ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ผลประกอบการ ธ.พาณิชย์ไทยมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัวและการกันสำรอง IAS39
รายงานข่าวจาก ธปท. แจ้งว่า ผลประกอบการของระบบ ธ.พาณิชย์ไทยในไตรมาสแรกปีนี้กลับมามีกำไรสุทธิ หลังจากที่ไตรมาสก่อนขาดทุน
จากภาระการกันสำรองที่เพิ่มขึ้นตามการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีสากล (IAS39) อย่างไรก็ตาม แม้กำไรสุทธิของ ธ.พาณิชย์ในไตรมาสแรก
ของปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 19,900 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุนสุทธิจากภาระการกันสำรองที่สูงกว่าปรกติ แต่ยังคงมีทิศทาง
ชะลอตัวลดลงร้อยละ 24.2 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา การชะลอตัว
ของสินเชื่อ และภาระการกันสำรองตาม IAS39 ที่ยังคงมีการบังคับใช้อยู่เป็นสำคัญ ในขณะที่ในไตรมาสแรกของปี 50 ธ.พาณิชย์ไทยมีกำไร
จากการดำเนินงาน 35,700 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยชะลอลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วง
ที่ผ่านมา ส่วนการขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจก็ทำให้ความสามารถในการทำกำไรชะลอลงเช่นกัน ขณะที่รายได้ที่มิใช่
ดอกเบี้ยขยายตัวในเกณฑ์ดีจากรายได้ค่าธรรมเนียมเงินโอนและกำไรจากการปริวรรตเป็นสำคัญ (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวต่อเนื่อง ธปท. เผยแพร่ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ในเดือน ก.พ.50 พบว่าภาพรวมยังคง
ซบเซาต่อเนื่องจากเดือนก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป โดยมูลค่า
การซื้อขายที่ดินทั้งประเทศมีจำนวน 40,061 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 44.3 และรายการซื้อขายที่ดินมีเพียง
65,631 รายการ ลดลงร้อยละ 7.8 ส่วนพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั่วประเทศมีจำนวน 1.25 ล้านตารางเมตร ลดลง
ร้อยละ 18.2 ในขณะที่ตลาดอาคารชุดมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอุปทานส่วนเกิน เนื่องจากตลาดอาคารชุดมีการเปิดโครงการใหม่
อย่างต่อเนื่องทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยความเสี่ยงดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นกับโครงการราคาระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่อยู่ห่าง
ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้า เนื่องจากโครงการก่อสร้างอาคารชุดแต่ละโครงการมีจำนวนหน่วยสูงและใช้ระยะเวลาก่อสร้างนาน
หากการจองที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการโอนจริงอันเนื่องมาจากยกเลิกการจองระหว่างก่อสร้างหรือการขอสินเชื่อไม่ผ่าน อาจทำให้เกิดสต๊อค
ห้องชุดว่างเกิดขึ้นได้(มติชน)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 — 2.5 นายการุณ กิตติสถาถร ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงความ
เคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ประจำเดือน เม.ย.50 ว่า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 116.4 เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.50 สูงขึ้น
ร้อยละ 1 โดยมีสาเหตุสำคัญจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 1.5 ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น
ร้อยละ 0.6 จากการสูงขึ้นของน้ำมันเป็นหลัก และเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.49 สูงขึ้นร้อยละ 1.8 มีสาเหตุจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวด
อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 3.3 ขณะที่เมื่อเทียบเฉลี่ย 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) กับช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงขึ้นร้อยละ 2.3
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 — 2.5 (ไทยรัฐ, โลกวันนี้)
4. รัฐบาลให้บีโอไอเร่งรัดโครงการลงทุนที่อนุมัติไปแล้วให้ลงทุนเร็วขึ้นเพื่อกระตุ้นการลงทุน นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์
รอง นรม. และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ
แนวทางเร่งรัดส่งเสริมการลงทุน โดยมอบหมายให้บีโอไอเร่งรัดโครงการลงทุนที่อนุมัติไปแล้วแต่ยังไม่มีการลงทุนให้ลงทุนเร็วขึ้น
เพื่อกระตุ้นการลงทุนในไทยตามเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุนปีนี้ที่ 5 แสนล้านบาท โดยมั่นใจว่านักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นต่อการ
ลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้าน นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ
ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 50 มีมูลค่ากว่า 74,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 49 โดยหลาย
ประเทศมีการขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศ
ที่มีการลงทุนในไทยสูงสุด จำนวน 81 โครงการ มูลค่ากว่า 39,000 ล้านบาท (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1.อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนลดลงขณะที่ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง รายงานจากบรัสเซลเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 50
สำนักงานสถิติสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ 13 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ร้อยละ 1.8 ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 1.9 ในเดือนก่อนหน้า และสอดคล้องกับผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ที่คาดการณ์
ไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งนี้เนื่องจากราคาพลังงานลดลงชดเชยกับต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนเห็นว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ
อัตราเงินเฟ้อของอิตาลีในเดือน เม.ย. ที่ลดลงอย่างผิดคาดที่ร้อยละ 1.7 อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี ทั้งนี้ ธ.กลางยุโรปต้องการ
รักษาเสถียรภาพอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำใกล้ร้อยละ 2.0 ซึ่งการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในเป้าหมายดังกล่าวนับตั้งแต่
เดือน ก.ย. 49 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามตลาดยังคงคาดการณ์ว่า ในเดือน มิ.ย. ธ.กลางยุโรปจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก
ร้อยละ 0.25 อยู่ที่ร้อยละ 4.0 และมีความเป็นไปได้ที่จะปรับเพิ่มอีกครั้งในช่วงปลายปีเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อในระยะกลางที่เกิดจาก
การขยายตัวของตลาดแรงงานและการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งนี้นาย Nick Kounis นักเศรษฐศาสตร์จาก Fortis bank เห็นว่า
ธ.กลางยุโรปน่าจะมีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ถูกต้องและชัดเจนในระยะกลางเนื่องจากมาตรการต่างๆได้ถูกนำมาใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
และได้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของเงินยูโร หรือการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของเยอรมนี ซึ่งล้วนแต่เป็นไป
ในทางบวกรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ 13 ประเทศในยูโรโซน ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 1.61 บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือน มี.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนผิดจากที่คาดไว้ รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 30 เม.ย.50 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานยอดค้าปลีกไม่รวมยอดขายรถยนต์และยอดขายของปั๊มน้ำมันลดลงร้อยละ 0.7
ในเดือน มี.ค.50 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ผิดจากที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ในเดือน ก.พ.50
ซึ่งฟื้นตัวขึ้นหลังจากลดลงร้อยละ 5.7 ในเดือน ม.ค.50 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่อัตราภาษีใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ยอดค้าปลีกในไตรมาสแรก
ปี 50 ลดลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีได้ขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคหรือ VAT อีกร้อยละ 3.0 เป็น
ร้อยละ 19.0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นมา เพื่อลดภาระการขาดดุลงบประมาณของประเทศ ตัวเลขยอดค้าปลีกดังกล่าวขัดแย้งกับ
รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนียังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีแม้ว่าจะมีการขึ้น VAT ก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายคน
เชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะดีขึ้นหลังจากนี้จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและรายได้ที่สูงขึ้นของผู้บริโภค (รอยเตอร์)
3. การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวร้อยละ 17.8 เทียบต่อปี รายงานจากโซลเมื่อ 1 พ.ค.50
ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวร้อยละ 17.8 เทียบต่อปี สูงกว่าการคาดหมายของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 17.3 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 19.9 เทียบต่อปี เหนือความคาดหมายของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 17.6 โดยมูลค่าการส่งออกมีจำนวน 30.15 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. และมูลค่าการนำเข้า
มีจำนวน 29.35 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้าเป็นจำนวน 799 ล.ดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ ก.พาณิชย์
ได้คาดการณ์การขยายตัวของการส่งออกในปี 50 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.4 ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ร้อยละ 14.4 สาเหตุ
จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ. อย่างไรก็ตาม การที่มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย
ได้ช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ.ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเกาหลีใต้ลงได้ ทั้งนี้ สรอ.
และจีนเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของเกาหลีใต้ โดยมีสัดส่วนเป็น 2 ใน 5 ของการส่งออกโดยรวม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 1 พ.ค.50
ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้น
สูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อปี และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3
เมื่อเทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้เมื่อเทียบต่อปีเคยเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ร้อยละ 2.5
ในเดือน ก.ย.49 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จาก
ร้อยละ 2.4 ในเดือนก่อนหน้า อนึ่ง คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางเกาหลีใต้จะเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ย
นโยบายในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ จากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมยังคงมีมติให้อัตราดอกเบี้ยข้ามคืน
(ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเกาหลีใต้) อยู่ที่ร้อยละ 4.50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2/5/2493 30/4/2550 29/12/2549 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.772 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.5775/34.9093 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15203 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 699.16/11.30 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,050/11,150 11,150/11,250 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.57 65.12 56.48 ปตท./รอยเตอร์
11,050/11,150
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.19*/25.34* 29.19*/25.34* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ผลประกอบการ ธ.พาณิชย์ไทยมีแนวโน้มลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน สาเหตุจากเศรษฐกิจชะลอตัวและการกันสำรอง IAS39
รายงานข่าวจาก ธปท. แจ้งว่า ผลประกอบการของระบบ ธ.พาณิชย์ไทยในไตรมาสแรกปีนี้กลับมามีกำไรสุทธิ หลังจากที่ไตรมาสก่อนขาดทุน
จากภาระการกันสำรองที่เพิ่มขึ้นตามการปฏิบัติตามมาตรฐานบัญชีสากล (IAS39) อย่างไรก็ตาม แม้กำไรสุทธิของ ธ.พาณิชย์ในไตรมาสแรก
ของปีนี้จะปรับตัวดีขึ้น โดยมีกำไรสุทธิจำนวน 19,900 ล้านบาท จากที่มีผลขาดทุนสุทธิจากภาระการกันสำรองที่สูงกว่าปรกติ แต่ยังคงมีทิศทาง
ชะลอตัวลดลงร้อยละ 24.2 เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา การชะลอตัว
ของสินเชื่อ และภาระการกันสำรองตาม IAS39 ที่ยังคงมีการบังคับใช้อยู่เป็นสำคัญ ในขณะที่ในไตรมาสแรกของปี 50 ธ.พาณิชย์ไทยมีกำไร
จากการดำเนินงาน 35,700 ล้านบาท โดยรายได้ดอกเบี้ยชะลอลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วง
ที่ผ่านมา ส่วนการขยายตัวของสินเชื่อที่ชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจก็ทำให้ความสามารถในการทำกำไรชะลอลงเช่นกัน ขณะที่รายได้ที่มิใช่
ดอกเบี้ยขยายตัวในเกณฑ์ดีจากรายได้ค่าธรรมเนียมเงินโอนและกำไรจากการปริวรรตเป็นสำคัญ (ผู้จัดการรายวัน)
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวต่อเนื่อง ธปท. เผยแพร่ข้อมูลภาคอสังหาริมทรัพย์ในเดือน ก.พ.50 พบว่าภาพรวมยังคง
ซบเซาต่อเนื่องจากเดือนก่อน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและการเมืองส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยออกไป โดยมูลค่า
การซื้อขายที่ดินทั้งประเทศมีจำนวน 40,061 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 44.3 และรายการซื้อขายที่ดินมีเพียง
65,631 รายการ ลดลงร้อยละ 7.8 ส่วนพื้นที่รับอนุญาตก่อสร้างในเขตเทศบาลทั่วประเทศมีจำนวน 1.25 ล้านตารางเมตร ลดลง
ร้อยละ 18.2 ในขณะที่ตลาดอาคารชุดมีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาอุปทานส่วนเกิน เนื่องจากตลาดอาคารชุดมีการเปิดโครงการใหม่
อย่างต่อเนื่องทั้งในเมืองและนอกเมือง โดยความเสี่ยงดังกล่าวอาจจะเกิดขึ้นกับโครงการราคาระดับต่ำกว่า 1 ล้านบาท ที่อยู่ห่าง
ไกลจากเส้นทางรถไฟฟ้า เนื่องจากโครงการก่อสร้างอาคารชุดแต่ละโครงการมีจำนวนหน่วยสูงและใช้ระยะเวลาก่อสร้างนาน
หากการจองที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการโอนจริงอันเนื่องมาจากยกเลิกการจองระหว่างก่อสร้างหรือการขอสินเชื่อไม่ผ่าน อาจทำให้เกิดสต๊อค
ห้องชุดว่างเกิดขึ้นได้(มติชน)
3. คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 — 2.5 นายการุณ กิตติสถาถร ปลัด ก.พาณิชย์ เปิดเผยถึงความ
เคลื่อนไหวดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) ประจำเดือน เม.ย.50 ว่า ดัชนีอยู่ที่ระดับ 116.4 เมื่อเทียบกับเดือน มี.ค.50 สูงขึ้น
ร้อยละ 1 โดยมีสาเหตุสำคัญจากดัชนีราคาหมวดอาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้นร้อยละ 1.5 ส่วนหมวดอื่น ๆ ที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มสูงขึ้น
ร้อยละ 0.6 จากการสูงขึ้นของน้ำมันเป็นหลัก และเมื่อเทียบกับเดือน เม.ย.49 สูงขึ้นร้อยละ 1.8 มีสาเหตุจากการสูงขึ้นของดัชนีหมวด
อาหารและเครื่องดื่มร้อยละ 3.3 ขณะที่เมื่อเทียบเฉลี่ย 4 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.) กับช่วงเดียวกันของปีก่อนสูงขึ้นร้อยละ 2.3
อย่างไรก็ตาม คาดว่าอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีนี้จะอยู่ที่ร้อยละ 1.5 — 2.5 (ไทยรัฐ, โลกวันนี้)
4. รัฐบาลให้บีโอไอเร่งรัดโครงการลงทุนที่อนุมัติไปแล้วให้ลงทุนเร็วขึ้นเพื่อกระตุ้นการลงทุน นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์
รอง นรม. และ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบ
แนวทางเร่งรัดส่งเสริมการลงทุน โดยมอบหมายให้บีโอไอเร่งรัดโครงการลงทุนที่อนุมัติไปแล้วแต่ยังไม่มีการลงทุนให้ลงทุนเร็วขึ้น
เพื่อกระตุ้นการลงทุนในไทยตามเป้าหมายการส่งเสริมการลงทุนปีนี้ที่ 5 แสนล้านบาท โดยมั่นใจว่านักลงทุนต่างชาติยังเชื่อมั่นต่อการ
ลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง ด้าน นายสาธิต ชาญเชาวน์กุล เลขาธิการบีโอไอ กล่าวว่า การลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ
ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 50 มีมูลค่ากว่า 74,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 49 โดยหลาย
ประเทศมีการขอรับส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนจากญี่ปุ่นยังคงเป็นประเทศ
ที่มีการลงทุนในไทยสูงสุด จำนวน 81 โครงการ มูลค่ากว่า 39,000 ล้านบาท (โลกวันนี้, กรุงเทพธุรกิจ)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1.อัตราเงินเฟ้อของยูโรโซนลดลงขณะที่ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่ง รายงานจากบรัสเซลเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 50
สำนักงานสถิติสหภาพยุโรปเปิดเผยว่า ในเดือน เม.ย. ดัชนีราคาผู้บริโภคของ 13 ประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน
ร้อยละ 1.8 ชะลอลงเล็กน้อยจากร้อยละ 1.9 ในเดือนก่อนหน้า และสอดคล้องกับผลการสำรวจนักเศรษฐศาสตร์โดยรอยเตอร์ที่คาดการณ์
ไว้ก่อนหน้านั้น ทั้งนี้เนื่องจากราคาพลังงานลดลงชดเชยกับต้นทุนอาหารที่สูงขึ้น ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์บางคนเห็นว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ
อัตราเงินเฟ้อของอิตาลีในเดือน เม.ย. ที่ลดลงอย่างผิดคาดที่ร้อยละ 1.7 อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 8 ปี ทั้งนี้ ธ.กลางยุโรปต้องการ
รักษาเสถียรภาพอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับต่ำใกล้ร้อยละ 2.0 ซึ่งการขยายตัวของอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ในเป้าหมายดังกล่าวนับตั้งแต่
เดือน ก.ย. 49 เป็นต้นมา อย่างไรก็ตามตลาดยังคงคาดการณ์ว่า ในเดือน มิ.ย. ธ.กลางยุโรปจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก
ร้อยละ 0.25 อยู่ที่ร้อยละ 4.0 และมีความเป็นไปได้ที่จะปรับเพิ่มอีกครั้งในช่วงปลายปีเพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อในระยะกลางที่เกิดจาก
การขยายตัวของตลาดแรงงานและการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งนี้นาย Nick Kounis นักเศรษฐศาสตร์จาก Fortis bank เห็นว่า
ธ.กลางยุโรปน่าจะมีเป้าหมายเงินเฟ้อที่ถูกต้องและชัดเจนในระยะกลางเนื่องจากมาตรการต่างๆได้ถูกนำมาใช้เป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
และได้เห็นผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแข็งค่าของเงินยูโร หรือการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ของเยอรมนี ซึ่งล้วนแต่เป็นไป
ในทางบวกรวมถึงดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ 13 ประเทศในยูโรโซน ที่เพิ่มขึ้นทำสถิติสูงสุดที่ระดับ 1.61 บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ
ในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา (รอยเตอร์)
2. ยอดค้าปลีกของเยอรมนีในเดือน มี.ค.50 ลดลงร้อยละ 0.7 เมื่อเทียบกับเดือนก่อนผิดจากที่คาดไว้ รายงานจากเบอร์ลิน
เมื่อ 30 เม.ย.50 สนง.สถิติกลางของเยอรมนีรายงานยอดค้าปลีกไม่รวมยอดขายรถยนต์และยอดขายของปั๊มน้ำมันลดลงร้อยละ 0.7
ในเดือน มี.ค.50 เมื่อเทียบกับเดือนก่อน ผิดจากที่รอยเตอร์คาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.8 หลังจากเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.0 ในเดือน ก.พ.50
ซึ่งฟื้นตัวขึ้นหลังจากลดลงร้อยละ 5.7 ในเดือน ม.ค.50 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่อัตราภาษีใหม่เริ่มมีผลบังคับใช้ ส่งผลให้ยอดค้าปลีกในไตรมาสแรก
ปี 50 ลดลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับปีก่อน ทั้งนี้ รัฐบาลเยอรมนีได้ขึ้นอัตราภาษีที่เรียกเก็บจากผู้บริโภคหรือ VAT อีกร้อยละ 3.0 เป็น
ร้อยละ 19.0 ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.50 เป็นต้นมา เพื่อลดภาระการขาดดุลงบประมาณของประเทศ ตัวเลขยอดค้าปลีกดังกล่าวขัดแย้งกับ
รายงานเมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ชี้ว่าเศรษฐกิจเยอรมนียังขยายตัวอยู่ในเกณฑ์ดีแม้ว่าจะมีการขึ้น VAT ก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์หลายคน
เชื่อว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคจะดีขึ้นหลังจากนี้จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจและรายได้ที่สูงขึ้นของผู้บริโภค (รอยเตอร์)
3. การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวร้อยละ 17.8 เทียบต่อปี รายงานจากโซลเมื่อ 1 พ.ค.50
ก.พาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวร้อยละ 17.8 เทียบต่อปี สูงกว่าการคาดหมายของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 17.3 ขณะที่การนำเข้าขยายตัวร้อยละ 19.9 เทียบต่อปี เหนือความคาดหมายของ
นักเศรษฐศาสตร์ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 17.6 โดยมูลค่าการส่งออกมีจำนวน 30.15 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. และมูลค่าการนำเข้า
มีจำนวน 29.35 พัน ล.ดอลลาร์ สรอ. ส่งผลให้เกาหลีใต้เกินดุลการค้าเป็นจำนวน 799 ล.ดอลลาร์ สรอ. นอกจากนี้ ก.พาณิชย์
ได้คาดการณ์การขยายตัวของการส่งออกในปี 50 ว่าจะขยายตัวร้อยละ 10.4 ลดลงจากการคาดการณ์ก่อนหน้าที่ร้อยละ 14.4 สาเหตุ
จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ. อย่างไรก็ตาม การที่มูลค่าการส่งออกของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นเหนือความคาดหมาย
ได้ช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ สรอ.ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกของเกาหลีใต้ลงได้ ทั้งนี้ สรอ.
และจีนเป็นประเทศคู่ค้าที่สำคัญของเกาหลีใต้ โดยมีสัดส่วนเป็น 2 ใน 5 ของการส่งออกโดยรวม (รอยเตอร์)
4. ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เทียบต่อปี รายงานจากโซล เมื่อ 1 พ.ค.50
ธ.กลางเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้ในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เมื่อเทียบต่อปี นับเป็นการเพิ่มขึ้น
สูงสุดในรอบ 7 เดือน ขณะที่ผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยรอยเตอร์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เทียบต่อปี และเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3
เมื่อเทียบต่อเดือน (ตัวเลขหลังปรับปัจจัยทางฤดูกาล) ทั้งนี้ ดัชนีราคาผู้บริโภคของเกาหลีใต้เมื่อเทียบต่อปีเคยเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ร้อยละ 2.5
ในเดือน ก.ย.49 สำหรับดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมราคาอาหารและพลังงานในเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 จาก
ร้อยละ 2.4 ในเดือนก่อนหน้า อนึ่ง คณะกรรมการนโยบายการเงินของ ธ.กลางเกาหลีใต้จะเข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาอัตราดอกเบี้ย
นโยบายในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ จากการประชุมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 12 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมยังคงมีมติให้อัตราดอกเบี้ยข้ามคืน
(ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเกาหลีใต้) อยู่ที่ร้อยละ 4.50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 2/5/2493 30/4/2550 29/12/2549 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.772 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.5775/34.9093 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.15203 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 699.16/11.30 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,050/11,150 11,150/11,250 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 62.57 65.12 56.48 ปตท./รอยเตอร์
11,050/11,150
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.19*/25.34* 29.19*/25.34* 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มลิตรละ 40 สตางค์เมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--