เส้นทางโลจิสติกส์ทางทะเลเหนือ-ใต้ของเวียดนาม

          รัฐวิสาหกิจต่อเรือและเดินเรือที่ใหญ่ที่สุดในเวียดนามกำลังเตรียมการ เปิดเส้นทางขนส่งทางทะเลเชื่อมระหว่างภาคเหนือและภาคใต้ให้เป็นเส้นทางโลจิสติกส์ใหม่ ที่จะช่วยลดต้นทุนในการขนส่งการสินค้าและผู้โดยสาร รวมทั้งเป็นการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศ
          กลุ่มรัฐวิสากิจอุตสาหกรรมต่อเรือ หรือ Vinashin (Vietnam Shipbuilding Industry Group) ประกาศว่า จะลงทุนราว 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อจัดตั้งเส้นทางโลจิสติกส์ทางทะเลขึ้น โดยอาศัยเงื่อนไขสะดวก ที่เวียดนามมีชายฝั่งยาวถึง 3,000 กิโลเมตรโดยได้มีการเตรียมการอแผนการนี้มานานถึง 10 ปีแล้ว และ ถึงเวลาที่จะต้องนำไปสู่การปฏิบัติให้เป็นจริง หลังจากได้รับอนุมัติจากรัฐบาล โดยจะดำเนินการตลอด 5 ปีข้างหน้า
          ในแผนการนี้วินาชินกำลังจะลงมือต่อเรือขนาดใหญ่จำนวน 6 ลำ ซึ่งจะเป็นเรือที่ทันสมัย สามารถให้บริการได้ทั้งในสภาวะปกติและในยามที่สภาพอากาศในทะเลเลวร้าย เรือแต่ละลำจะบรรทุกผู้โดยสารได้ 3,000 คน ยานพาหนะได้ 1,000 คัน และ ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าได้จำนวน 500 ตู้ในแต่ละวัน ปริมาณสินค้าที่บรรทุกได้นี้จะเท่าๆ กับปริมาณที่ขนส่งได้ในปัจจุบันโดยทางบก
          วินาชินเป็นบริษัทต่อเรือขนาดใหญ่ระดับภูมิภาค รับต่อเรือตามสั่งทั้งเรือโดยสารและเรือสินค้า โดยมีลูกค้าสำคัญอยู่ในยุโรป รัฐวิสาหกิจแห่งนี้เพิ่งจะเปิดเผยเมื่อเดือนที่แล้วว่า ปัจจุบันรับออร์เดอร์ต่อเรือให้แก่ลูกค้าในประเทศต่างๆ เป็นมูลค่าราว 5,000 ล้านดอลลาร์ วินาชินยังเป็นผู้ต่อเรือบรรทุกน้ำมันดิบ (oil tanker) ขนาด 50,000 ตัน ลำแรกของประเทศอีกด้วย
          เส้นทางโลจิสติกส์ทางทะเล ที่จะสร้างขึ้นนี้จะมีความยาวคิดเป็นระยะทางเท่าๆ กับทางหลวงรถไฟที่เชื่อมระหว่างภาคเหนือกับภาคใต้ในปัจจุบัน แต่อัตราค่าขนส่งจะต่ำกว่ามาก ไม่จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนก่อสร้างโครสร้างพื้นฐานใดๆ ขณะที่มีความปลอดภัยมากกว่าส่งทางรถไฟและรถยนต์
          อย่างไรก็ตามกำลังจะมีการก่อสร้างท่าเรือเพื่อรองรับเส้นทางขนส่งเหนือ-ใต้ (North-South Passenger Route) ขึ้นใน 3 จุดด้วยกัน อัน คือ ที่เกาะห่อน-ซยา (Hon Gia) ใน จ.กว๋างนิง (Quang Ninh) ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ นครเหว (Hue) ในภาคกลางและที่ท่าเรือไซ่ง่อน นครโฮจิมินห์
          ที่ผ่านมาวินาชินได้ออกตราสารมูลค่า 3,000 ล้านด่ง (ราว 187.5 ล้านดอลลาร์) โดยมีดอยช์แบงก์ (Deutsche Bank) ดำเนินการให้เพื่อโครงการนี้ และปรากฏว่า 95% ของนักลงทุนไปจากต่างประเทศ นอกจากนั้นยังมีการเสนอซื้อถึง 3 เท่าตัว  ของจำนวนตราสารที่ออกจำหน่าย   อย่างไรก็ตามวินาชินยังจะต้องระดมทุนอีกหลายระลอกในระหว่างปี 2550-2553 นี้ ซึ่งจะเป็นช่วงปีที่ดำเนินการก่อสร้างเส้นทางเดินเรือเหนือ-ใต้
          ในช่วงปีที่ผ่านมาในเวียดนามมีการก่อสร้างท่าเทียบคอนเทนเนอร์สินค้าหลายแห่ง ทั้งที่กำลังดำเนินอยู่และเปิดใช้การแล้วในปลายทางต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือท่าเรือไซ่ง่อน ท่าเรือฝูหมี (Phu My) กับท่าเรือก๋ายแหม็บ (Cai Mep) ที่เมืองหวุงเต่า (Vung Tao) จ.บ่าเหรียะ-หวุงเต่า (Ba Ria-Vung Tao) ทางตอนใต้ของประเทศ
          ผู้บริหารของ เครือซีเมนต์ไทยได้แถลงในเวียดนามเมื่อเดือนที่แล้วว่า กำลังพิจารณาแผนการลงทุนสร้างโรงงานปูนซีเมนต์อีกแห่งในเวียดนาม แต่ยังติดขัดในเรื่องการขนส่ง เนื่องจากโรงงานจะอยู่ในภาคเหนือขณะที่ตลาดใหญ่ปูนซีเมนต์จะอยู่ภาคใต้
          เส้นทางโลจิสติกส์ทางทะเลนี้ จึงอาจจะเป็นทางเลือกสำหรับอุตสาหกรรมซีเมนต์ และ อุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอื่นๆได้
          ที่มา: http://www.depthai.go.th