่อน โดยเครื่องชี้ การลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักรชะลอลงโดยเฉพาะปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์และมูลค่าการนำเข้าสินค้าทุน ณ ราคาคงที่ ขณะที่หมวดก่อสร้างลดลงทั้งพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลและปริมาณการจำหน่ายปูนซีเมนต์ ในประเทศตามการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์
3. ภาคการคลัง รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 108.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 9.0 โดยรายได้ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.0 ชะลอลงจากเดือนก่อน ทั้งรายได้จากฐานการค้าระหว่างประเทศที่หดตัวและรายได้ภาษีจากฐานการบริโภค ที่ชะลอตัวจากเดือนก่อนตามภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเฉพาะภาษีที่เก็บจากการนำเข้าลดลงจากการแข็งค่าของเงินบาท อย่างไรก็ดี ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคลเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกับรายได้ที่มิใช่ภาษีเพิ่มขึ้นร้อยละ 50.8 จากการนำส่งรายได้รัฐพาณิชย์เป็นสำคัญ เนื่องจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตนำส่งเงินค้างนำส่งที่ไม่ได้มีการแปรรูป ดุลเงินสด รัฐบาลเกินดุลเงินสด 6.9 พันล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.8 พันล้านบาท
ในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2550 รัฐบาลมีรายได้จัดเก็บ 351.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.8 ขณะที่ดุลเงินสดขาดดุล 25.5 พันล้านบาท
4. ภาคต่างประเทศ ดุลการค้า เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เกินดุลต่อเนื่องจากเดือนก่อนที่เกินดุล 1.3 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยการส่งออกมีมูลค่า 10.8 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 16.4 ตามการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรมสำคัญ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ ยานยนต์ ผลิตภัณฑ์เหล็ก ผลิตภัณฑ์เคมีและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม ส่วนด้านการนำเข้ามีมูลค่า 10.1 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ขยายตัวร้อยละ 6.5 ชะลอตัวต่อเนื่องตามการนำเข้าวัตถุดิบ สินค้าทุน และยานพาหนะและชิ้นส่วน โดยในเดือนนี้ มีการนำเข้าเครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 ลำ มูลค่า 143.9 ล้านดอลลาร์ สรอ. เมื่อรวมกับดุลบริการ รายได้ และเงินโอนที่เกินดุล 0.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ตามรายรับจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวร้อยละ 32.3 ทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล 1.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. และ ดุลการชำระเงิน เกินดุล 3.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เงินสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2549 อยู่ที่ระดับ 67.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยมียอดคงค้างการซื้อเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าสุทธิจำนวน 6.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
ปี 2549 ดุลการค้า เกินดุล 2.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เปลี่ยนจากปีก่อนที่ขาดดุล 8.5 พันล้านดอลลาร์ สรอ. จาก การส่งออกที่ขยายตัวร้อยละ 17.4 คิดเป็นมูลค่า 128.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. โดยเฉพาะหมวดสินค้าอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตสูงที่ยังคงขยายตัวดีต่อเนื่องจากปีก่อน ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 7.0 คิดเป็นมูลค่า 126.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ชะลอลงตามอุปสงค์ในประเทศ ดุลบริการ รายได้และเงินโอน เกินดุล 1.0 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่เกินดุล 0.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ตามการเพิ่มขึ้นของรายรับจากการท่องเที่ยวเป็นสำคัญ ดุลบัญชีเดินสะพัด เกินดุล 3.2 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เปลี่ยนจากปีก่อนที่ขาดดุล 7.9 พันล้านดอลลาร์ สรอ. ส่วนดุลการชำระเงิน เกินดุล 12.7 พันล้านดอลลาร์ สรอ. เพิ่มขึ้นจาก ปีก่อนที่เกินดุล 5.4 พันล้านดอลลาร์ สรอ.
5. อัตราเงินเฟ้อทั่วไป อยู่ที่ร้อยละ 3.5 เท่ากับเดือนก่อนซึ่งยังสูงกว่าแนวโน้มปกติเนื่องจากภาวะน้ำท่วมทำให้ราคา อาหารสดเพิ่มขึ้นชั่วคราว ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.5 จากร้อยละ 1.7 ในเดือนก่อน
ดัชนีราคาผู้ผลิตชะลอตัวจากเดือนก่อนมาอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ตามราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมที่ยังลดลงเป็นสำคัญ
ทั้งปี 2549 อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ร้อยละ 4.7 และ 2.3 ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีราคาผู้ผลิต อยู่ที่ร้อยละ 7.0 ชะลอลงจากปีก่อนที่ร้อยละ 9.0
6. ภาวะการเงิน ในเดือนธันวาคม 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวร้อยละ 5.7 จากระยะเดียวกันปีก่อนและ อยู่ในแนวโน้มชะลอตัว สำหรับสิทธิเรียกร้องจากภาคเอกชนของธนาคารพาณิชย์ 1/ ขยายตัวร้อยละ 2.8 ชะลอลงต่อเนื่องจาก เดือนพฤศจิกายนเช่นกัน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากฐานที่เริ่มสูงในช่วงปลายปีก่อนที่มีธนาคารพาณิชย์แห่งใหม่เข้ามาในระบบ และการชะลอตัวของสินเชื่อที่ให้แก่ภาคธุรกิจ เมื่อหักผลของการจัดตั้งธนาคารพาณิชย์รายใหม่ รวมทั้งการตัดสินเชื่อออกจาก บัญชีและการโอนสินเชื่อไปยัง AMC สิทธิเรียกร้องฯ ขยายตัวร้อยละ 4.1
เมื่อพิจารณาทั้งปี 2549 เงินฝากธนาคารพาณิชย์ขยายตัวสูงในช่วงครึ่งแรกของปีจากการที่ธนาคารพาณิชย์แข่งขันกันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อรักษาฐานลูกค้าเงินฝาก แต่นับจากช่วงกลางปีเป็นต้นมาอัตราการขยายตัวของเงินฝากชะลอตัวเป็นลำดับตามการแข่งขันที่เริ่มบรรเทาลง ขณะที่สินเชื่อภาคเอกชนอยู่ในแนวโน้มชะลอตัวตลอดทั้งปี
ในเดือนธันวาคม 2549 ฐานเงินขยายตัวค่อนข้างต่ำในอัตราร้อยละ 2.7 จากระยะเดียวกันปีก่อน ขณะที่ปริมาณเงิน M2a และ M3 ขยายตัวร้อยละ 5.8 และ 5.9 ตามลำดับ และปริมาณเงินตามความหมายกว้าง (Broad Money) 2/ ขยายตัวร้อยละ 6.2 ชะลอลงจากเดือนก่อน ทั้งนี้ การชะลอตัวของปริมาณเงินสอดคล้องกับการชะลอตัวของอุปสงค์ในประเทศในช่วงที่ผ่านมา
อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงิน ในเดือนธันวาคม 2549 อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและอัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันทรงตัวใกล้เคียงกับเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงนั้น
สำหรับทั้งปี 2549 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย โดยโน้มสูงขึ้น ในช่วงครึ่งแรกของปี แต่เริ่มทรงตัวจากช่วงกลางปีถึงสิ้นปี เฉลี่ยทั้งปีอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันและ อัตราดอกเบี้ยระหว่างธนาคารระยะ 1 วันอยู่ที่ร้อยละ 4.64 และ 4.69 ต่อปี ตามลำดับ สูงกว่าค่าเฉลี่ยในปีก่อน
สำหรับช่วงวันที่ 1-25 มกราคม 2550 อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นในตลาดเงินปรับลดลงภายหลังจากที่มีการประกาศลด อัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วันซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในวันที่ 17 มกราคม 2550
7. ค่าเงินบาท ในเดือนธันวาคม 2549 เฉลี่ยอยู่ที่ 35.83 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นจากค่าเฉลี่ยในเดือนพฤศจิกายน ที่ 36.54 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดในระดับสูงและเงินทุนไหลเข้าเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ เงินบาททำสถิติแข็งค่าที่สุดในรอบ 9 ปีที่ระดับ 35.23 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในช่วงกลางเดือน แต่เมื่อทางการได้ออกมาตรการดำรงเงินสำรอง เงินนำเข้าระยะสั้น เงินบาทได้อ่อนค่าลงก่อนที่จะกลับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงสิ้นเดือน
สำหรับทั้งปี 2549 เงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 37.93 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. แข็งค่าขึ้นมากจากค่าเฉลี่ย 40.29 บาทต่อดอลลาร์ สรอ. ในปี 2548 โดยอยู่ในทิศทางแข็งค่าขึ้นตลอดปี และแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในไตรมาสที่ 4
ระหว่างวันที่ 1-25 มกราคม 2550 ค่าเงินบาทค่อนข้างทรงตัวและเคลื่อนไหวอยู่ในช่วงแคบ ๆ เฉลี่ยอยู่ที่ 36.01 บาท ต่อดอลลาร์ สรอ.
31 มกราคม 2550
ข้อมูลเพิ่มเติม: คุณพรรณพิลาศ เรืองวิสุทธิ์โทร. 0-2283-5639, 0-2283-5648
e-mail: punpilay@bot.or.th
1/ หมายถึง สินเชื่อภาคเอกชนรวมการถือครองหลักทรัพย์ของธนาคารพาณิชย์
2/ หมายถึง ปริมาณเงินในความหมายที่กว้างกว่า M3 โดยรวมเงินรับฝากหรือเงินกู้ยืมที่มีลักษณะทดแทนเงินฝากได้ของสถาบันรับฝากเงินอื่น
นอกเหนือจาก ธพ.บง.ธนาคารเฉพาะกิจ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--