ข่าวเศรษฐกิจในประเทศ
1. ยอดเช็คเด้งเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้น 3.65% ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เช็คคืนไม่มีเงินหรือเช็คเด้ง
ในเดือน เม.ย.50 มีจำนวน 114,967 รายการ มูลค่า 10,972.32 ล.บาท เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 386.49 ล.บาทจากเดือน มี.ค.ที่มียอดเช็คเด้ง
มูลค่า 10,585.83 ล.บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่ม 3.65% ทั้งนี้ มูลค่าเช็คเด้งดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 0.44% ของมูลค่าเช็คที่เรียกเก็บทั้งหมด
ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่มีสัดส่วนเช็คเด้ง 0.40% ต่อมูลค่าเช็คเรียกเก็บ สำหรับมูลค่าเช็คเรียกเก็บทั้งหมดในเดือน เม.ย.มีจำนวนทั้งสิ้น
6,714,888 รายการ มูลค่ารวม 2,482,526.77 ล.บาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่มีปริมาณเช็คเรียกเก็บจำนวน 7,061,863 รายการ
หรือคิดเป็นมูลค่า 2,645,640.63 ล.บาท คิดเป็นมูลค่าลดลง 163,113.86 ล.บาทจากเดือนก่อน หรือเป็นสัดส่วนลดลง 6.17% ด้านยอด
เช็คคืนรวมทั้งหมดในเดือน เม.ย.มีจำนวน 167,699 รายการ มูลค่า 21,043.57 ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ครม.เห็นชอบให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระดับ 7% ต่อไปอีก 1 ปี นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนัก
นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้คงอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 7%
ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะครบกำหนดวันที่ 30 ก.ย.50 เป็นวันที่ 30 ก.ย.51 โดยให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบและ
พิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วน เนื่องจากประเทศกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากปัญหาราคาน้ำมัน ภัยธรรมชาติ และปัญหาความไม่สงบทางการเมือง
ทำให้กำลังซื้อของประชาชนโดยรวมไม่ขยายตัวมากนัก ซึ่งการคง VAT ไว้ที่ 7% จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชน
ต่อไป (โลกวันนี้, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
แถลงผลการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ.... ตามที่
ก.พาณิชย์ได้นำกลับไปพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตของ ครม.เมื่อวันที่ 27 มี.ค.50 เกี่ยวกับคระกรรมการกำกับดูแลธุรกิจ
ค้าปลีกค้าส่ง และมาตรการจัดระบบค้าปลีกค้าส่ง การลงโทษทางปกครอง และการกำหนดบทนิยามคำว่าธุรกิจให้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ระหว่าง
การประชุม รมว.พาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในปัจจุบันว่า มีการร้องเรียนอย่างมากจากผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งแบบ
ดั้งเดิมในหลายจังหวัด ว่าได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่มากขึ้น โดยส่วนใหญ่มีความเห็นว่ารัฐควร
มีมาตรการเร่งด่วนมาชะลอ หรือยับยั้งการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ระหว่างรอประกาศบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.
(ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด, มติชน)
4. ครม.เห็นชอบจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผล กระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรี
นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการ
จัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ตามที่ ก.พาณิชย์เสนอ
โดยใช้ งปม.ประจำปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของกองทุน เบื้องต้นให้ดำเนินการเฉพาะในปี งปม.50 และ 51 ทั้งนี้ ไทยมีการเจรจาเปิดเขต
การค้าเสรีทั้งในระดับพหุภาคี ภูมิภาค และระดับทวิภาคี กับหลายประเทศ ซึ่งแม้ว่าจะทำให้การค้าขยายตัวเพิ่ม การลงทุนและประกอบธุรกิ
จระหว่างกันมีมากขึ้น แต่สินค้าบางรายการได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องมีการปรับตัว รัฐบาลจึงจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อการปรับตัว
ทั้งระยะสั้นและระยะยาว (โลกวันนี้)
5. ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงไตรมาสแรกปี 50 ลดลง 10-15% ประธานอำนวยการ-ประเทศไทย บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด
ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ไตรมาสแรกที่ผ่านมาลดลง 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน เป็นผลจากรัฐบาลไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน รวมทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้คนระดับกลางและบน ที่ยังมี
กำลังซื้อ แต่ไม่กล้าใช้จ่าย โดยสินค้าในกลุ่มที่ปรับตัวลดลงชัดเจนคือ เสื้อผ้า เพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย รวมทั้งสินค้ากลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ
ที่เคยเติบโตได้ดี ส่วนภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งปี คาดการณ์ ยากว่าจะเพิ่มหรือลด เพราะมีปัจจัยหลายด้านที่อาจส่งผลกระทบ(มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าในปีนี้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. จะเติบโตสูงกว่าภาคบริการ รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 50
ผลการสำรวจภาคธุรกิจของ Institute for Supply Management (ISM) คาดว่าในปีนี้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. จะขยายตัว
มากกว่าภาคบริการ โดยรายได้ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะขยายตัวร้อยละ 5.6 ขณะที่การใช้จ่ายลงทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8
ส่วนประสิทธิภาพการผลิตคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 82.8 ซึ่งนาย Norbert Ore ประธานของ ISM business survey กล่าวว่า แม้ว่า
การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตดังกล่าวจะต่ำกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วแต่ก็บ่งชี้ว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีการลงทุนเพื่อให้มีรายได้
เพิ่มขึ้นในอนาคต สำหรับภาคบริการคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 2.1 และการใช้จ่ายลงทุนในภาคนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 โดยมีประสิทธิภาพ
การผลิตที่ร้อยละ 84.8 อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเติบโตของภาคบริการจะน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตแต่ก็ยังคงขยายตัวสูงกว่าปีที่ผ่านมา
รวมทั้งเติบโตอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาเป็นเดือนที่ 49 โดยไม่มีการหดตัวเลย (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน มี.ค. ลดลงร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ก.เศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน
มี.ค.50 ที่ปรับข้อมูลตามฤดูกาลแล้วลดลงอย่างไม่คาดหมายร้อยละ 0.1 โดยเป็นผลมาจากการลดลงอย่างรุนแรงร้อยละ 6.5 ในผลผลิตภาค
การก่อสร้าง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค. จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.4 ด้านข้อมูลจาก สนง.สถิติแห่งชาติเปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 หลังจากที่เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.1 ในไตรมาส 4 ปี 49 อย่างไรก็ตาม ก.เศรษฐกิจได้แถลงว่าคำสั่งซื้อสินค้าของภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคำสั่งซื้อ
ในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 และภาคธุรกิจยังมีทัศนคติที่ดี รวมถึงสัญญาณต่าง ๆ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง(รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวในระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ร้อยละ 2.4 ต่อปี รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 9 พ.ค.50 สมาคมผู้ค้าปลีกของอังกฤษหรือ BRC รายงานยอดค้าปลีกในเดือน เม.ย.50 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือน
เม.ย.49 อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.49 และลดลงจากร้อยละ 3.9 ต่อปีในเดือน มี.ค.50 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดค้าปลีก
ในเดือน เม.ย.49 เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 6.8 ทั้งนี้ เทศกาลอีสเตอร์ตกอยู่ในเดือน เม.ย.ทั้งในปี 49 และ 50 และหากรวมพื้นที่ขายที่เกิดขึ้น
ใหม่ด้วยแล้ว ยอดค้าปลีกรวมในเดือน เม.ย.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ต่อปี ลดลงจากร้อยละ 6.2 ต่อปีในเดือน มี.ค.50 ขยายตัวในอัตรา
ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.49 ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกรวมในเดือน เม.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ต่อปี นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่ายอดค้าปลีกที่
ชะลอตัวลงเป็นผลมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะที่อัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างกลับอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อและคาดว่าหาก ธ.กลางอังกฤษ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสัปดาห์นี้ตามที่คาดไว้ก็จะส่งผลให้รายจ่ายของชาวอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยอัตราการขยายตัวของยอดค้าปลีกใน
ช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน เม.ย.50 (ก.พ.- เม.ย.50) ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.3 จากร้อยละ 3.5 ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า
(ม.ค.- มี.ค.50) เช่นเดียวกับอัตราการขยายตัวของยอดค้าปลีกรวมที่ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ในช่วงเดือน ก.พ.- เม.ย.50 จาก
ร้อยละ 5.7 ในช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค.50 (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน มี.ค.50 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี รายงาน
จากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 8 พ.ค.50 รัฐบาลมาเลเซีย เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดผลผลิตของ
อุตสาหกรรมการผลิต เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์) ในเดือน มี.ค.50 ลดลงร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี นับเป็นการลดลงเป็น
ครั้งแรกตั้งแต่เดือน ต.ค.49 ที่ลดลงร้อยละ 1.6 และสวนทางกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญ
ที่ผลผลิตจากโรงงานลดลงเป็นครั้งแรกในเดือน มี.ค.เนื่องจากผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิตในเดือน มี.ค. (ซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของ
ผลผลิตอุตสาหกรรม) ลดลงถึงร้อยละ 2.5 นอกจากนี้ ผลผลิตจากเหมืองแร่ก็ลดลงร้อยละ 5.1 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลผลิตอุตสาหกรรม
ในเดือน มี.ค.50 จะลดลงร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี แต่เมื่อเทียบต่อเดือนกลับขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 พ.ค.50 8 พ.ค. 50 29 ธ.ค.49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.695 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.5051/34.8356 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.1775 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 712.87/12.90 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,200/11,300 11,200/11,300 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 61.31 60.07 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.59*/25.34** 29.59*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มเมื่อ 3 พ.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
1. ยอดเช็คเด้งเดือน เม.ย.50 เพิ่มขึ้น 3.65% ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เช็คคืนไม่มีเงินหรือเช็คเด้ง
ในเดือน เม.ย.50 มีจำนวน 114,967 รายการ มูลค่า 10,972.32 ล.บาท เพิ่มขึ้นเป็นมูลค่า 386.49 ล.บาทจากเดือน มี.ค.ที่มียอดเช็คเด้ง
มูลค่า 10,585.83 ล.บาท หรือคิดเป็นสัดส่วนเพิ่ม 3.65% ทั้งนี้ มูลค่าเช็คเด้งดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 0.44% ของมูลค่าเช็คที่เรียกเก็บทั้งหมด
ใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้าที่มีสัดส่วนเช็คเด้ง 0.40% ต่อมูลค่าเช็คเรียกเก็บ สำหรับมูลค่าเช็คเรียกเก็บทั้งหมดในเดือน เม.ย.มีจำนวนทั้งสิ้น
6,714,888 รายการ มูลค่ารวม 2,482,526.77 ล.บาท ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่มีปริมาณเช็คเรียกเก็บจำนวน 7,061,863 รายการ
หรือคิดเป็นมูลค่า 2,645,640.63 ล.บาท คิดเป็นมูลค่าลดลง 163,113.86 ล.บาทจากเดือนก่อน หรือเป็นสัดส่วนลดลง 6.17% ด้านยอด
เช็คคืนรวมทั้งหมดในเดือน เม.ย.มีจำนวน 167,699 รายการ มูลค่า 21,043.57 ล.บาท (กรุงเทพธุรกิจ)
2. ครม.เห็นชอบให้คงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มที่ระดับ 7% ต่อไปอีก 1 ปี นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนัก
นายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้คงอัตราจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ในอัตรา 7%
ออกไปอีก 1 ปี จากเดิมที่จะครบกำหนดวันที่ 30 ก.ย.50 เป็นวันที่ 30 ก.ย.51 โดยให้ส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจสอบและ
พิจารณาเป็นกรณีเร่งด่วน เนื่องจากประเทศกำลังอยู่ในช่วงฟื้นตัวจากปัญหาราคาน้ำมัน ภัยธรรมชาติ และปัญหาความไม่สงบทางการเมือง
ทำให้กำลังซื้อของประชาชนโดยรวมไม่ขยายตัวมากนัก ซึ่งการคง VAT ไว้ที่ 7% จะช่วยสนับสนุนให้เกิดการขยายตัวของการใช้จ่ายภาคเอกชน
ต่อไป (โลกวันนี้, ข่าวสด, โพสต์ทูเดย์, มติชน)
3. ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
แถลงผลการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่ง พ.ศ.... ตามที่
ก.พาณิชย์ได้นำกลับไปพิจารณาทบทวนและปรับปรุงแก้ไขตามข้อสังเกตของ ครม.เมื่อวันที่ 27 มี.ค.50 เกี่ยวกับคระกรรมการกำกับดูแลธุรกิจ
ค้าปลีกค้าส่ง และมาตรการจัดระบบค้าปลีกค้าส่ง การลงโทษทางปกครอง และการกำหนดบทนิยามคำว่าธุรกิจให้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งนี้ ระหว่าง
การประชุม รมว.พาณิชย์ได้รายงานสถานการณ์ธุรกิจค้าปลีกค้าส่งในปัจจุบันว่า มีการร้องเรียนอย่างมากจากผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกค้าส่งแบบ
ดั้งเดิมในหลายจังหวัด ว่าได้รับผลกระทบจากการขยายสาขาของผู้ประกอบการค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่มากขึ้น โดยส่วนใหญ่มีความเห็นว่ารัฐควร
มีมาตรการเร่งด่วนมาชะลอ หรือยับยั้งการขยายสาขาของธุรกิจค้าปลีกค้าส่งสมัยใหม่ ระหว่างรอประกาศบังคับใช้ร่าง พ.ร.บ.
(ผู้จัดการรายวัน, ข่าวสด, มติชน)
4. ครม.เห็นชอบจัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการที่ได้รับผล กระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรี
นางเนตรปรียา ชุมไชโย ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ว่า ที่ประชุมเห็นชอบการ
จัดตั้งกองทุนเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและบริการ ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเขตการค้าเสรีหรือเอฟทีเอ ตามที่ ก.พาณิชย์เสนอ
โดยใช้ งปม.ประจำปีเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายของกองทุน เบื้องต้นให้ดำเนินการเฉพาะในปี งปม.50 และ 51 ทั้งนี้ ไทยมีการเจรจาเปิดเขต
การค้าเสรีทั้งในระดับพหุภาคี ภูมิภาค และระดับทวิภาคี กับหลายประเทศ ซึ่งแม้ว่าจะทำให้การค้าขยายตัวเพิ่ม การลงทุนและประกอบธุรกิ
จระหว่างกันมีมากขึ้น แต่สินค้าบางรายการได้รับผลกระทบและจำเป็นต้องมีการปรับตัว รัฐบาลจึงจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือเพื่อการปรับตัว
ทั้งระยะสั้นและระยะยาว (โลกวันนี้)
5. ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคในช่วงไตรมาสแรกปี 50 ลดลง 10-15% ประธานอำนวยการ-ประเทศไทย บริษัท ดีทแฮล์ม จำกัด
ผู้จัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค ไตรมาสแรกที่ผ่านมาลดลง 10-15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกัน
ของปีก่อน เป็นผลจากรัฐบาลไม่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชัดเจน รวมทั้งความไม่แน่นอนทางการเมือง ทำให้คนระดับกลางและบน ที่ยังมี
กำลังซื้อ แต่ไม่กล้าใช้จ่าย โดยสินค้าในกลุ่มที่ปรับตัวลดลงชัดเจนคือ เสื้อผ้า เพราะเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย รวมทั้งสินค้ากลุ่มอาหารเพื่อสุขภาพ
ที่เคยเติบโตได้ดี ส่วนภาพรวมตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งปี คาดการณ์ ยากว่าจะเพิ่มหรือลด เพราะมีปัจจัยหลายด้านที่อาจส่งผลกระทบ(มติชน)
ข่าวเศรษฐกิจต่างประเทศ
1. คาดว่าในปีนี้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. จะเติบโตสูงกว่าภาคบริการ รายงานจากนิวยอร์กเมื่อวันที่ 8 พ.ค. 50
ผลการสำรวจภาคธุรกิจของ Institute for Supply Management (ISM) คาดว่าในปีนี้ภาคอุตสาหกรรมการผลิตของ สรอ. จะขยายตัว
มากกว่าภาคบริการ โดยรายได้ของภาคอุตสาหกรรมการผลิตจะขยายตัวร้อยละ 5.6 ขณะที่การใช้จ่ายลงทุนคาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.8
ส่วนประสิทธิภาพการผลิตคาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 82.8 ซึ่งนาย Norbert Ore ประธานของ ISM business survey กล่าวว่า แม้ว่า
การขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตดังกล่าวจะต่ำกว่าเมื่อ 3 ปีที่แล้วแต่ก็บ่งชี้ว่าผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมีการลงทุนเพื่อให้มีรายได้
เพิ่มขึ้นในอนาคต สำหรับภาคบริการคาดว่าจะเติบโตร้อยละ 2.1 และการใช้จ่ายลงทุนในภาคนี้คาดว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 โดยมีประสิทธิภาพ
การผลิตที่ร้อยละ 84.8 อย่างไรก็ตามแม้ว่าการเติบโตของภาคบริการจะน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรมการผลิตแต่ก็ยังคงขยายตัวสูงกว่าปีที่ผ่านมา
รวมทั้งเติบโตอย่างต่อเนื่องติดต่อกันมาเป็นเดือนที่ 49 โดยไม่มีการหดตัวเลย (รอยเตอร์)
2. ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน มี.ค. ลดลงร้อยละ 0.1 เทียบต่อเดือน รายงานจากกรุงเบอร์ลิน
ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 8 พ.ค.50 ก.เศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นว่า ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีในเดือน
มี.ค.50 ที่ปรับข้อมูลตามฤดูกาลแล้วลดลงอย่างไม่คาดหมายร้อยละ 0.1 โดยเป็นผลมาจากการลดลงอย่างรุนแรงร้อยละ 6.5 ในผลผลิตภาค
การก่อสร้าง ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน มี.ค. จะไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัวเพิ่มขึ้น
ร้อยละ 0.4 ด้านข้อมูลจาก สนง.สถิติแห่งชาติเปิดเผยว่าในช่วงไตรมาสแรกปีนี้ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 หลังจากที่เพิ่มขึ้น
ร้อยละ 1.1 ในไตรมาส 4 ปี 49 อย่างไรก็ตาม ก.เศรษฐกิจได้แถลงว่าคำสั่งซื้อสินค้าของภาคอุตสาหกรรมยังอยู่ในเกณฑ์ดี โดยคำสั่งซื้อ
ในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 และภาคธุรกิจยังมีทัศนคติที่ดี รวมถึงสัญญาณต่าง ๆ ยังคงมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง(รอยเตอร์)
3. ยอดค้าปลีกของอังกฤษในเดือน เม.ย.50 ขยายตัวในระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือนที่ร้อยละ 2.4 ต่อปี รายงานจากลอนดอน
เมื่อ 9 พ.ค.50 สมาคมผู้ค้าปลีกของอังกฤษหรือ BRC รายงานยอดค้าปลีกในเดือน เม.ย.50 มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.4 เมื่อเทียบกับเดือน
เม.ย.49 อยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย.49 และลดลงจากร้อยละ 3.9 ต่อปีในเดือน มี.ค.50 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดค้าปลีก
ในเดือน เม.ย.49 เพิ่มขึ้นมากถึงร้อยละ 6.8 ทั้งนี้ เทศกาลอีสเตอร์ตกอยู่ในเดือน เม.ย.ทั้งในปี 49 และ 50 และหากรวมพื้นที่ขายที่เกิดขึ้น
ใหม่ด้วยแล้ว ยอดค้าปลีกรวมในเดือน เม.ย.50 จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.7 ต่อปี ลดลงจากร้อยละ 6.2 ต่อปีในเดือน มี.ค.50 ขยายตัวในอัตรา
ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ธ.ค.49 ทั้งนี้ ยอดค้าปลีกรวมในเดือน เม.ย.49 เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.8 ต่อปี นักวิเคราะห์ให้ความเห็นว่ายอดค้าปลีกที่
ชะลอตัวลงเป็นผลมาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นในขณะที่อัตราการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างกลับอยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อและคาดว่าหาก ธ.กลางอังกฤษ
ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในสัปดาห์นี้ตามที่คาดไว้ก็จะส่งผลให้รายจ่ายของชาวอังกฤษเพิ่มสูงขึ้นอีก โดยอัตราการขยายตัวของยอดค้าปลีกใน
ช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือน เม.ย.50 (ก.พ.- เม.ย.50) ชะลอตัวลงมาอยู่ที่ร้อยละ 3.3 จากร้อยละ 3.5 ในช่วง 3 เดือนก่อนหน้า
(ม.ค.- มี.ค.50) เช่นเดียวกับอัตราการขยายตัวของยอดค้าปลีกรวมที่ลดลงมาอยู่ที่ร้อยละ 5.5 ในช่วงเดือน ก.พ.- เม.ย.50 จาก
ร้อยละ 5.7 ในช่วงเดือน ม.ค.- มี.ค.50 (รอยเตอร์)
4. ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซียในเดือน มี.ค.50 ลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือนที่ร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี รายงาน
จากกัวลาลัมเปอร์ เมื่อ 8 พ.ค.50 รัฐบาลมาเลเซีย เปิดเผยว่า ผลผลิตอุตสาหกรรมของมาเลเซีย (ซึ่งเป็นเครื่องชี้วัดผลผลิตของ
อุตสาหกรรมการผลิต เหมืองแร่ และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์) ในเดือน มี.ค.50 ลดลงร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี นับเป็นการลดลงเป็น
ครั้งแรกตั้งแต่เดือน ต.ค.49 ที่ลดลงร้อยละ 1.6 และสวนทางกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ทั้งนี้ สาเหตุสำคัญ
ที่ผลผลิตจากโรงงานลดลงเป็นครั้งแรกในเดือน มี.ค.เนื่องจากผลผลิตอุตสาหกรรมการผลิตในเดือน มี.ค. (ซึ่งมีสัดส่วนถึง 2 ใน 3 ของ
ผลผลิตอุตสาหกรรม) ลดลงถึงร้อยละ 2.5 นอกจากนี้ ผลผลิตจากเหมืองแร่ก็ลดลงร้อยละ 5.1 อย่างไรก็ตาม แม้ว่าผลผลิตอุตสาหกรรม
ในเดือน มี.ค.50 จะลดลงร้อยละ 2.7 เทียบต่อปี แต่เมื่อเทียบต่อเดือนกลับขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.7 (รอยเตอร์)
ข้อมูลเศรษฐกิจ 9 พ.ค.50 8 พ.ค. 50 29 ธ.ค.49 แหล่งข้อมูล
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยระหว่างธนาคาร (Bht/1US$) 34.695 36.044 ธปท.
อัตราซื้อถัวเฉลี่ยตั๋วเงิน/อัตราขายถัวเฉลี่ยของ ธพ. (Bht/1US$) 34.5051/34.8356 35.8601/36.2308 ธปท.
อัตราดอกเบี้ยกู้ยืมระหว่าง ธพ. ขนาดใหญ่ระยะ 7 วัน (ร้อยละ) 4.1775 5.12813 รอยเตอร์
ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ฯ (จุด)/มูลค่าซื้อ/ขาย (พันล้านบาท) 712.87/12.90 679.84/9.22 ตลท.
ราคาทองคำแท่ง (ซื้อ/ขายบาทละ) 11,200/11,300 11,200/11,300 10,750/10,650 สมาคมค้าทองคำ
ราคาน้ำมันดิบดูไบ (US$/บาเรล) 61.31 60.07 56.48 ปตท./รอยเตอร์
ราคาน้ำมันเบนซิน 95/ดีเซล (บาท) 29.59*/25.34** 29.59*/25.34** 26.49/23.34 ปตท.
* ปรับเพิ่มเมื่อ 3 พ.ค. 50 , ** ปรับเพิ่มเมื่อ 26 เม.ย. 50
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--